ด.ต.ฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน โผล่เข้าพบตร. พร้อมอาวุธปืน แสดงตัวเป็นชายในคลิป หลังถูกโพสต์ประจานถือปืนขู่พนักงานไฟแนนซ์ ขณะทวงถามค่างวดผ่อนรถ อ้างตกใจกลัว ไม่รู้เป็นฝ่ายเร่งรัดหนี้สิน ไม่แสดงตัว ภรรยาคิดว่าจะมาปล้น แต่ยอมรับขาดส่งค่างวดจริง ตร.ดำเนินคดีข้อหาทำให้ผู้อื่นตกใจ มีโทษ จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท พร้อมเอาผิดไฟแนนซ์ ข้อหาโพสต์ประจานลูกหนี้ กับเปิดเผยความเป็นหนี้ มีโทษรวมจำคุก 6 ปี ปรับไม่เกิน 6 แสนบาท

จากกรณีนางพัชรินทร์ จันทร์ศิริ และนางดาวรุ่ง สายทองคำ พนักงานเร่งรัดหนี้สินของบริษัทไฟแนนซ์ แจ้งความที่สน.คันนายาว โดยระบุว่าเมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมด้วยทีมงานรวม 4 คน ไปทวงถามลูกหนี้ค้างค่างวดผ่อนรถเก๋ง ที่ไม่ได้จ่ายมานานประมาณ 2 ปีแล้ว แต่ระหว่างพูดคุยผู้หญิงที่ขับรถเก๋งโทรศัพท์เรียกสามีให้ออกมา ก่อนมีผู้ชาย ไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขาขาว ไม่สวมรองเท้า เดินถืออาวุธปืนออกจากบ้านในลักษณะข่มขู่ และจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้นำคลิปวิดีโอมาโพสต์เผยแพร่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันทั่ว

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 8 พ.ค. พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบทราบว่าชายที่ถืออาวุธปืนปรากฏในคลิปคือ ด.ต.เอกฉัตร สมสิริ ผบ.หมู่สืบสวน สน.บางเขน หลังเกิดเหตุได้นำอาวุธปืนพร้อมใบอนุญาตพกพามามอบให้ทางพนักงานสอบสวน จากการสอบสวนให้การในเบื้องต้น วันเกิดเหตุออกเวรจากการปฏิบัติหน้าที่ และนอนพักผ่อนอยู่ภายในบ้านพัก ต่อมาน.ส.นพวรรณ จีระ อายุ 34 ปี ภรรยา เรียกและบอกว่ามีคนมาล้อมและปล้นจะเอารถ

พ.ต.อ.สิงห์กล่าวว่า ด.ต.เอกฉัตรให้การว่า ด้วยความตกใจ และไม่รู้ว่าบุคคลที่จะมาเอารถเป็นใคร จึงนำปืนพกติดตัวไปด้วย โดยขณะที่ออกมาไม่ทราบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นใคร ไม่ทราบว่าเป็นพนักงานจากบริษัทไฟแนนซ์จริงหรือไม่ เนื่องจากไม่มีการแจ้งเอกสารแสดงตัว ด้วยความกลัวจึงนำปืนออกมาด้วย ส่วนเรื่องจ่ายค่าผ่อนรถนั้น ไม่ทราบว่าค่าดอกเบี้ยไฟแนนซ์จะสูงถึงขนาดนี้ และให้เงินภรรยาไปจ่ายทุกเดือน

ผกก.สน.คันนายาวกล่าวต่อว่า คดีนี้แบ่งออกเป็น 2 กรรม 2 วาระ โดยส่วนแรกคลิปวิดีโอมีอาวุธปืนข่มขู่ จากการตรวจสอบกับ ผู้บังคับบัญชาของด.ต.เอกฉัตร ทราบว่ามีใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืนถูกต้อง มีใบอนุญาตพกพาที่ผู้บังคับบัญชาออกให้ไว้ชั่วคราวสำหรับปฏิบัติหน้าที่ ในส่วนนี้จะดำเนินคดีด.ต.เอกฉัตร ข้อหาผู้ใดทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 392 แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 6 แห่งประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 22)

พ.ต.อ.สิงห์กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน น.ส.นพวรรณ ภรรยา ด.ต.เอกฉัตร เข้ามาให้การในส่วนของคดีแพ่ง กรณีผิดสัญญาการซื้อขาย โดยยอมรับว่าขาดส่งค่างวดจริง พร้อมทั้งระบุว่าพนักงานเร่งรัดหนี้สินไม่ได้แสดงบัตรแต่อย่างใด กรณีนี้พนักงานสอบสวนจะตรวจสอบว่ามีการติดตามยึดรถถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่ รวมถึงการโพสต์ข้อความประจานลูกหนี้ ผู้ทวงหนี้สามารถทำได้หรือไม่ การจะยึดรถของไฟแนนซ์ต้องกระทำตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ.2555 แห่งพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค และพ.ร.บ.การทวงถามหนี้ พ.ศ.2558

ผกก.สน.คันนายาวกล่าวต่อว่า เรื่องการนำข้อมูลของลูกหนี้ไปเผยแพร่โพสต์ข้อความประจานลูกหนี้ เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 11 ห้ามผู้ทวงถามหนี้กระทําการทวงถามหนี้ วรรค (1) การข่มขู่ การใช้ความรุนแรง หรือการกระทําอื่นใดที่ทําให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกาย ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของลูกหนี้หรือผู้อื่น มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และวรรค (3) การแจ้งหรือเปิดเผยเกี่ยวกับความเป็นหนี้ของลูกหนี้ให้แก่ผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทวงถามหนี้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน