สธ.จับตา 2 หมื่นคนจีนในไทย เฝ้าระวังไกด์-หมอนวด แจ้งจับ 7 มือปล่อยข่าวปลอม

คนจีน / วันที่ 29 ม.ค. นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์โรคปอดอักเสบติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า

ขณะนี้ผู้ป่วยของประเทศไทยยังอยู่ที่ 14 ราย ไม่มีรายใหม่ โดยรักษาหายกลับบ้านแล้ว 5 ราย ที่เหลือยังอยู่ในห้องแยกโรคของสถาบันบำราศนราดูรและ รพ.ราชวิถี อาการดีขึ้น ไม่มีอะไรน่ากังวล ยืนยันยังไม่พบการติดเชื้อในประเทศไทย ทั้งหมดเป็นผู้ที่รับเชื้อมาจากประเทศจีน

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคสะสมตั้งแต่วันที่ 3 – 28 ม.ค. มี 158 ราย คัดกรองได้ที่สนามบิน 29 ราย เดินเข้ามาที่สถานพยาบาลเอง 126 ราย โดยให้กลับบ้านแล้ว 62 ราย พบว่าเป็นการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ โนโรไวรัส และติดเชื้ออื่นๆ ส่วนข้อมูลเฉพาะเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา มีคนที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค 22 ราย เท่ากับว่าวันนี้เรามีการแลผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคที่มาจากหลายเมืองของจีน ไม่เฉพาะแค่เมืองอู่ฮั่นเท่านั้น ทั้งนี้เรียนว่าการเจอผู้ป่วยเข้าเกณฑ์นั้นจะเจอได้ทุกวัน

“ขออย่าเชื่อข่าวลือใดๆ หากมีข้อสงสัยให้สอบถามมาที่กระทรวงสาธารณสุข หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง และขอความร่วมมืออย่าแชร์ข่าวลือ ข่าวลวงจนทำให้เกิดความตื่นตระหนก โดยวันนี้สธ.ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับผู้ปล่อยข่าวลวงเกี่ยวกับเชื้อดังกล่าวแล้ว 7 ราย เพราะฉะนั้นขอความร่วมมืออย่าแชร์ข่าวลวง หากแชร์จะมีความผิดไปด้วย” นพ.ธนรักษ์กล่าว

นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า มาตรการรับมือโรคดังกล่าวมีการเตรียมความพร้อมสำหรับขั้นต่อไป รวมถึงกรณีหากเกิดสภาพเลวร้ายที่สุดไว้ด้วย อย่างการระบาดในประเทศไทยก็บอกไม่ได้ว่าจะเกิดเมื่อไร อาจจะวันนี้ พรุ่งนี้หรือไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ แต่เราต้องเตรียมการเผื่อไว้

ดังนั้น ในวันที่ 30 ม.ค.จะมีการประชุมร่วมกับทีมที่เกี่ยวข้องในทุกจังหวัดเพื่อวางแผนรับมือ หากมีการระบาดในวงจำกัดในบางพื้นที่ของจังหวัดจะทำอย่างไร แล้วถ้าขยายวงกว้างจะทำอย่างไร โดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม นอกจากการตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวจีนทุกคนทุกเมืองแล้ว ยังขยายการคัดกรองในคนไทยกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสใกล้ชิดกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนด้วย เช่น ไกด์นำเที่ยว หมอนวดไทย เป็นต้น หากคนกลุ่มนี้มีไข้ ไอ เจ็บคอ จะต้องนำเข้าระบบการเฝ้าระวังด้วย

เมื่อถามว่ามีการประเมินสถานการณ์อาจจะลากยาวถึง 6 เดือน ต้องเตรียมการอะไรเพิ่มหรือไม่ นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ที่ทำอยู่ตอนนี้ถือว่าเพียงพอ ทางกรมการแพทย์ และกองทัพก็ส่งบุคลากรมาเสริมการทำงาน นับว่าเป็นเรื่องดี แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องการอีกมาก คือ เครื่องวัดอุณหภูมิแบบมือถือแบบ ใช้วัดอุณหภูมิโดยไม่สัมผัสตัวบุคคล อาจจะต้องสั่งซื้อเพิ่ม

โดยการต่อสู้กับโรคระบาดต้องขอความร่วมมือกับประชาชนอย่างมาก ด้วยการฝึกปฏิบัติตนเอง ด้วยการยึดหลักอู่ฮั่น(W-U-H-A-N) คือ ล้างมือ (W – wash hands) ใช้หน้ากากอนามัย (U – use mask properly) วัดอุณหภูมิร่างกายว่ามีไข้หรือไม่ (H – have temperature checked regularly) หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีผู้คนแออัด (A – avoid large crowds ) และอย่านำมือที่ไม่สะอาดมาสัมผัสใบหน้า(N – never touch your face with unclean hands)

ส่วนกรณีที่มีหลายคนกังวลว่าทำไมถึงไม่สั่งห้ามคนจากพื้นที่ระบาดเข้าไทย เรื่องนี้ต้องดูหลายอย่าง ตอนนี้มีจีน ญี่ปุ่น และเยอรมนีที่พบผู้ป่วยในประเทศโดยไม่เคยออกนอกประเทศ ถามว่าเราต้องปิดการเดินทางทั้ง 3 ประเทศเลยหรือไม่ ซึ่งองค์การอนามัยโลกระบุว่า การปิดการค้า การเดินทางเป็นวิธีที่ไม่แนะนำ และตอนนี้องค์การอนามัยโลกก็ยังไม่ประกาศห้ามการเดินทาง

เมื่อถามว่าขณะนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคทำงานลำบาก เพราะมีการเมืองแทรกแซง นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าทีมเฝ้าระวังควบคุมโรคของเราทำงานอย่างมีอิสระมาก ไม่มีการแทรกแซงจากภาคการเมือง กลับกันยังได้รับการสนับสนุนการทำงานอย่างสะดวกมากขึ้นด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สธ. ยังสั่งการให้เราทำงานอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนมั่นใจ พวกเราเป็นนักสู้ ถ้าอนาคตจะมีการเมืองเข้ามาแทรกแซงเราจะไม่ยอม ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของประชาชน ป้องกันไม่ให้บอบช้ำให้มากที่สุด

ส่วนกรณีมีคนอู่ฮั่นเดินทางออกมาก่อนประกาศปิดเมืองถึง 5 ล้านคน โดยมีจุดหมายหลักคือประเทศไทย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการประชุมกับทางสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 27 ม.ค. ระบุว่า มีประมาณ 2 หมื่นกว่าคน ที่กำลังท่องเที่ยวอยู่ในช่วงนี้ ที่เข้ามาก่อนที่จะมีการปิดเมืองอู่ฮั่น แต่คนกลุ่มนี้กำลังทยอยเดินทางกลับด้วยสายการบินที่นำเข้ามา และกลุ่มนี้กำลังอยู่ในช่วงเฝ้าระวังว่ามีอาการป่วยหรือไม่ ซึ่งปัจจุบันก็ยังปกติดีอยู่

นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า การคัดกรองมี 3 จุด คือ สนามบิน หากตรวจพบมีไข้ก็แยกตัว ซึ่งตอนนี้เราเฝ้าระวังคนจีนทุกคนที่มาจากทุกเมืองแล้ว คัดกรองด้วยโรงพยาบาลและชุมชน ซึ่งเรามีให้คำแนะนำผู้เข้ามาทุก หากมีอาการให้รีบมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาล รวมถึงประสานไกด์ โรงแรม บริษัททัวร์ ให้ช่วยสังเกตอาการ หากพบก็ให้รีบแจ้งสถานพยาบาล จะเห็นว่าคนที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคล้วนเป็นผู้ที่เดินทางมา รพ.เองมากกว่าคัดกรองได้ที่สนามบิน และตอนนี้ก็ขยายการเฝ้าระวังไปในกลุ่มคนที่สัมผัสใกล้ชิดคนจีนด้วย หากมีอาการก็ต้องนำเข้าระบบเฝ้าระวัง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน