ขนอาวุธข้ามชาติ จับจ่า ทอ. มีทั้งอาก้า-ระเบิด

ใช้รถตรากงจักร แต่คว่ำที่ตราด อีกคดีพัสดุบึ้ม รอสอบ”สิบโท”

สอบเค้นจ่าทอ. ทหารสังกัดกอ.รมน. ขนอาวุธ สงครามเต็มปิกอัพ แต่เกิดอุบัติเหตุรถเสียหลักตกข้างทาง พลเมืองดีเข้าช่วยเหลือถึงกับตะลึง มีทั้งปืนอาก้ากว่า 30 กระบอก กระสุนเอ็ม 79 อีกกว่าร้อยนัด ส่งคุมตัวสอบสวนในค่ายทหารนาวิกโยธิน ผบ.นย.รุดตรวจสอบด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังควบคุมนายทหารยศนายพัน กัมพูชา ที่ขับเข้ามาดูเหตุการณ์ได้อีกคน เผยผลสอบสวน ทั้งคู่นัดส่งมอบอาวุธที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.คลองใหญ่ จ.ตราด หลังส่งมอบก็แยกย้าย แต่รถพันจ่าเกิดอุบัติเหตุเลยโทรศัพท์มาขอให้ช่วย จนถูกจนท.ควบคุมตัวทั้ง 2 ราย ส่วนความคืบหน้าส่งระเบิดทางพั สดุ ตร.ระบุเป็นระเบิดกองทัพ เตรียมขอตัวสิบโทสอบสวน แต่ต้นสังกัดยังไม่ติดต่อ ตร.คุมเข้มบีทีเอส หวั่นวินาศกรรม

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 มิ.ย. ที่ถนนสุขุมวิท บ้านคลองสน ต.แหลมกลัด อ.เมือง จ.ตราด เกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะอีซูซุ 4 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียนตรากงจักร 1510 กทม. ตกลงข้างถนนที่กำลังก่อสร้าง สภาพรถพังยับเยิน มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 1 คน ประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงและทหารพรานนาวิกโยธินในพื้นที่ที่พบเห็น จึงเข้าช่วยเหลือ แต่ต้องตกใจเมื่อพบว่าภายในรถยนต์มีอาวุธสงคราม ประกอบด้วย ปืนอาก้า ปืนกล ไม่ทราบจำนวน พร้อมเครื่องกระสุนกว่า 100 นัด จึงตรวจสอบและควบคุมตัวผู้ขับขี่ที่ชื่อ พ.อ.อ.ภคิน เดชพงษ์ สังกัดกอ.รมน. กทม. เพื่อสอบสวน โดยนำตัวไปควบคุมไว้ที่ชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 3 เขาล้าน (ชค.ทพ.นย.ที่ 3)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเกิดเหตุ พบรถยนต์แลนด์ครุยเซอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน 2AD-5629 พนมเปญ ประเทศกัมพูชา เดินทางมาในที่เกิดเหตุ และเข้ามาพูดคุยกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ทหาร เข้าไปตรวจสอบและนำรถยนต์รวมทั้งคนขับรถไปสอบสวนที่ ชค.ทพ.นย.ที่ 3 ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้รถยนต์แลนด์ครุยเซอร์คันดังกล่าว ขับเข้ามาทางจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก แล้วแหกด่านทหารที่จุดตรวจของหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน ที่ 182 ก่อนจะถูกตามจับได้ที่ด่านทหารที่บ้านเขาล้าน

ด้านหัวหน้า ชค.ทพ.นย.ที่ 3 รายงานให้น.อ.สมรภูมิ จันโท ผบ.ฉก.นาวิกโยธินตราด ทราบ พร้อมแจ้งไปยังกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ให้ทราบถึงสถานการณ์ในเบื้องต้น

สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ทางฝ่ายทหารยังไม่แจ้งรายละเอียดให้กับสื่อมวลชนและ ผู้เกี่ยวข้องทราบ โดยอ้างเรื่องความมั่นคง และรอให้ผู้บังคับบัญชาคือ ผบ.กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด มาสอบปากคำด้วยตนเอง เพื่อหาความเชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ ที่ผ่านมามีการค้าอาวุธสงครามของฝ่ายกัมพูชาผ่านเข้ามาในพื้นที่จังหวัดตราดหลายครั้งและถูกจับกุมได้ บางส่วนก็หลบหนีไปได้ โดยในขณะนี้ทางฝ่ายทหารกำลังตรวจสอบในเชิงลึกว่าเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ความไม่สงบในกรุงเทพมหานครหรือไม่

ต่อมาน.อ.ณรงค์ วงษ์ประเสริฐ ร้อยรส.ทร.ที่ 4 ร.อ.ธีรวรรธน์ คำใบ หัวหน้ากองร้อยทหารพรานนาวิกโยธิน ที่ 536 ต.แหลมกลัด อ.เมือง จ.ตราด พร้อมนายสุรพงษ์ วิสุทธิแพทย์ ชาวบ้านคลองสน ต.แหลมกลัด อ.เมือง จ.ตราด ที่เป็นคนที่ช่วยเหลือคนแรก ร่วมกันค้นหาอาวุธสงครามเพิ่มเติม หลังสอบสวนแล้วพบว่า ปืนอาก้า 30 กระบอก และเครื่องสุนปืนเอ็ม 79 อีกจำนวนมาก และระหว่างค้นหาพบลูกปืนเอ็ม 79 อีก 1 ลูก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ระหว่างที่ทำงานอยู่ในบ้านและมีฝนตกหนัก ปรากฏว่ามีรถยนต์คันหนึ่งแหกโค้งและพลิกคว่ำหลายตลบจนรถยนต์เสียหายยับเยินจึงเข้าไปช่วยเหลือ และคนขับไม่เป็นอะไรมาก และบอกว่าเป็นทหารอากาศ แต่พบว่าในรถยนต์มีอาวุธปืนจำนวนมาก จึงแจ้งให้ทหารนายิกโยธินที่เขาล้าน มาตรวจสอบ และพบว่ามีปืนอาก้าถึง 30 กระบอก และลูกกระสุนปืน เอ็ม 79 นับร้อยลูก และคนขับบอกว่าขอให้ช่วยยกรถยนต์ขึ้นมา และจะมีเจ้านายมารับในพื้นที่ แต่ไม่รู้ว่าปืนเหล่านี้เอาไปทำอะไร

ที่ค่ายชค.ทพ.นย.ที่ 3 มีรถยนต์ทหารนาวิกโยธิน ตำรวจ และรถยนต์ของกัมพูชาจอดอยู่ภายใน และมีการสอบสวนทหารอากาศและชาวกัมพูชาด้านในโดยไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไป และได้รับแจ้งว่า ผู้บัญชาการนาวิกโยธินได้เดินทางมาตรวจสอบและแถลงข่าวด้วย

ต่อมา น.อ.สมรภูมิ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนแล้วพบว่าพ.อ.อ.ที่ขนอาวุธสงครามนั้น เป็นทหารอากาศจริง และมีสังกัดตามที่ระบุ แต่เรื่องรถยนต์นั้นยังต้องหารายละเอียดเพิ่ม ซึ่งจาการตรวจสอบการใช้โทรศัพท์มือถือได้รับทราบข้อมูลที่น่าสนใจบางประการ แต่ยังต้องตรวจสอบต่อไป ส่วนชาวกัมพูชาที่ควบคุมตัวได้นั้น เป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย แต่กำลังประสานไปยังสังกัดของชาวกัมพูชารายนี้อยู่

“อาวุธสงครามชุดนี้ถือว่ามีจำนวนมาก และมีใช้ในราชการทหารเท่านั้น แต่ยังไม่สามารถบอกว่าจะนำมาป่วนในกรุงเทพฯหรือนำไปขายให้ชนกลุ่มน้อย เพราะทหารอากาศรายนี้ยังไม่ยอมรับสารภาพ ส่วนท่านผบ.นย.จะเดินทางมาดูอาวุธสงครามชุดนี้ด้วยตัวเอง แต่อาจจะให้ข้อมูลได้บ้าง ส่วนการแถลงนั้นจะให้ทางกรุงเทพฯเป็นผู้แถลงข่าวเรื่องนี้โดยตรง”

ต่อมาเวลา 17.00 น. พล.ร.ท.รัตนะ วงษ์สาโรจน์ ผบ.นาวิกโยธิน เดินทางมาที่ชค.ทพ.นย.ที่ 3 และรับทราบรายงานเบื้องต้นจากผบ.ฉก.นย.ตราด แต่ยังไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ

รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับชายชาวกัมพูชาที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ เป็นนายทหารระดับนายพันในประเทศกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างติดต่อกับต้นสังกัด ทั้งนี้จากการสอบสวนทราบว่า รถทั้ง 2 นัดส่งอาวุธสงครามกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอ.คลองใหญ่ จ.ตราด โดยรถของนายพันชาวกัมพูชาขนอาวุธมาส่งให้กับพ.อ.อ. เมื่อขนอาวุธเรียบร้อย ทั้ง 2 ฝ่ายก็แยกย้าย โดยรถแลนด์ครุยเซอร์ขับกลับไปยังกัมพูชา ขณะที่ปิกอัพ ดีแมคซ์ ขับออกมา แต่เกิดอุบัติเหตุตกถนน ทำให้พ.อ.อ.โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากนายพันกัมพูชา จนต้องวกรถกลับมาดู ซึ่งขณะขับกลับมาผ่านด่านตรวจ เจ้าหน้าที่พบพิรุธ เนื่องจากขับรถเร็วเกินกว่าปกติ จึงติดตามมาตรวจสอบจนกระทั่งควบคุมตัวไว้ได้ทั้งคู่ ส่วนจะนำอาวุธไปใช้ก่อเหตุอะไร ต้องรอผลสืบสวนขยายผล

สำหรับอาวุธสงคราม ที่ยึดมาได้ประกอบด้วย 1.ปืนอาก้า AK 47 จำนวน 29 กระบอก แบบพับฐาน 10 กระบอก แบบพานท้ายยาว 19 กระบอก 2.ปืนกล ขนาด 7.62 มม. 4 กระบอก 3.ลำกล้องอะไหล่ปืนกล 1 ลำกล้อง 4.ซองกระสุนปืน AK 47 ชนิด 30 นัด จำนวน 36 ซอง 5.ซองกระสุนปืน M16 ชนิด 30 นัด จำนวน 2 ซอง 6.ซองกระสุนปืนกล 7.62 จำนวน 4 ซอง 7.กระสุนปืน AK 47 ขนาด 7.62 จำนวน 4,147 นัด 8.ลูกเบี้ยว AK 47 จำนวน 6 ชิ้น 9.กระสุน M 79 จำนวน 53 ลูก 10.ลูกระเบิดขว้างจำนวน 1 ลูก 11.กระสุน ปรส. 75 จำนวน 1 ลูก 12.กระสุนปืนขนาด 9 ม.ม.จำนวน 10 นัด 13.ป้ายทะเบียนรถยนต์ 7625 ขอนแก่น 2 ป้าย

ทั้งนี้จากการตรวจสอบทะเบียนรถยนต์ อีซูซุ พบว่าทะเบียนตรากงจักร หมายเลข 1510 เป็นทะเบียนปลอม ซึ่งที่ผ่านมาผู้ต้องหารายนี้ เดินทางเข้า-ออก ในพื้นที่จังหวัดตราด มาแล้ว 2-3 ครั้ง

ส่วนคดีส่งระเบิดทางไปรษณีย์ ในพื้นที่กทม. พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก. สน.บาง เขน เปิดเผยถึงกรณีที่ศูนย์บริการส่งพัสดุของ บ.เคอรี่เอ็กซ์เพรส สาขาบางเขน ที่มีผู้ส่งพัสดุมาแต่ไม่มีผู้รับสิ่งของปลายทาง จ.ชลบุรี จึงมีการตีกลับมายังศูนย์บางเขน เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดดูจึงพบว่าเป็นลูกระเบิดสังหารบุคคล (M67) สภาพพร้อมใช้งาน ซึ่งจากการตรวจสอบรายชื่อผู้ส่งพบว่าเป็นทหาร ชื่อ ส.ท.อิสรพงศ์ พรหมบุตร อายุ 27 ปีสังกัด ช.พัน1รอ. จึงประสานต้นสังกัดให้ควบคุมตัวส่งพนัก งานสอบสวนของสน.บางเขน เพื่อสอบปากคำและเตรียมดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ประสานกลับมาว่าจะควบคุมตัวมาให้กับพนักงานสอบสวนในวันและเวลาใด ทราบเพียงว่าต้นสังกัดควบคุมตัวส.ท. รายดังกล่าวไว้แล้ว และอยู่ระหว่างการสอบสวนของทางฝ่ายทหาร โดยพบว่าระเบิดที่ถูกจัดส่งมาทางไปรษณีย์นั้น ถูกลบหมายเลขออกแล้ว ซึ่งอาจเป็นการลักลอบนำเอาอาวุธของทางราชการออกมาขาย และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในหลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯแน่นอน

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม หลังจากกระบวนการสืบสวนสอบสวนสมบูรณ์ จะส่งฟ้องไปตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. สั่งการให้หน่วยที่เกี่ยวข้องประสานงานและอำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำผิด มาดำเนินการตามกฎหมายอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้หน่วยงานต่างๆ ให้ระมัดระวังมีการตรวจสอบการเก็บรักษาและควบคุมทางบัญชีของกระสุนและวัตถุระเบิดให้เป็นตามมาตรฐานตามที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด

“ปัจจุบันในทุกกรณีหากพบว่ามีกำลังพลของกองทัพบกไปเกี่ยวข้องการกระทำความผิดในทุกกรณี จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งในด้านอาญาและในทางวินัยทหารขั้นร้ายแรงต่อไป ส่วนเรื่องความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิด 3 จุดในช่วงที่ผ่านมา หรือไม่ในเบื้องต้นยังไม่พบความเชื่อมโยงกัน” พ.อ.วินธัยกล่าว

เมื่อเวลา 13.40 น. พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น. ลงพื้นที่ตรวจการรักษาความปลอดภัยและการคัดกรองผู้โดยสารบริเวณสถานีรถไฟฟ้าพญาไท หลังรับคำสั่งจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ให้เรียกประชุมวางแนวทางการเพิ่มความเข้มและเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยตลอดแนวรถไฟฟ้าบีทีเอส และเอ็มอาร์ที ห้างสรรพสินค้าดังย่านปทุมวัน และพื้นที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส พญาไท ถือว่าเป็นจุดหนึ่งที่มีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก เนื่องจากมีการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนหลายส่วนทั้ง รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ และรถสาธารณะ ทั้งนี้การตรวจสัมภาระจะไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกและกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนและบรรยากาศการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน