ทหารคุมตัวผู้ต้องหาคดีส่งระเบิดทางพัสดุภัณฑ์ที่ขังไว้มทบ.11 มอบให้กองปราบฯ ดำเนินคดีแล้ว รวม 12 ราย ยังอีก 2 รายที่เตรียมส่งตามมาสมทบ ส่วนอีก 3 รายที่เหลือถูกดำเนินคดีที่ต่างจังหวัด สรุปแล้วมีผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด 17 ราย เป็นทหาร 7 นาย ยศสูงสุดร.ท. แยกดำเนินคดีเป็น 3 กลุ่ม คือกลุ่มที่ลงมือขโมยจากคลังอาวุธ ขาย และซื้อ เผย 3 จ.ส.อ.โดนข้อหาน่วม ส่วนความคืบหน้าคดีจ่าทหารอากาศ ขนอาวุธนั้น ตรวจสอบวงจรปิดพบรถเรนจ์ โรเวอร์เข้าออกไทย-กัมพูชาหลายครั้ง แต่ไม่ทราบว่าร่วมขนอาวุธด้วยหรือไม่

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 9 มิ.ย. ที่กองปราบปราม เจ้าหน้าที่ทหารมณฑลทหารบกที่ 11 ได้คุมตัวผู้ต้องหาคดีส่งพัสดุอาวุธสงครามผ่านบริษัทรับส่งพัสดุภัณฑ์เคอร์รี่ เอ็กซ์เพรส จำนวน 10 ราย ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกคุมตัวไว้ที่มทบ.11 ตามคำสั่งของคสช.จนครบ 7 วัน หลังจากรับตัวแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว ผู้ต้องหาทั้งหมด ให้แพทย์ร.พ.ตำรวจ ตรวจร่างกาย พิมพ์ลายนิ้วมือ ถ่ายรูปทำประวัติ ตามขั้นตอนรับมอบตัว ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ทหารยังนำของกลางในคดี อาทิ ระเบิดปืนยาว และเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ยึดไว้ได้มามอบให้พนักงานสอบสวนด้วย โดย มีพ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย และพ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผบก.ป. เป็นผู้แทนรับมอบตัว

สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าตรวจสอบกล่องพัสดุต้องสงสัย ที่บริษัทเคอร์รี่ เอ็กซ์เพรส สาขาบางเขน หลังรับแจ้งว่า พบระเบิดรุ่นเอ็ม 67 จำนวน 4 ลูก สภาพพร้อมใช้งาน ถูกบรรจุในกล่องพัสดุ ภัณฑ์ ต่อมาได้สอบสวนจนทราบตัวผู้ต้องสงสัย ก่อนที่นายทหารพระธรรมนูญ จะเข้าแจ้งความกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีทั้งผู้จำหน่าย ผู้จัดหา รวมถึงผู้สั่งซื้อในขบวนการนี้ทั้งหมด ในข้อหามีอาวุธปืนและวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้โดยผิดกฎหมาย ก่อนมีการออกหมายจับผู้ต้องหา 12 ราย เป็นทหาร 7 ราย และพลเรือน 5 ราย

สำหรับผู้ต้องหาที่เป็นทหาร ประกอบด้วย ร.ท.สันติ นามวิเศษ, จ.ส.อ.ประดิพัทธ์ เสน่ห์ดี, จ.ส.อ.ฉัตรชัย เอี่ยมสมบูรณ์, จ.ส.อ. พลหงส์ศาสตร์ เสนาวงษ์, จ.ส.อ.ธนากรณ์ บุญกาญจน์, ส.อ.สุทธิโชค ไพเราะ และ พลทหาร สกลนที พรหมทอง ส่วนที่เป็นพลเรือน ประกอบด้วย นายเกษมสุข นามศรี, นายสิทธิชัย ทองเชื้อ, นายณัฐพล อยู่ยืด, นายณัฐพงศ์ ทองคำพันธุ์ และนายศักดิ์สิทธิ์ จันทาป

หลังการสอบสวน พ.ต.อ.สันติ เปิดเผยว่ากลุ่มผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่าร่วมกันเปิดเพจกลุ่มในเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นกลุ่มปิด และกลุ่มในแอพพลิเคชั่นไลน์ เพื่อสื่อสารกันเองในกลุ่ม เมื่อมีลูกค้าโพสต์ขอซื้อลูกระเบิด กระสุนปืน หรืออาวุธต่างๆ ก็จะช่วยกันประสานกับกลุ่ม ผู้ต้องหาคนอื่นๆ เพื่อจัดหาสินค้าไปขายหรือส่งให้ ในการสอบสวนยังไม่พบว่าวัตถุระเบิดหรือเครื่องกระสุนที่นำมาขาย จะถูกนำไปใช้ก่อเหตุความรุนแรง หรือเชื่อมโยงกับเหตุความรุนแรงในพื้นที่ ภาคใต้ หรือกลุ่มผู้ค้าอาวุธตามแนวชายแดน แต่อย่างใด

พ.ต.อ.สันติ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นจะแยกการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือ ข้อหา ผู้จัดหาวัตถุระเบิด คือ จ.ส.อ.ฉัตรชัย ในฐานความผิด ตามมาตรา 147 ผู้ใดเป็น เจ้าพนักงาน มีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย, ความผิดฐานเป็น เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 และครอบครองและจำหน่ายอาวุธสงคราม

ส่วนที่ 2 ก็คือ จ.ส.อ.ประดิพัทธ์ และ จ.ส.อ.ธนากรณ์ ซึ่งพบว่าเป็นผู้จำหน่ายวัตถุระเบิด ก็ได้แจ้งข้อหาในฐานความผิดร่วมกันสนับสนุนตามมาตรา 147 และ 157 รวมทั้งในฐานความผิดร่วมกันครอบครองและจำหน่ายอาวุธสงคราม

ส่วนที่ 3 ก็คือผู้ต้องหาที่เหลือ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ซื้อ ก็จะดำเนินคดีฐานความผิด ซื้อและครอบครองอาวุธสงคราม อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 17 คน เป็นพลเรือน 10 คน ทหาร 7 ราย ถูกควบคุมตัวไว้ที่กองปราบปรามแล้ว 12 คน อยู่ระหว่างถูกส่งตัวมาให้อีก 2 ราย คือนายประชิดชัย สุดสกุล และส.ต. กฤตภาส ยิ้มละมัย

พ.ต.อ.สันติ กล่าวต่ออีกว่า ที่เหลืออีก 3 รายคือ นายอิสระ อินทร์จันทร์ ถูกดำเนินคดีที่ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายนเรนทร์ฤทธิ์ ทองสีทอง ถูกดำเนินคดีที่ สภ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ส.อ.พลหงส์ศาสตร์ เสนาวงษ์ ถูกดำเนินคดีที่ จ.พิษณุโลก ซึ่งก็จะไปขออายัดตัวมาดำเนินคดี สำหรับผู้ต้องหาทั้งหมดที่ถูกคุมตัวไว้ที่กองปราบปรามนั้นจะไปขออำนาจศาลอาญา ฝากขังในวันที่ 10 มิ.ย.ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 10 ราย ที่ถูกนำตัวมาส่งให้กองปราบฯดำเนินคดีครั้งนี้ เมื่อนำมาร่วมกับผู้ต้องหาที่เจ้าหน้าที่ทหารนำตัวมาส่งให้กองปราบปรามเมื่อคืน วันที่ 8 มิ.ย. อีก 2 รายคือจ.ส.อ.ประดิพัทธ์ เสน่ห์ดี และนายเกษมสุข งามศรี รวมเป็นทั้งหมดเป็น 12 ราย

ที่พล.ม.2.รอ. พล.ต.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.พล.ม.2 รอ. กล่าวถึงการดูแลอาวุธ ยุทโธปกรณ์ภายในหน่วย เพื่อป้องกันกำลังพลลักลอบนำไปขายนอกหน่วย ว่าในส่วนของตนซึ่งถือเป็นหน่วยกำลังรบ จะมีอาวุธ และกระสุนในส่วนที่มีความจำเป็นที่จะต้องนำไปใช้ปฏิบัติการทันที เพราะฉะนั้นการเก็บรักษาและการดูแลปริมาณ รวมถึงการตรวจ ในส่วนนี้ได้สร้างความมั่นใจได้ว่าทางเจ้าหน้าที่มีการตรวจทุกสัปดาห์ และกำหนดระเบียบความรับผิดชอบอาวุธ โดยระบุชื่อ เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ อีกทั้งยังทำความสะอาดทุกสัปดาห์ ส่วนเรื่องวัตถุและกระสุนมีการเก็บรักษาอย่างดีภายในโรงเก็บ ซึ่งการจะเข้าไปในสถานที่เหล่านั้น จะมีการบันทึกชื่อเข้า-ออก รวมถึงมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด และเก็บรักษากุญแจโดยผู้บังคับบัญชา

“หน่วยปฏิบัติแบบเราจะไม่มีปัญหาเรื่องอาวุธ ยุทโธปกรณ์ การเล็ดลอด เพราะมีปริมาณไม่มาก และเรามีมาตรการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด เพราะเราเป็นผู้ใช้และผู้ปฏิบัติ ผมขอยืนยันได้ในเรื่องเหล่านี้” พล.ต.เฉลิมพลกล่าว

ส่วนความคืบหน้าคดีพ.อ.อ.ภคิน เดชพงษ์ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่กอรมน. ลักลอบขนอาวุธสงครามจากประเทศเพื่อนบ้าน นำส่งขาย ชนกลุ่มน้อยที่ถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.นั้น ขณะนี้ใกล้ถึงช่วงเวลา 7 วันที่พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.ได้กำหนดเวลาไว้ ภายในวันที่ 11 มิ.ย.ให้พนักงานสอบสวนสภ.ท่าเลื่อน ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด สรุปคดีให้ได้

รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับสภ.คลองใหญ่ จ.ตราด ซึ่งเป็นพื้นที่รับส่งอาวุธปืนสงครามนั้น ได้รับคำสั่งให้ติดตามและแกะรอยผู้ค้าอาวุธที่ขนส่งมาให้พ.อ.อ.ภคิน ซึ่งตำรวจสายสืบได้แกะรอยกล้องวงจรปิดทั้งจากของตำรวจ เทศบาลตำบลคลองใหญ่ และเทศบาลตำบลหาดเล็ก และส่วนราชการอื่นๆ ในจุดผ่านแดนถาวรเพื่อมาเชื่อมโยงกับหลักฐานอื่นๆ โดยเฉพาะพื้นที่ในโรงแรมในเขตเทศบาลตำบลคลองใหญ่ ซึ่งพบรถยนต์ทั้งสองคันเข้าและออกโรงแรมทวีศักดิ์กิตติยา วันที่ 3 มิ.ย. รถยนต์เรนจ์ โรเวอร์ เข้าโรงแรมในเวลา 06.52 น.และออกในเวลา 07.08 น.

สำหรับรถยนต์อีซูซุที่ใช้ขนอาวุธ เข้าพักในวันที่ 2 มิ.ย. เวลา 20.00 น.ออกจากโรงแรมในวันที่ 3 มิ.ย. เวลา 07.28 น. โดยวงจรปิดจับภาพได้เพียงเท่านี้ ไม่พบว่ามีภาพที่กำลังขนอาวุธสงครามใส่ในรถยนต์ต้องสงสัยแต่อย่างใด

ส่วนอีก 2 จุด คือ บริเวณโรงแรมคลองใหญ่ทั้งภายในและภายนอกก็ไม่พบ รวมทั้งบริเวณช่องเขาวง ที่เป็นช่องทางที่ถูกอ้างตั้งแต่ต้นว่ามีการขนอาวุธสงครามผ่านจุดนี้ แต่ยังไม่พบภาพวงจรปิดเช่นกัน นอกจากนี้ ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก พบภาพของรถยนต์ที่ร.ต.ท.เรียง พิเสิด เข้าออกผ่านจุดผ่านแดนถาวรหาดเล็กหลายครั้ง แต่ไม่มีหลักฐานว่ามีการ ขนอาวุธสงครามอยู่ในรถยนต์หรือไม่

สำหรับร.ต.ท.เรียงนั้น บก.ภ.ตราด และหน่วยประสานงานชายแดนไทยกัมพูชา ด้านจ.ตราด ได้ประสานไปยังส่วนราชการ จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา และหน่วยประสานงานชายแดนกัมพูชาไทยด้าน จ.เกาะกง เพื่อให้ได้รับการยืนยัน และรับรองว่าเป็น เจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่ แต่ยังไม่ได้รายละเอียด

นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยกรณีพบวัตถุต้องสงสัยที่โรงพยาบาลชลบุรีว่า ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ได้ตรวจตราอย่างละเอียด ทำให้พบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว ซึ่งทราบว่า ที่ผ่านมาโรงพยาบาลชลบุรีได้อบรมทีม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพเป็นอย่างดีจากการตรวจเฝ้าระวังความปลอดภัยรอบๆโรงพยาบาล ซึ่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดบริเวณดาดฟ้าอาคารของโรงพยาบาล แต่จากการตรวจสอบภายหลังแล้วพบว่าไม่ใช่

นพ.โสภณกล่าวว่า รมว.สาธารณสุข ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของสถานพยาบาล ความปลอดภัยของผู้ป่วย และ เจ้าหน้าที่ โดยได้สั่งการให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และผู้อำนวยการ โรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ กำชับ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนช่วยกันเป็นหู เป็นตา สอดส่องสังเกตความผิดปกติต่างๆ เช่น สิ่งของที่ตั้งทิ้งไว้โดยไม่มีเจ้าของ บุคคลที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย และต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดให้อยู่ในสภาพใช้การได้ หากต้องติดตั้งเพิ่มในจุดสำคัญ ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเดือนนี้ โดยทำหนังสือสั่งการไปยังทุกจังหวัดอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน