เฉลยที่มา #ชานมข้นกว่าเลือด ทำชาวเน็ตชาวไทย-ฮ่องกง-ไต้หวัน ผูกมิตรสนั่นทวิตเตอร์ ขึ้นเทรด์อันดับ 1 โต้แถลงการณ์สถานทูตจีน

เมื่อวันที่ 15 เม.ย. โลกออนไลน์ โดยเฉพาะในทวิตเตอร์ ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตจำนวนมาก ต่างโพสต์ข้อความ พร้อมติด แฮชแท็ก #ชานมข้นกว่าเลือด และ #MilkTeaAlliance นับตั้งแต่ค่ำวันที่ 14 เม.ย. จนถึงเช้าวันที่ 15 เม.ย. โดยมีนัยยะแสดงการรวมตัวกันของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวไทย ไต้หวัน และฮ่องกง ที่นิยมดื่มชานม อันเป็นสัญลักษณ์ของการรวมตัวกันไม่เห็นด้วยกับยโยบายรัฐบาลจีน

แฮชแท็กดังกล่าวเป็นที่นิยมจนขึ้นเทรด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 และเพื่อตอบโต้แถลงการณ์ของสถานทูตจีนในไทยถูกเผยแพร่ออกไป ผู้ใช้ทวิตเตอร์ของไทยต่างแสดงความไม่พอใจต่อแถลงการณ์ดังกล่าวอย่างมาก มีการโพสต์คัดค้านต่อแถลงการณ์ดังกล่าวในเพจสถานทูตจีนจำนวนมาก จนถึงช่วงสายของวันนี้ (15 เม.ย.) ตามเวลาไทย มีผู้ติดแฮชแท็กนี้ในทวิตเตอร์ เกือบ 5 แสนครั้ง

สงครามไซเเบอร์ครั้งนี้ เกิดขึ้นจากปัญหาการปะทะคารมณ์ออนไลน์ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ต จีน กับไทย จากปัญหาเรื่องดารา ลามมาจนถึงปัญหาทางการเมืองระดับชาติ โดยมีผู้ใช้ทวิตเตอร์ในฮ่องกง และ ไต้หวันจำนวนมาก ต่างเข้ามาให้การสนับสนุนฝ่ายไทย ทั้งยังชื่นชมว่าคนไทยตอบโต้ด้วยท่าทีสนุกสนาน สร้างเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี จนเป็นข่าวดัง

โจชัว หว่อง แกนนำเรียกร้องประชาธิปไตย ในฮ่องกง ทวีตสนับสนุนฝ่ายไทยว่า “ฮ่องกงยืนเคียงข้างเพื่อน ๆ ที่รักในเสรีภาพในไทย ต่อต้านการกลั่นแกล้งจากฝ่ายจีน”

ด้าน เฉินเหวิน ซาน นายกเทศมนตรีเมืองเถาหยวน ยังทวีตขอบคุณคนไทยอีกด้วย โดยบอกว่าไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไต้หวันมานานแล้ว และหวังว่าจะได้ร่วมมือแลกเปลี่ยนกันเพิ่มขึ้นอีกเมื่อวิกวิกฤตโควิด-19 ผ่านพ้นไป

ล่าสุด ประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน ทวีตข้อความวันที่ 14 เม.ย. ว่า “ขออวยพรให้มิตรสหายชาวไทยในไต้หวันทุกท่าน มีความสุขในวันสงกรานต์ค่ะ ถึงแม้ว่าในปีนี้พี่น้องชาวไทยบางท่านจะไม่สามารถกลับไทยไปร่วมเฉลิมฉลองได้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 อย่างไรก็ตามดิฉันขออวยพรให้ทุกท่านมีชีวิตที่เปี่ยมด้วยความหวังและความสุขตลอดปีค่ะ” แม้ไม่ได้แสดงจุดยืนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยตรง แต่ก็ถูกตั้งสังเกตถึงจังหวะเวลาในการทวิตดังกล่าว ซึ่งทวีตด้วยภาษาไทยชัดเจน

ทางด้านประเทศจีนนั้น ได้มีแถลงการณ์ของโฆษกสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย จนเกิดวิวาทะตามมา โดยได้แถลงผ่านเฟซบุ๊กของสถานทูต กรณีสงครามออนไลน์ในครั้งนี้ว่า จีนยืนยัน “หลักการจีนเดียว” และมีคนบางฝ่ายเท่านั้นที่ไม่รู้และคิดอคติ “วางแผนมุ่งร้าย ยุแยงเพื่อทำให้ผู้คนผิดใจกัน”

“ฝ่ายจีนยืนหยัดคัดค้านบุคคลใดที่แสดงความคิดเห็นที่ผิดพลาดต่อหลักการจีนเดียวไม่ว่าจะสถานการณ์ใดก็ตาม ในขณะเดียวกัน ขอชี้ให้เห็นว่า หลักการจีนเดียว เป็นจุดยืนที่รัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทยยึดมั่นมาเป็นเวลานาน

ความคิดเห็นส่วนบุคคลบนโลกออนไลน์สามารถสะท้อนอคติและความไม่รู้ของตนเท่านั้น” โฆษกหญิงของสถานทูตระบุในแถลงการณ์ และบอกว่าความคิดเห็นเหล่านี้ไม่สามารถแสดงถึงจุดยืนที่มั่นคงของรัฐบาลไทยและความคิดเห็นกระแสหลักของประชาชนชาวไทยได้

แถลงการณ์สถานทูตจีนยังบอกอีกว่า “คนบางกลุ่มบนโลกออนไลน์ใช้โอกาสนี้ทำให้เรื่องขยายใหญ่โตลุกลามออกไป พยายามวางแผนมุ่งร้าย ยุแยงเพื่อทำให้ผู้คนผิดใจกัน ซึ่งความคิดนี้จะไม่มีทางประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน”

โฆษกยังบอกอีกว่า “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” มิตรภาพระหว่างจีน-ไทยมีมาช้านาน ไม่ว่าจะเป็นสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย หรือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ในวันนี้ก็ตาม จีน-ไทยและประชาชนทั้งสองประเทศต่างก็ดูแลและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ร่วมฟันฝ่าความทุกข์ยากนี้ไปด้วยกัน


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน