ตา ‘ปลายฝน’ ขอแฟนหนุ่ม บอกความจริงสังคม เผยหลังทราบเรื่องรู้สึกโกรธ และกระทบจิตใจมาก

จากกรณีโซเชียลแห่แชร์เรื่องราวของ น.ส.ปลายฝน อายุ 19 ปี สาวรปภ. ซึ่งโพสต์รูปวาดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมเขียนข้อความตัดพ้อถึงความยากลำบากที่ได้รับและไม่มีเงินจะซื้อนมให้ลูกกิน ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ก่อนตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง ต่อมาตรวจสอบพบว่า น.ส.ปลายฝน ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐ 5,000 บาท เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ตามที่นำเสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 1 พ.ค. นายพร อ่ำสาริกา อายุ 69 ปี ผู้เป็นตาและเป็นผู้เลี้ยงดู กล่าวว่า ลูกชายตนมาบอกว่า เงิน 5,000 ที่หายไปนั้น คือนายวิชัย แฟนหนุ่ม ที่นำเงินไป โดยนำเงินไปส่งค่ารถจักรยานยนต์ที่ซื้อมาใหม่ และไม่ยอมบอกผู้ตายว่า ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล คือตอนนั้นตนรู้สึกโกรธมาก ทำให้หลานของตนต้องตัดพ้อถึงรัฐบาล ก่อนที่จะตัดสินใจฆ่าตัวตาย ตนจึงตัดสินใจเข้าไปคุยกับนายวิชัย ก่อนที่จะไล่นายวิชัยกลับบ้าน เนื่องจากไม่อยากเห็นหน้า ถ้านายวิชัยอยู่ต่อ ตนคงเก็บอาการตัวเองไม่ไหว

ในส่วนของเรื่องเงิน 3,000 ที่น้องปลายฝนจะโอนกลับบ้านมาตลอดเพื่อเป็นค่านมลูก กลับได้เพียงแค่ 2,000 บาท ตอนนั้นตนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแต่ว่าหลานคงไม่มีเงินเลยส่งมาให้เท่านี้ แต่เนื่องจากนายวิชัยเป็นผู้ดูแลเงินของผู้ตายทั้งหมด ตนเชื่อว่าคงมีการยักยอกเงินไปบางส่วน แต่หลานของตนไม่ทราบ ตนทราบเรื่องดังกล่าวยิ่งทำให้กระทบจิตใจมาก เนื่องจากนายวิชัยโกหกมาโดยตลอด

นายพร กล่าวต่อว่า ตนได้มีการติดต่อทนายกะว่าจะเอาเรื่องนายวิชัยว่าสามารถดำเนินคดีได้ไหม ในข้อหายักยอก ทราบว่าสามารถดำเนินคดีได้ แต่หลักฐานไม่เพียงพอ และข้อหามันเบาเกินไป อยากจะบอกถึงนายวิชัย ว่า “มึงไม่ซื่อตรงกับหลานกู ขอให้มึงออกมาเปิดเผยความจริงซะ เรื่องจะได้จบ ลูกผู้ชายทำผิดต้องรับความจริง สังคมอภัยให้ได้ ถ้าเรื่องยังอยู่อย่างนี้มันจะอยู่ในสังคมได้ยาก รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นซะ”

ด้านน้าชายของ น.ส.ปลายฝน กล่าวว่า นายวิชัยเป็นคนพูดตอนไปรับศพว่า น้องปลายฝน ไม่ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล แต่เงินเยียวยาเข้าตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.แล้ว เลยเรียกนายวิชัยเข้ามาคุย นายวิชัยอ้างว่า เงินที่เข้าเมื่อวันที่ 16 เม.ย. เป็นเงินเดือน เพราะเงินเดือนที่ผู้ตายทำงาน เข้าวันที่ 16 เม.ย. เหมือนกัน

น้าชาย กล่าวต่อว่า สลิปเงินเดือนของบริษัท แจ้งยอด 5,064 บาท แต่เงินเยียวยาจะเข้า 5,000 บาทพอดี ตนก็ถามต่อว่า เอาให้แน่ว่าเงินที่ได้เป็นเงินเยียวยาหรือเงินเดือน นายวิชัย ก็ยืนยันว่าเป็นเงินเดือน ตนก็อยากทราบว่าเงิน 5,000 เป็นเงินอะไรกันแน่ ถึงเดินทางไปที่ธนาคาร เพื่อขอสเตทเม้นท์เงินโอนเข้าออก แต่ไม่สามารถขอได้ เนื่องจากเจ้าของบัญชีผู้ตายเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้มาขอ เพื่อที่จะได้ดูว่ามันเป็นเงิน 5,000 หรือ 5,064 บาทที่นายวิชัยอ้าง

น้าชาย กล่าวอีกว่า ต่อมาทางบริษัทที่น้องปลายฝนทำงานอยู่มางานศพ จึงได้สอบถามไปทราบว่า เงินเดือนของน้องจะถูกโอนเงินเข้าวันที่ 20 เม.ย. ซึ่งไม่ได้เข้าวันที่ 16 เม.ย. อย่างที่นายวิชัยอ้าง เนื่องจากน้องปลายฝนเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ และสมุดบัญชีส่วนตัวไม่ใช่บัญชีที่บริษัทจะโอนเงินให้ จึงไปถามนายวิชัยว่าไหนว่าเป็นเงินเดือนไง ทางบริษัทเขาบอกมาว่าเงินจะเข้าวันที่ 20 เม.ย. ไม่ใช่วันที่ 16 เม.ย. ตกลงยังไงกันแน่

น้าของ น.ส.ปลายฝน บอกต่อว่า นายวิชัยยอมรับว่าเงินเข้ามา 5,000 จริง แต่บอกกับน้องปลายฝนว่าเป็นเงินเดือน ไม่ใช่เงินเยียวยารัฐบาล แลได้เอาเงินไปจ่ายค่าผ่อนรถ 4,000 บาทแล้ว น้องปลายฝนก็เข้าใจว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินเดือน และไม่ได้เอะใจว่าเงินเดือนจะเข้าวันที่ 20 เม.ย. ก็คิดว่าเงินเดือนเข้ามาแล้ว

สมมติว่า น้องรู้ว่าเงินที่เข้าเมื่อวันที่ 16 เม.ย. เป็นเงินของรัฐบาล และเงินเดือนจะเข้าอีกวันที่ 20 เม.ย. น้องคงไม่ตัดพ้อวาดรูปโพสต์ลงแบบนั้นในวันที่ 22 เม.ย. ว่าไม่ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล ก็แสดงว่าน้องไม่รู้ นายวิชัยคงรู้อยู่คนเดียว

น้าชาย กล่าวอีกว่า ในส่วนของเงิน 3,000 บาทที่โอนให้เป็นค่านมอยู่เป็นประจำนั้น ตนได้ไปถามแม่ของน้องปลายฝน ทราบว่าได้เงินเพียงแค่ 2,000 บาทเท่านั้น ตนถามไปว่าเกิดอะไรขึ้นจนทราบอีกว่านายวิชัยเป็นผู้ถือเงินและเป็นคนโอนให้ครอบครัวน้องปลายฝนครั้งละ 2,000 บาทเท่านั้น โดยนายวิชัยอ้างว่า ลืม เนื่องจากโอนเงินหลายที่

“ตอนนี้ยังติดต่อนายวิชัยไม่ได้อีกเลย อยากให้นายวิชัยออกมาพูดความจริง สังคมจะเป็นผู้พิจารณาด้วยตัวของมันเอง ถ้าน้องรู้ว่าน้องได้รับเงินเยียวยา เหตุการณ์แบบนี้คงไม่เกิดขึ้น” น้าชายกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน