ศบค.เผยไทม์ไลน์ ก่อนผ่อนปรนรอบ 2 ลุ้นเปิด-ไม่เปิดห้าง 17 พ.ค.นี้ โดย 8-12 พ.ค. รับฟังความคิดเห็น วันที่ 13 พ.ค. ซักซ้อมความเข้าใจ วันที่ 14 พ.ค. ยกร่างมาตรการผ่อนปรนระยะที่สอง
เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หรือ ศบค. แถลงและตอบข้อซักถามกรณีหากสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อดีขึ้นเรื่อยๆ การผ่อนคลายเรื่องการเปิดห้างสรรพสินค้า จะทำได้ในช่วงกลางเดือนพ.ค.นี้หรือไม่ว่า
“ถ้าตัวเลขดีขึ้นได้เปิดแน่นอน ทุกคนจะกลับไปสู่ภาวะปกติของการใช้ชีวิต ที่เราจะได้มีการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจและสังคมเหมือนเดิม”
“แต่ช่วงระยะเวลาไทม์ไลน์ที่บอกแล้วว่า 8-12 พ.ค.รับฟังความคิดเห็น วันที่ 13 พ.ค.ซักซ้อมความเข้าใจ วันที่ 14 พ.ค.ยกร่างมาตรการผ่อนปรนระยะที่สอง วันที่ 17 พ.ค.เริ่มผ่อนปรนระยะที่สอง ในแต่ละธุรกิจ ซึ่งไม่ได้เจาะจงเฉพาะห้างสรรพสินค้า ถ้ามีความมั่นใจและมีมาตรการที่ดี ในฐานะผู้ประกอบการก็ต้องเป็นผู้ที่คิด ร่วมพูดคุยกับทางสมาคมหรือองค์กร แล้วจะทำข้อคิดเห็น รวมถึงมาตรการการตรวจสอบด้วย ก็จะทำให้สามารถทำงานร่วมกันได้รวดเร็วขึ้น ระหว่างภาครัฐและเอกชน หลักการยังเป็นเช่นนี้ ทุกคนอยากเห็นภาพ แต่ไม่ได้ขึ้นกับภาคธุรกิจ หรือภาครัฐเพียงอย่างเดียว ประชาสังคมและประชาชนต้องให้ความร่วมมือด้วย”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีข่าวทหารเรือติดโควิด-19 มีความชัดเจนในรายละเอียดอย่างไร โฆษกศบค. กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานในรายละเอียด เนื่องจากติดร่วมประชุม ศบค. ขอส่งคำถามนี้กลับไปที่กระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้หาข้อมูลให้
เมื่อถามว่าหลายประเทศ เช่น อเมริกาและรัสเซีย เริ่มมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ขณะที่ยังมีการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 สูงอยู่ หากเริ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจและต้องมีการติดต่อกับต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทยจะมีมาตรการอย่างไร
โฆษก ศบค.กล่าวว่า 2 ประเทศนี้ไม่ได้อยู่ในรายชื่อที่มีการพูดคุยในที่ประชุมเรื่องการทำการค้าระหว่างประเทศ แต่ได้พูดถึงจีนกับเกาหลีใต้ ซึ่งไม่ว่าจะมีรายชื่อหรือไม่ เราอยู่ในมาตรการควบคุมป้องกันตั้งแต่เรื่องการบิน แย้มน่านฟ้า มีใบรับรองแพทย์ ลงทะเบียนเพื่อขอเดินทางที่สถานทูต มีความเข้มงวดของระบบการตรวจคนเข้าเมือง
เหล่านี้ถือเป็นความสำคัญที่ใช้ตรึงกันอยู่ในขณะนี้ ยังคงใช้ต่อไป เพราะทางกระทรวงสาธารณสุขรายงานในที่ประชุมว่า ตอนนี้สาเหตุของการติดเชื้อในประเทศไทยคือมาจากนำเข้าทั้งสิ้น ดังนั้นเรามองเห็นว่าเป็นประเด็น ถ้ายังไม่ดีเพียงพอยังไม่ให้นำเข้าแน่นอน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง