ผู้การกาฬสินธุ์สั่งเด้งด่วน รตท.สหัสขันธ์ เมามาเข้าเวร แล้วลวนลามสาว 16 ที่มาจ่ายค่าปรับคาโรงพัก อ้างกินเหล้ามาก่อน เมาจนขาดสติ สั่งดำเนินคดีเด็ดขาด

จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ข้อความเตือนภัย โดยระบุว่า โพสต์นี้มาเตือนภัยผู้หญิงนะคะ! พร้อมเหตุการณ์ในลักษณะว่า วันนี้จะไปจ่ายค่าปรับที่ไม่ได้สวมหมวกกันน๊อกที่โรงพัก หรือสภ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ประมาณ 11 โมง ไปกับน้องสาว ได้ถามตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งอยู่ในเครื่องแบบครึ่งท่อนและมีอาการลักษณะคล้ายคนเมาใช้มือโอบเอว แล้วลากขึ้นไปชั้น 2 เข้าไปในห้องที่เสียค่าปรับ

ก่อนที่จะมีการสอบถามพูดคุยกัน แล้วตำรวจได้ขอจับอวัยวะเพศ ซึ่งหลังจากข้อความดังกล่าวถูกโพสต์ออกไปทำให้โลกโซลเชียลมีการแชร์และเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก เพราะหลายคนมองว่าโรงพักเป็นสถานที่ปลอดภัย แต่กลับไม่ปลอดภัย ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 12 พ.ค. ที่ห้องประชุมตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยรองผู้บังคับการตำรวจ จ.กาฬสินธุ์ทุกฝ่าย เปิดเผยคืบหน้าในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวว่า สำหรับ ตรวจสอบแล้วพบว่าผู้เสียหาย ซึ่งเป็นหญิงสาวถูกจับในข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัย และไปชำระคาปรับที่สภ.สหัสขันธ์ พร้อมน้องสาว เมื่อช่วงเวลา 11.00 น.วันที่ 11 พ.ค. 2563 ที่ผ่านมา จากนั้นสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเสียค่าปรับ

สั่งเด้งแล้ว รตท.สหัสขันธ์ ลวนลามเด็ก 16 คาโรงพัก รับทำเพราะเมา

สั่งเด้งแล้ว รตท.สหัสขันธ์ ลวนลามเด็ก 16 คาโรงพัก รับทำเพราะเมา

ระหว่างพูดคุยกันที่ห้องประชาสัมพันธ์ชั้น 1 มีตำรวจนายหนึ่ง ทราบชื่อภายหลังว่า ร.ต.ท.อุทิศ พรประสงค์ ซึ่งกำลังทำหน้าที่สิบเวร มาหาผู้เสียหาย สอบถามว่ามาทำอะไร จากนั้นร.ต.ท.อุทิศ แนะนำและพาขึ้นไปเสียค่าปรับที่ชั้น 2 และขณะนั้นเป็นวันหยุด ห้องเปรียบเทียบปรับไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ ก่อนที่จะพาผู้เสียหายเข้าไปและก่อเหตุลวนลาม กอดเอวผู้เสียหาย และขอจับของสงวนของหญิงสาว

พล.ต.ต.สมนึก กล่าวต่อว่า จากการสอบปากคำผู้เสียหาย รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ประกอบกับสอบถาม ร.ต.ท.อุทิศ เบื้องต้นพบว่าเป็นการกระทำผิดจริง ร.ต.ท.อุทิศ ยอมรับว่า ก่อนเกิดเหตุดื่มสุราที่บ้านพัก และมีเพื่อนมาขอให้ไปเข้าเวรแทน ระหว่างเข้าเวรมีอาการเมาสุราก็เลยก่อเหตุ แต่อ้างว่าทำไปโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตามการกระทำดังกล่าวจะต้องถูกดำเนินการทั้งวินัยและอาญา

พล.ต.ต.สมนึก กล่าวว่า สำหรับเรื่องดังกล่าวทางผบ.ตร.และผู้บัญชาตำรวจภูธรภาค 4 มีความเป็นห่วง และสั่งการให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด หากผิดจริง เบื้องต้นสั่งย้ายมาประจำที่ตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ และตั้งคณะกรรมสอบสวนวินัยร้ายแรง ซึ่งเมื่อหากสอบสวนปากคำพยานรวบรวมหลักฐาน และได้ข้อเท็จจริงแล้ว ก็จะแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัว

เบื้องต้นข้อหาอนาจารแก่บุคคลที่อายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งมีโทษสูงจำคุก 10 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หากศาลตัดสินผิดและจำคุกก็ต้องดำเนินการไล่ออกจากราชการต่อไป นอกจากนี้จะมีการตรวจสอบกรณีข้อบกพร่อง ปล่อยให้ดื่มสุราแล้วมาปฏิบัติหน้าที่ด้วย อย่างไรก็ตามตนในฐานะผู้บังคับบัญชาและในนามตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ทุกนายต้องขอโทษน้องผู้หญิงด้วยที่ตำรวจไม่ดีของเรากระทำไม่ดีในครั้งนี้

ขณะที่ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 70 ปี ซึ่งเป็นตานักเรียนหญิงชั้น ม.3 กล่าวว่า พอได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากหลานสาว แทบไม่อยากจะเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นกับหลานสาวของตน เพราะแต่ไหนแต่ไรมาก็ทราบดีว่าโรงพักหรือสถานีตำรวจ เป็นพี่พึ่งของประชาชน โดยเฉพาะชาวบ้านผู้เดือดร้อน และกับโรงพักแห่งนี้ก็ไม่เคยได้ยินเรื่องราวเสียหายแต่อย่างไร พอมาเกิดกับหลานสาวของตน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ตนก็อยากเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจหรือผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าว ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีของข้าราชการต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน