เปิดคดีสุดเหี้ยม กองปราบ รวบสาววัย 29 หลังรับเด็กมาอุปถัมภ์ สุดท้ายพบเด็กโดนวางยา จนถึงแก่ความตาย พบปมพฤติกรรม ขอรับเงินบริจาค พ่อเถียงลั่น

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 22 พ.ค. ที่ ถ.เทิดราชัน แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ นายเอ (นามสมมุติ) เปิดใจกับสื่อมวลชน หลังจากน.ส.นิษฐา หรือแม่ปุ๊ก (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ลูกสาว ถูกจับตามหมายจับศาลอาญา ที่ 675/2563 ลง 18 พฤษภาคม 2563 ในข้อหา “รับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ, พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย, ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ฉ้อโกงประชาชน”

นายเอ กล่าวว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 20 คน มาแสดงหมายจับลูกสาวตนที่บ้าน ตอนนั้นทุกคนตกใจกันหมด ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตำรวจมาอ่านหมายจับ จากนั้นก็พาตัวลูกสาวไปยัง กองบังคับการปราบปรามทันที ตนจึงขับรถตามไปชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในเรื่องที่ลูกสาวถูกกล่าวหาแอบเอาสารพิษหยอดให้หลาน จนมีคนหนึ่งเสียชีวิต และอีกคนป่วยหนัก

ตนอยากชี้แจงเรื่องทั้งหมดว่า ตนก็เพิ่งมาทราบว่าความจริงแล้ว น้องอมยิ้มไม่ได้เป็นลูกของลูกสาว เพราะลูกสาวบอกว่าไปรับมาจากบ้านเช่า แต่น้องอิ่มบุญนั้น เป็นลูกแท้ๆ เพราะตนไปส่งลูกตอนคลอดเอง ส่วนเรื่องน้องยิ้มนั้น ไม่ทราบว่าลูกสาวไปรับเลี้ยงมาจากไหน

กรณีน้องยิ้ม เสียชีวิตเมื่อเดือนธันวาคมปี 62 อาการของน้องนั้นมีความดันสูงมาก ต้องใช้ยาที่มีสเตียรอยด์คุมความดันเอาไว้ ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง แต่อาการของน้องยิ้ม ไม่มีสารเคมีในร่างกาย

คดีวางยาเด็ก

ส่วนน้องอิ่ม มีอาการช่วงเดือนมกราคม 2563 เข้าโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง มีอาการป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ จากนั้นก็เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ แพทย์บอกว่าเป็นอาการภูมิแพ้ จากนั้นก็รักษาตัวมาเรื่อยๆ ไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลเลย กระทั่งปลายเดือนมกราคม แพทย์บอกว่าน้องอิ่มมีสารเคมี ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี ไม่มีรส ปะปนอยู่ในร่างกาย ตนก็ตกใจมาก เพราะที่บ้านก็เลี้ยงดูอย่างดี บ้านไม่ได้ติดกับโรงงานอุตสาหกรรมอะไรเลย เมื่อเราถามว่า สารที่พบคือสารอะไร ทางแพทย์ก็ไม่ตอบอะไร จนถึงกระทั่งตอนนี้ ลูกสาวก็ถูกหมายจับ

“สำหรับผมคิดว่ามันไม่แฟร์ เชื่อว่าลูกสาวไม่ได้ทำ ไม่เข้าใจว่าจะทำแบบนั้นไม่ทำไม ถ้าหากทำเพื่อจะเอาเงินบริจาค ก็ไม่รู้จะเอาไปทำไม ในเมื่อเอามาแล้วก็ต้องมานั่งรักษาหลานของตัวเอง ผมรู้สึกว่ามันไม่คุ้ม และอีกอย่าง ผมคิดว่าผลที่ออกมา น่าจะเกิดจากความผิดพลาดของแพทย์ที่โรงพยาบาล เพราะผมเลี้ยงหลานมาแบบปกติ”

“ผมคาใจกับทางแพทย์มาก ทั้งที่เราไม่เคยคุย ไม่เคยรู้จักอะไรเลย แต่บอกว่าลูกสาวเป็นผู้ป่วยโรคจิต วางยาลูกเอาเงินบริจาค แต่ลูกสาวก็ไม่เคยมารักษาอาการทางจิตเลย ผมเหมือนรู้สึกว่าลูกสาวถูกปรักปรำ ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มันรุนแรงกับครอบครัวของเรามาก ผมรับไม่ได้ และตัวของลูกสาวเองก็ให้ปากคำกับตำรวจหนักแน่น ว่าไม่ได้เป็นคนทำ ตอนที่หมอแจ้งนั้น เขาก็ไม่ได้บอกเลยว่าท่าทีจะเป็นยังไง รู้แค่ว่า เขาบอกเราว่า น้องมีสารพิษในร่างกาย และลักษณะของการบอกก็เหมือนสงสัยแล้ว ว่าลูกสาวผมเป็นคนทำ”

ที่ผ่านมา ลูกสาวก็มีมาปรึกษาว่าน้องยิ้มป่วย จะหาเงินรักษาอย่างไรดี เราเลยคิดว่าลงโพสต์ขอความช่วยเหลือในเฟซดีมั้ย ปรึกษากันหลายฝ่าย ก็คิดว่าจะลองโพสต์ดู จากนั้นก็มีคนเข้ามาบริจาคมากมาย กระทั่งได้เงินตามที่ต้องรักษาน้องแล้ว ก็ปิดรับเงินบริจาค เพราะว่าค่ารักษาของน้อง มันเยอะมาก น้องยิ้มอยู่หลักล้าน ส่วนน้องอิ่มประมาณหลักหมื่น นอกจากนี้ลูกสาวก็ขายของออนไลน์ เอาเงินมารักษาหลานย ส่วนที่มีคนเข้ามาซื้อของแล้วไม่ได้ของ แล้วมาหาที่หน้าบ้านนั้น ตอนนี้ก็เคลียร์กันไปหมดแล้ว ส่วนเรื่องอื่นตนก็ไม่ทราบ

ตอนนี้น้องอิ่มอยู่กับ เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ตนเคยไปเยี่ยมอยู่ ก็เห็นว่าหลานใช้ชีวิตปกติ สดใสร่าเริง และน่าจะหายจากอาการป่วยแล้ว ส่วนตนและครอบครัวก็เครียดมาก กำลังหาเงิน 3 แสนบาท เพื่อจะไปประกันตัวลูกสาวอยู่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน