รถไฟผ่อนคลาย เปิดวิ่งทางไกลเพิ่ม 106 ขบวน เริ่ม 11 มิ.ย.นี้ ทั้งขบวนรถชานเมือง ขบวนรถธรรมดา และขบวนรถท้องถิ่น
วันที่ 8 มิ.ย. นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) แจ้งว่า
ตามที่ศบค. ผ่อนคลายการเดินทางข้ามจังหวัดและยานพาหนะ ผู้โดยสาร ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องกับการขนส่งสาธารณะที่เป็นการขนส่งคนหรือสินค้าระหว่างจังหวัดที่เริ่มออกเดินทางจากจังหวัดต้นทาง ก่อนเวลา 23.00 น. และถึงจังหวัดปลายทางหลังเวลา 03.00 น.ของวันรุ่งขึ้น สามารถเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดในช่วงเวลาห้ามออกนอกเคหะสถาน (เคอร์ฟิว) ได้ จึงคาดการณ์ว่าประชาชนมีความต้องการในการเดินทางมากขึ้น
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
ดังนั้นเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเดินทางโดยรถไฟ ทั้งการเดินทางภายในเขตเมือง ระหว่างเมืองและทางไกล ข้ามเขตพื้นที่จังหวัด
รฟท.จึงประกาศเปิดเดินขบวนรถโดยสารทางไกล ขบวนรถชานเมือง ขบวนรถธรรมดา และขบวนรถท้องถิ่น เพิ่มเติม 106 ขบวน เพื่อให้สอดคล้องตามมาตรการผ่อนคลายการเดินทางระยะที่ 3 เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
สำหรับขบวนรถที่เปิดให้บริการในเส้นทางต่างๆ มีดังนี้
1. ขบวนรถโดยสารทางไกล เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.เป็นต้นไป จำนวน 20 ขบวน (ไป-กลับ) ดังนี้
1.1 สายเหนือ ตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. (เที่ยวไป) จำนวน 2 ขบวน ประกอบด้วย ขบวนรถด่วนพิเศษ(ดีเซลราง) ที่ 7 และขบวนรถด่วนพิเศษที่ 9 (กรุงเทพ – เชียงใหม่) ตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย. (เที่ยวกลับ) จำนวน 2 ขบวน ประกอบด้วย ขบวนรถด่วนพิเศษ (ดีเซลราง) ที่ 8 และขบวนรถด่วนพิเศษที่ 10 (เชียงใหม่ – กรุงเทพ)
1.2 สายตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. (เที่ยวไป) จำนวน 2 ขบวน ประกอบด้วย ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 23 ขบวนรถด่วนพิเศษ (ดีเซลราง) ที่ 71 (กรุงเทพ – อุบลราชธานี) และขบวนรถด่วนพิเศษที่ 25 (กรุงเทพ – หนองคาย)
ตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย. (เที่ยวกลับ) จำนวน 2 ขบวน ประกอบด้วย ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 24 ขบวนรถด่วนพิเศษ(ดีเซลราง)ที่ 72 (กรุงเทพ – อุบลราชธานี) และขบวนรถด่วนพิเศษที่ 26 (หนองคาย – กรุงเทพ)
1.3 สายใต้ ตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. (เที่ยวไป) จำนวน 3 ขบวน ประกอบด้วย ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 31 (กรุงเทพ – ชุมทางหาดใหญ่) ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 37 (กรุงเทพ – สุไหงโกลก) และขบวนรถด่วนพิเศษ(ดีเซลราง)ที่ 43 (กรุงเทพ – สุราษฎร์ธานี) โดยขบวนรถที่ 31 และ 37 งดให้บริการรับ – ส่ง ผู้โดยสารที่ชุมพร และสุราษฎร์ธานี เนื่องจากยังอยู่ในช่วงเวลาเคอร์ฟิว
ตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย. (เที่ยวกลับ) จำนวน 3 ขบวน ประกอบด้วย ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 32 (ชุมทางหาดใหญ่ – กรุงเทพ) ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 38 (สุไหงโกลก – กรุงเทพ) และขบวนรถด่วพิเศษ(ดีเซลราง)ที่ 40 (สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพ) ทั้งนี้ขบวนรถที่ 32 และ 38 งดให้บริการรับ–ส่ง ผู้โดยสารที่ชุมพร และสุราษฎร์ธานี เนื่องจากยังอยู่ในช่วงเวลาเคอร์ฟิว
สำหรับผู้โดยสารที่ประสงค์จะเดินทางกับขบวนรถโดยสารทางไกล สามารถจองล่วงได้ 30 วันก่อนเดินทาง โดยจะเริ่มเปิดจองตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.เป็นต้นไป
2. ขบวนรถชานเมือง และขบวนรถธรรมดา และขบวนรถท้องถิ่น ตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง จำนวน 88 ขบวน (ไป-กลับ) ตามตาราง ดังนี้
2.1 สายเหนือ ขบวนรถชานเมือง และขบวนรถธรรมดาและขบวนรถท้องถิ่น จำนวน 15 ขบวน
2.2 สายตะวันออกเฉียงเหนือ ขบวนรถธรรมดาและขบวนรถท้องถิ่น จำนวน 12 ขบวน
2.3 สายใต้ ขบวนรถธรรมดาและขบวนรถท้องถิ่น จำนวน 18 ขบวน
2.4 สายตะวันออก ขบวนรถธรรมดา จำนวน 15 ขบวน
2.5 สายแม่กลอง – บ้านแหลม ขบวนรถท้องถิ่น จำนวน 6 ขบวน
2.6 สายวงเวียนใหญ่ – มหาชัย ขบวนรถธรรมดา จำนวน 22 ขบวน
นอกจากนี้ ขยายระยะเวลาให้บริการขบวนรถโดยสารพิเศษ ที่ 9051/9052 (กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ) ขบวนรถโดยสารพิเศษ ที่ 9071/9072 (กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ) และขบวนรถโดยสารพิเศษ ที่ 9075/9076 (กรุงเทพ – หนองคาย – กรุงเทพ) ขยายเวลาให้บริการเพิ่มอีก 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย. – 17 ก.ค. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนเพิ่มเติม
นายนิรุฒ กล่าวต่อว่า ด้านมาตรการป้องกันความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมอย่างเคร่งครัด โดยให้พนักงานด้านปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า และถุงมือยาง และ Face shield ตลอดเวลาที่ให้บริการ การตรวจคัดกรองผู้โดยสารอย่างเข้มข้น การจัดให้มีแอลกอฮอล์เจลบริการอย่างเพียงพอและทั่วถึง
ทั้งบริเวณสถานีและบนขบวนรถ การรักษาระยะห่าง (Social Distancing) ให้มีจุดยืนนั่ง ให้ชัดเจน ทั้งที่สถานีและขบวนรถ โดยจำกัดการจำหน่ายตั๋วโดยสารไว้ที่ร้อยละ 50 ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด เมื่อจำหน่ายเต็มตามที่ระบุแล้ว จะไม่จำหน่ายตั๋วอีก
รวมทั้งตั๋วไม่มีที่นั่ง (ตั๋วยืน) และการงดจำหน่ายอาหารบนขบวนรถ หากผู้โดยสารที่เดินทางไกลเกินกว่า 3 ชั่วโมง ให้เตรียมอาหารไปรับประทานเอง และจะดำเนินการติดตั้ง แอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ” ที่สถานีและบนขบวนรถ (เป็นรายตู้/โบกี้) เพื่อใช้ควบคุมการเข้าออกของผู้โดยสารที่มาใช้บริการผ่าน Check-in และ Check-out จากแอพพลิเคชั่นดังกล่าว