สาวยอมรับ ติดเอดส์ โต้เดือด อดีตผัว แฉกลับหนังคนละม้วน ถูกฝ่ายชายขู่-เสพยาต่อหน้า ลั่นไม่อยากได้ค่าสินสอด ขู่เอาผิดปมโพสต์เฟซประจาน
จากกรณีมีหนุ่มผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของตนเองและหญิงสาวรายหนึ่ง ที่ตัดสินใจผูกข้อมืออยู่กันกับสาวรายนี้ ทั้งที่รู้ว่าติดเชื้อเอชไอวี เพราะอยากให้หยุดทำร้ายคนอื่น แต่หญิงสาวหลับไม่หยุด และทิ้งเขาไป ซึ่งหลังจากที่เรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ก็มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
ล่าสุดวันที่ 25 มิ.ย. น.ส.มิ้น (นามสมมติ) ซึ่งเป็นหญิงสาวที่ถูกแฟนหนุ่มออกมาโพสต์แฉ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตนยอมรับในสิ่งที่ตนเป็นเอชเไอวี แต่ว่าเขาพูดในสิ่งที่ตนทำกับเขา เขาไม่ได้พูดในสิ่งที่เขาทำกับตน และตนก็ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเขา อันนี้ตนยอมรับว่าตนผิด เพราะว่าตอนนั้นตนก็กลัว แต่ไม่กล้าบอกเพราะอาย และยังทำใจไม่ได้เหมือนกัน
“เขาก็คุยเรื่องจะผูกข้อมือ แต่หนูไม่ได้อยากผูก สินสอดแค่ 30,000 หนูไม่ได้อยากได้ คือทางเขาตกลงสมัครใจจะมา หนูจะบอกว่าหนูทนกับเขาไม่ได้ เขาไม่ได้ทำงานอะไรเลย ซึ่งมีหนูเป็นคนทำคนเดียว ตอนที่อยู่ด้วยกันที่บ้านเขา ดูดยาต่อหน้าหนูเลยนะ มันไม่ได้ทำอะไรให้รักมากขึ้น ตลอดเวลาเขาขู่หนูมาตลอดว่าถ้าเลิกกัน เขาจะเอาเรื่องนี้มาพูดมาโพสต์” น.ส.มิ้น กล่าว
น.ส.มิ้น กล่าวต่อว่า ตนอยากให้มันจบไป ไม่ได้อยากให้เรื่องของตนมาอยู่หน้าเฟซบุ๊ก มันมีผลในการทำงานของตน และหลังจากนี้รูปของตนมันหลุดออกไปแล้ว ใครจะรับตนเข้าทำงาน ถ้าลบก็ไม่ดำเนินคดี แต่ถ้าไม่ลบก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ทั้งคนแชร์ คนแสดงความคิดเห็น ซึ่งตนจะดำเนินการตามกฎหมายกับทุกคน ตนไม่ได้ขู่และจะทำจริงๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการพูดคุยกับผู้ชายคนอื่นหรือไม่ น.ส.มิ้น กล่าวว่า คุย แต่เป็นการคุยกันในฐานะเพื่อน ไม่มีอะไรเกินเลย ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้หลอกแต่งงานเพื่อที่จะหลอกเอาค่าสินสอดด้วย เป็นเพราะฝ่ายชายขี้หึง ไม่ยอมทำงานแล้วก็ติดยา ส่วนเรื่องเอชไอวีนั้น ถึงแม้ว่าตนจะไม่ได้บอกว่าตนติด แต่ทุกครั้งที่มีอะไรกัน ตนจะบอกให้เขาสวมถุงยางอนามัยตลอด แต่ฝ่ายชายไม่ยอมทำตาม
ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องลอยสักบนหน้าอกนั้น เป็นแก๊งเดียวกับหญิงสาวที่ค้าบริการในพื้นที่ภาคเหนือหรือไม่นั้น น.ส.มิ้น กล่าวว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แต่เป็นความชอบส่วนตัว
ภาพที่ฝ่ายชายนำออกมาแฉสาว ติดเอดส์ พร้อมหลักฐานทางโรงพยาบาล
___________________________________________
ขอบคุณรายการเรื่องเล่านี้
