ปิดคดีฆ่าโหด 8 ศพ ครอบครัวผญบ.อ่าว ลึก ตร.จับยกทีม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. นำทีม คุมตัวผู้ต้องหาตรวจค้นหลักฐานตั้งแต่กลางดึกยันเช้า ก่อนจับกุมตัวบังฟัต เจ้าพ่อเงินกู้หัวหน้าทีมฆ่า ขณะหนีไปอยู่ภูเก็ต เผยปมขัดแย้งเมื่อ 2 ปีก่อน หลังผู้ตายนำที่ดินไปขายฝากจำนวน 1.3 ล้านบาท แต่บังฟัตกลับนำไปขายฝากต่อ จนต้องนำเงินไปไถ่คืนเอง แต่บังฟัตไม่ยอมคืนโฉนดให้ เรื่องราวบานปลายใหญ่โต ถึงขั้นขู่ฆ่าล้างโคตรกัน ทีมฆ่ารับสิ้นจ้องลงมือมา 3 ครั้งแล้ว แฉถูกบังฟัตหลอกว่ามาทวงหนี้ ได้ค่าจ้างแค่พันเดียว ไม่มีใครกล้าลงมือยิง สุดท้ายบังฟัตเป็นคนลั่นไกเองทั้ง 11 ราย ชี้ที่เอารถไปเพราะต้องการจัดฉาก ว่าผญบ.เครียดเรื่องหนี้สิน จึงลงมือฆ่าครอบครัว ผบ.ตร.นำแถลงรายละเอียดคดี ลั่นต้องถึงโทษประหาร

เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการคลี่คลายคดีฆ่า 8 ศพ ครอบครัวนายวรยุทธ สังหลัง หรือผู้ใหญ่บัติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้ ตั้งแต่ช่วงใกล้เที่ยงคืนวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่เดินทางบินด่วนลงมาที่กระบี่อีกครั้งเพื่อร่วมสอบสวนผู้ต้องหาด้วยตัวเอง ที่ค่าย ร.15 พัน.1 ตั้งแต่ช่วงค่ำ พร้อมคณะได้นำกำลังและอาวุธครบมือเพื่อควบคุมตัวนายประจักษ์ บุญทอย หนึ่งในผู้ต้องหามุ่งหน้าไปยังพื้นที่บ้านป่ากอ ต.ตากแดด อ.เมือง จ.พังงา เข้าชี้จุดที่คนร้ายนำรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กค 533 กระบี่ ของนายวรยุทธมาเผาทำลายหลักฐาน โดยพบว่ารถเก๋งดังกล่าวถูกเผาจนเหลือแต่โครงเหล็ก โดยจุดต่อมาเป็นจุดที่ฝังอาวุธปืนที่ใช้ในวันเกิดเหตุ ซึ่งพบว่าอยู่ในถุงดำ ประกอบด้วยอาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 3 กระบอก ขนาด 9 ม.ม. จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนขนาด .357 อีก 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก และบัตรประชาชนของเหยื่อที่ ไม่เสียชีวิต จากนั้นเข้าขุดค้นจุดที่อยู่ใกล้กันพบแผ่นป้ายทะเบียนรถ

กระทั่งล่วงเข้าช่วงเวลา 03.00 น. วันที่ 16 ก.ค. พล.ต.อ.จักรทิพย์ พร้อมทีมสืบสวนคลี่คลายคดีควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเดินทางไปตรวจค้นบ้านผู้ต้องสงสัยในพื้นที่ ต.ป่ากอ ซึ่งเป็นพื้นที่สวนปาล์ม ภายหลังการตรวจค้น พล.ต.อ.จักรทิพย์เปิดเผยว่า วันนี้มาค้นหาของกลางตามจุดที่ผู้ต้องสงสัยให้การรวม 5 จุด โดยจุดแรกพบซิมโทรศัพท์มือถือและเมมโมรี่การ์ดรวม 5 ชิ้น จุดที่ 2 พบกุญแจมือและถุงมือ 2 ชิ้นตามที่ผู้รอดชีวิตให้การ จุดที่ 3 พบอาวุธปืนลูกโม่ 3 กระบอก อาวุธปืนขนาด .357 และขนาด 9 ม.ม. จุดที่ 4 พบปลอกกระสุนปืน และจุดที่ 5 พบอาวุธปืนอาก้าและปืนกล แต่เป็นสิ่งเทียมอาวุธปืนหรือปืนบีบีกัน โดยผบ.ตร.ระบุอีกว่า คนร้ายเป็นพลเรือนไม่ใช่คนมีสี และสามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว คนร้ายมีมากกว่า 5 คน ซึ่งสามารถจับกุมได้หมดแล้ว โดยจะแถลงข่าวให้ทราบในเวลา 15.00 น. วันที่ 16 ก.ค.นี้

ต่อมาเวลา 11.30 น. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ บก.สส.ภ.8 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 5/2 ม.6 บ้านท่าคลอง ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ หลังพบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านที่กลุ่มคนร้ายใช้วางแผนก่อนเดินทางไปก่อเหตุ โดยเป็นบ้านพักชั้นเดียว เนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิด จากการตรวจสอบพบกระสุนไม่ทราบขนาด 1 นัด ที่ห้องนอนด้านซ้ายพบก้นบุหรี่ 2 อัน และคราบกาแฟที่บริเวณหลังบ้าน ส่วนภายในห้องน้ำพบหลอดยาสีฟัน แปรงสีฟัน โฟม ล้างหน้า ซึ่งทางพฐ.ได้เก็บลายนิ้วมือ และ นำแปรงสีฟัน ก้นบุหรี่ไปตรวจหาดีเอ็นเอ และมีการตรวจหาลายนิ้วมือแฝงรอบๆ บริเวณบ้านเช่าที่กลอนประตูบ้านเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดีต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า โดยคดีนี้ทางเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีได้จับกุมหัวหนัาแก๊งคือนาย ซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล อายุ 41 ปี ชาว ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ กับพวกอีก 8 ราย เป็นคนจ.ระนอง 2 ราย ภูเก็ต 3 ราย พังงา 2 ราย และนครศรีธรรมราช 1 ราย ซึ่งขณะนี้ทั้ง 9 รายถูกควบคุมตัวอยู่ที่ค่ายร.15 พัน.1 โดยอาศัยอำนาจตามคำสั่งหัวหน้าคสช. เบื้องต้นทราบว่าก่อนเกิดเหตุคนร้ายทั้งหมดถูก บังฟัตหลอกว่าจะมาทวงหนี้ 3 ล้านบาท โดยได้นัดรวมตัวกันที่ ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ก่อนที่จะเปลี่ยนชุดเครื่องแต่งกายเป็นลายพรางทหารเพื่อความสะดวกในการเดินทางหากพบด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และนำกำลังทั้งหมดไปที่บ้านของผู้ตายเพื่อลงมือก่อเหตุดังกล่าว

สำหรับเบื้องหลังการคลี่คลายคดี หลังจากชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีจากส่วนกลาง สืบสวนสอบสวนพยานต่างๆ ก่อนวันที่จะมีการจับกุม ชุดสืบสวนนครบาลได้นำภาพผู้ต้องสงสัยไปให้พยานดูว่าใช่เป็น 1 ในแก๊งคนร้ายหรือไม่ หลังจากพยานดูแล้วบอกว่าใช่ พร้อมกับเล่าประเด็นใหม่ให้เจ้าหน้าที่ฟังว่าเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา ผู้ใหญ่วรยุทธได้นำโฉนดที่ดินของพ่อตา รวมทั้งญาติ และชาวบ้าน ไปจำนองไว้กับบังฟัต ซึ่งเปิดทำธุรกิจรับจำนำรถยนต์และจำนองที่ดิน ต่อมาธนาคารได้ส่งเรื่องมาว่ากำลังจะยึดที่ดินดังกล่าว เมื่อ ผู้ใหญ่วรยุทธรู้ว่าที่ดินกำลังจะถูกยึดจึงได้นำเงินประมาณ 3-4 ล้านไปไถ่ถอนคืน แต่บังฟัตหลังได้เงินแล้วกลับไม่ยอมคืนที่ดินให้พร้อมบอกว่าได้เอาที่ดินไปเข้าธนาคาร 10 ล้านบาทไปแล้ว จนผู้ใหญ่วรยุทธได้ปรึกษาทนายฟ้องร้องกันอยู่ในขณะนี้ ร่วมทั้งยังมีขู่ฆ่ากันไปมา จนทำให้บังฟัตชิงลงมือก่อน

หลังได้ข้อมูลชุดสืบสวนส่วนกลางได้กระจายกำลังออกสืบสวนสอบสวนพยาน จนพบว่าบังฟัต มีรถลักษณะเดียวกันกับที่คนร้ายใช้ก่อเหตุอยู่จริง รวมทั้งหลังเกิดเหตุการณ์ยังหายตัวไปจากพื้นที่ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้มุ่งเป้าไปที่กลุ่มของบังฟัต สืบสวนตามแนวทางต่างๆ จนรู้ว่ากลุ่มคนร้ายเป็นใคร ก่อนจะติดตามจับกุมตัวเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ยังพบว่าคนร้ายวางแผนสร้างเรื่องให้นายวรยุทธเป็นคนฆ่าคนในครอบครัวทั้งหมด เหตุจากความเครียดเรื่องหนี้สิน โดยในระหว่างการควบคุมได้บังคับให้ผู้ใหญ่โทร.ไปยืมเงินเพื่อนสนิทจำนวน 5 แสน แล้วให้โอนเข้าบัญชีเพื่อสร้างเรื่องว่ากำลังเดือดร้อนจริงๆ อีกทั้งยังเตรียมเอาบัตรเอทีเอ็มของผู้ใหญ่ไปกดเงินอีกด้วย ส่วนรถโตโยต้ายาริสของนายวรยุทธที่เอาไปด้วยนั้น คนร้ายให้ผู้ตายเซ็นโอนลอยให้เพื่อสอดคล้องกับการกู้ยืมเงิน ก่อนที่จะนำไปเผาในพื้นที่จ.พังงาดังกล่าว

หลังก่อเหตุบังฟัตยังได้นำรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ไปซุกซ่อนไว้ที่เต็นท์เช่ารถแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่ ใกล้ๆ กับที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันการถูกตรวจจับจากกล้องวงจรปิด ก่อนแยกย้ายกันหลบหนี โดยใช้รถเก๋งโตโยต้า ยาริสสองคัน ซึ่งคันสีขาวได้เอาไปฝากบ้านนายไพศาล จำนอง ซึ่งเป็นน้องเมีย ที่บ้านม่วงสองต้น ต.นาสาร อ.พระพรหม จ.นครศรี ธรรมราช จากนั้นได้นั่งรถตู้โดยสารจากบขส.นครศรีธรรมราช และหลบหนีไปกบดานที่จ.ภูเก็ต ก่อนถูกจับกุมได้ในที่สุด ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดรถทั้งสองคันได้แล้ว

ต่อมาช่วงบ่าย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน และพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผบ.ตร. นำตัวนายซูริก์ฟัต หรือบังฟัต บ้านนบวงศ์สกุล มาชี้จุดทิ้งอาวุธปืนที่ก่อเหตุ ที่บริเวณสวนยางพารา หมู่ 13 ต.วังหิน อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช โดยสวนยางดังกล่าวมีบ้านของนายแสง (ขอสงวนนามสกุล)อยู่ โดยอยู่กันทั้งหมด 6 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าควบคุมตัวนายแสง และนำบังฟัต ซึ่งมีการใช้เสื้อปิดหน้าปิดตามิดชิดเข้าไปด้านหลังบ้านในสวนยางพาราเพื่อชี้จุดทิ้งอาวุธปืน จากการขุดพบอาวุธปืนถูกฝังอยู่ เป็นอาวุธปืนลูกซอง 2 กระบอก ปืนบีบีกัน 2 กระบอก และยังพบฮาร์ดดิสก์ที่ถูกเผาทำลายด้วย กำลังเจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาในการเข้าไปตรวจสอบนานกว่า 30 นาที โดยกันผู้สื่อข่าวให้อยู่ด้านนอก และขอความร่วมมือไม่ให้บันทึกภาพ ก่อนนำตัวบังฟัตขึ้นรถไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์กลับจ.กระบี่ ทันที

ทางด้านนายแสงซึ่งเป็นเจ้าของบ้านระบุว่า ตนไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น ตนทำงานรับจ้างกรีดยางพารา ไม่ทราบว่ามีการนำอาวุธปืนมา ทิ้งไว้ อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายแสงไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่สภ. บางขัน จ.นครศรีธรรมราช ต่อไป ว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ ในขณะที่มีบรรดาญาติพี่น้องของนายแสง และชาวบ้านมาดูเหตุการณ์กันเป็นจำนวนมาก

ต่อมาเวลา 15.30 น. ที่บก.ภ.จว.กระบี่ สมาคมกำนัน ผญบ.จว.กระบี่ นำโดยนาย สมพร จันทร์อ่อน นายกสมาคม พร้อมด้วยนายสุชาติ บ้านนบ กำนัน ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ และคณะกำนันผญบ.จว.กระบี่ นำดอกไม้และป้ายข้อความให้กำลังใจมอบให้พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และทีมงานชุดสืบสวนสอบสวนคดีฆ่ายกครัว 8 ศพ หลังสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาได้โดยไว

นายสุชาติกล่าวว่า ขอบคุณผบ.ตร.ที่นำทีมตามจับคนร้ายที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญ สร้างความอุ่นใจให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่และครอบครัวของผู้เสียชีวิต ที่ผ่านมานายวรยุทธถือว่าเป็นคนที่มีน้ำใจคนหนึ่งและรู้สึกเสียดาย แต่อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณทางตำรวจที่สามารถจับคนร้ายมาได้ และในจังหวัดกระบี่ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ซึ่งเกิดเหตุแบบนี้ย่อมส่งผลต่อภาพลักษณ์ของจังหวัด แต่ทางตำรวจก็กู้ภาพลักษณ์กลับมา และผบ.ตร.ก็ลงพื้นที่ทำงานอย่างจริงจังจนสามารถเรียกความเชื่อมั่นให้คนในพื้นที่ได้

ต่อมาเวลา 17.00 น. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน พล.ต.อ.สุเทพ เดชรักษา รองผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษา สบ 10 พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท. รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 พล.ต.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ร่วมแถลงตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวถึงการจับกุมผู้ต้องหาคดีฆ่า 8 ศพที่กระบี่ว่า คนร้ายที่ไปที่เกิดเหตุจริงๆ 7 คน แต่ผู้เกี่ยวข้องมีอีก 2-3 คน โดยมีผู้หญิงด้วย ทำหน้าที่ซื้อเสื้อลายพรางทหาร ปมสังหารมาจากมีความขัดแย้งในการขายฝากที่ดิน มีการฟ้องร้องในชั้นศาล ผู้ตายกับคนร้ายมีปากเสียงกันรุนแรง เรื่องที่ผู้ใหญ่บัติขัดแย้งกับกลุ่มคนร้าย เพราะคนร้ายนำโฉนดที่ดินของผู้ใหญ่ที่จำนองไว้ ไปขายฝากต่ออีกทอดจนเกิดปัญหาขัดแย้งกันรุนแรง ถึงขั้นขู่ฆ่าล้างโคตรกันไปมา

พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวต่อว่า บังฟัตเป็นตัวการสำคัญคดีนี้ มีอาชีพเป็นคนรับจำนำรถ เป็นผู้ต้องหาตัวหลัก และอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย แนวทางการสืบสวนพบว่าบังฟัตเป็นคนลั่นไกฆ่าทั้งหมด ส่วนคนร้ายที่เหลืออีก 6 คนนั้น บังฟัตว่าจ้างคนละ 1 พัน โดยลูกน้องบางคนเป็นลูกจ้าง เป็นลูกน้อง ทำรับจ้าง ทำสวนยาง ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ไม่ใช่ทหาร ไม่ใช่ตำรวจ ผู้ต้องหารับสารภาพทุกคน โดยเฉพาะลูกน้องทั้งหมดรับสารภาพกับเมียด้วย ทีมสังหารถูก บังฟัตหลอกมาทำงาน เพราะบังฟัตหลอกมาว่าจะทวงเงินกู้ บังฟัตรู้อยู่คนเดียวเป็นคนวางแผนแต่แรก ตั้งใจมาฆ่า มาจัดฉาก สร้างสถานการณ์ว่าผู้ใหญ่มีปัญหาหนี้สิน จึงต้องฆ่าครอบครัวและฆ่าตัวตาย มีการทำหลักฐานการโอนรถย้อนหลัง ให้ผู้ตายโทร.ไปขอยืมเงินจากคนรู้จัก โดยเคยพยายามจะก่อเหตุมา 3 ครั้งแล้ว ตั้งแต่ปลายปี 59 ตอนนี้ยังไม่มีนักการเมืองมาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ จากนี้จะเร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับให้ได้โดยเร็ว

“เราได้พยานหลักฐานค่อนข้างครบ บังฟัตตั้งใจยิง เขาเป็นคนค่อนข้างอำมหิตโหดเหี้ยม ยังไงกลุ่มนี้ต้องโดนประหารชีวิตอยู่แล้ว ตอนแรกผมภาวนาให้เขาสู้ ไม่อยากจับได้ตัวเป็นๆ แต่เขาดันไม่สู้” ผบ.ตร.กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสอบ สวนทีมฆ่าให้การตรงกันว่า ก่อนเกิดเหตุ บังฟัตเรียกกลุ่มทวงหนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวสวนยาง แต่ก็รับงานทวงหนี้เป็นอาชีพเสริม ให้มาร่วมงานในครั้งนี้ โดยบอกว่าหลังจากงานเสร็จจะให้เงินไปดาวน์รถ ทำให้กลุ่มคนร้ายเชื่อยอมมาร่วมงานด้วย โดยบังฟัตวางแผนฆ่าทั้งครอบครัวนายวรยุทธ พร้อมกับเบี่ยงประเด็นเป็นนายวรยุทธลงมือฆ่าทั้งครอบครัวเพราะเครียดเรื่องหนี้สิน แต่เมื่อถึงเวลาลงมือกลุ่มที่รับงานมาไม่กล้าทำ พร้อมกับห้ามปรามบังฟัต แต่เจ้าตัวไม่ยอมใช้ปืนนายวรยุทธยิงหัวเหยื่อทั้งหมด จากนั้นได้นำปืน .38 ยัดใส่มือนายวรวุทธ ก่อนจะเอารถเก๋งยาริสของนายวรยุทธขับหลบหนีไป โดยส่วนใหญ่ยังไม่มีใครได้รับเงินค่าจ้าง มีเพียงรายเดียวที่บังฟัตโอนเงินให้หนึ่งพันบาทเท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน