จากกรณีนายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 56 ปี เจ้าของบริษัท ไทยคาร์บอนแอนด์ การ์ไฟต์ เมาแล้วขับรถเบนซ์สปอร์ตพุ่งชนรถเก๋งของ พ.ต.ท.จตุพร หรือ รองตี๋ งามสุวิชชากุล รอง ผกก.2 บก.ป.เสียชีวิตพร้อมนางนุชนาถ งามสุวิชชากุล ภรรยา และ ด.ญ.พิญาภา งามสุวิชชากุล อายุ 12 ปีลูกสาวได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งนายสมชายออกมายอมรับทุกอย่างโดยไม่คิดจะหลบหนีตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 27 ก.ค. นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ หรือ เสื่อรถเบนซ์ อายุ 56 ปี เปิดใจกับ “ข่าวสดออนไลน์” หลังจากมีกระแสว่า คดีนี้พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลสูงธนบุรี พิจารณาเเล้วมีคำสั่งยื่นอุทธรณ์คดี ขอให้ศาลไม่รอการลงโทษนายสมชาย ต่อศาลอุทธรณ์นั้น

แฟ้มภาพ : เสี่ยเบนซ์ ขึ้นศาล

นายสมชาย กล่าวว่า ข่าวที่ออกไปนั้น ไม่เป็นความจริงเลย อัยการมีการยื่นอุทธรณ์จริง ตามหน้าที่ของท่าน แต่ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาแล้วว่าให้ยืนตามศาลชั้นต้น คือ จำคุก 3 ปี ปรับ 1 แสนบาท และโทษจำคุกรอลงอาญา โดยระหว่างนี้ให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 8 ครั้งใน 2 ปี รวมทั้งบริการสังคมและสาธารณประโยชน์ 48 ชั่วโมงในเวลา 1 ปี พร้อมทั้งห้ามดื่มสุรา ของมึนเมา โดยตอนที่ไปฟังคำพิพากษานั้น ตนไม่บอกใครเลย นอกจากเพื่อนสนิทไม่กี่คนเท่านั้น และไปในช่วงที่มีโควิด 19 ระบาดใหม่ ๆ จากนั้น ก็ไม่ได้ให้ข่าวกับใครเลย เพราะคิกว่าเรื่องนี้มันจะจบแล้ว

“ผมไม่อยากให้มีการรื้อฟื้นเรื่องนี้มาอีก เพราะว่า ตอนนี้ สภาพจิตใจของเด็กๆ และทุกคนกำลังดีขึ้น เราติดต่อกันตลอด คุยไลน์ โทรหา พาไปกินข้าว ส่งขนมที่เด็กๆ ชอบทานให้เป็นประจำ แล้วพอมีข่าวแบบนี้ออกมา เหมือนเป็นการไปรื้อฟื้นเรื่องคดี ทำให้เด็กๆ คิดถึงพ่อแม่ แล้วกลัวว่าสภาพจิตใจจะแย่ลง ผมไม่เข้าใจว่าข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร น่าจะเป็นกรณีของ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส จึงขอวอนอย่าให้ทุกคนเอาเรื่องของตนไปโยงกันเลย เพราะว่ามันคนละคดีกัน ส่วนเรื่องคดีของตน ตอนนี้ถือว่าจบสิ้นแล้ว ยืนยัน ข่าวที่ออกมานั้น ไม่เป็นความจริง “

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน