การเมืองไทยไร้เสถียรภาพ ต่างชาติแห่ลงทุนเวียดนาม หลังโควิด-19

วันที่ 11 ส.ค. นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผอ.ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ศูนย์ฯได้ทำการสำรวจผู้ประกอบการต่างชาติ คือ จีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย และชาติอื่น ๆ รวมถึงผู้ประกอบการไทยที่มีฐานการผลิตในประเทศไทยจำนวน 200 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 1 มิ.ย.-15 ก.ค. 63 เกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจย้ายฐานการผลิตของผู้ประกอบการหลังเหตุการณ์โควิด 19

โดยพบว่าผู้ประกอบการต่างชาติ ให้ความสำคัญเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ด้านการค้า การลงทุน ต้นทุนในการผลิต กฎหมายและกฎระเบียบที่เอื้อต่อการนำเข้า-ส่งออก การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ที่สำคัญคือ ปัจจัยด้านการบริหารจัดการสุขอนามัย

ขณะที่ผู้ประกอบการไทยยังคงคำนึงถึงต้นทุนในการผลิตต่ำ เป็นสำคัญนอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ สิทธิประโยชน์ กฎหมาย และความชัดเจนในการกำหนดนโยบายคร่าว ๆ

นายอัทธ์ กล่าวต่อว่า หลังโควิด-19 เรื่องการย้ายฐานผลิตของผู้ประกอบการต่างชาติ บุญจะหล่นทับ เวียดนาม และ เมียนมา มากกว่าในแง่ปริมาณ ได้เปรียบไทยในแง่แรงงานราคาถูก และการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี ด้านส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะเวียดนาม ต่างชาติจะย้ายฐานการผลิตไปเป็นอันดับหนึ่ง เนื่องจากมีพรมแดนติดกับจีน และอยู่ระหว่างการ upgrade อุตสาหกรรมจากกลางน้ำไปสู่อุตสาหกรรมแปรรูปปลายน้ำมากขึ้น

ส่วนไทยอาจมีจุดที่ด้อยกว่าคือค่าแรงแพงกว่า และ การเมืองยังไม่มีเสถียรภาพ ทำให้นโยบายเศรษฐกิจไม่ต่อเนื่อง แต่ไทยจะมีจุดได้เปรียบในแง่การมีแรงงานมีฝีมือ และความพร้อมในระบบสาธารณูปโภคที่ดีกว่า

อย่างไรก็ตามแผนการย้ายฐานการลงทุนของผู้ประกอบการต่างชาติเข้ามาในไทย หลังโควิด-19 คาดว่าผู้ประกอบการจีน มีแผนจะมาลงทุนในผลิตภัณฑ์ยาง เช่น ถุงมือยาง เพราะไทยมีความพร้อมเรื่องวัตถุดิบน้ำยางข้นที่มีจำนวนมาก ส่วนผุ้ประกอบการญี่ปุ่น มีแผนจะย้ายฐานการผลิตเข้ามาในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ เครื่องมือทางการแพทย์ เนื่องจากไทยได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับนักลงทุนในด้านการบริหารจัดการปัญหาโควิด-19

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน