สปพ.-บช.น.ลุยจุดล่อแหลมทั่วกรุงกว่า 10 จุด ย่านรามคำแหง-อพาร์ตเมนต์ที่มือบึ้ม ราชประสงค์เคยพัก กองปราบฯ-นครบาลประสานทีมลงพื้นที่ตรวจ 5 ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เผยช่วงเฝ้าระวัง 25-30 ต.ค.โยงเหตุการณ์ชุมนุมหน้าสภ.ตากใบ ขณะที่สมุทรปราการบุกคอนโดฯจับหนุ่มยะลาพ่อค้ามือถือในห้างบิ๊กซี พร้อมของกลางทั้งพัสดุภัณฑ์ที่ส่งลงใต้ให้ทหารมทบ.11 สอบขยายผลว่าเชื่อมโยงไฟใต้หรือไม่ ผบช.ภาค 8-9 สั่งด่วนตำรวจทุกพื้นที่ในภาคใต้ เพิ่มความเข้มข้นตั้งด่านสกัด พร้อมประสานจุดเชื่อมต่อทั้งสถานีรถไฟ ท่าเรือ และสนามบิน สกัดทีมคาร์บอมบ์เข้ากรุง ก่อวินาศกรรม

บิ๊กตู่รับ-ข่าวแจ้งเตือนบอมบ์กรุง

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 11 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมครม. ถึงกรณีพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. ระบุการแจ้งเตือนจะมีการก่อคาร์บอมบ์ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลรวม 3 จุด ช่วงวันที่ 25-30 ต.ค.นี้ว่า ต้องตรวจสอบก่อน อย่าเพิ่งไปขยายความ

หลังการประชุมครม. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่มีการเตือนเสมอมา ซึ่งก็ต้องระมัดระวังการเสนอ หรือขยายข่าว ซึ่งการที่สื่อนำเสนอถือเป็นเรื่องปกติที่ให้สังคมได้รับรู้ แต่ขอให้เสนออย่างพอสมควร เพราะถ้าข่าวเช่นนี้ออกไปจะเกิดความตื่นตระหนกได้ โดยเฉพาะผลกระทบกับต่างประเทศ วันนี้จึงเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน และเชื่อมั่นในตัวเจ้าหน้าที่

ผู้สื่อข่าวถามว่าการแจ้งเตือนดังกล่าวต่อเนื่องมาจากวันที่ 11-12 ส.ค.ที่ผ่านมาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่รู้ เป็นเรื่องการทำงานด้านการข่าว โดยใช้วิธีการสืบสวนดำเนินการอยู่ รอผลการตรวจสอบก่อน

เมื่อถามว่ามันเชื่อมโยงช่วงใกล้วันสถาปนากลุ่มบีอาร์เอ็นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะไปให้ความสำคัญทำไม ไม่มีประโยชน์ที่จะขยายความให้กลุ่มที่ใช้ความรุนแรง วันนี้ทั้งโลกมีปัญหาหมด ถ้าตนเองพูดแรงเกินไป ก็จะเป็นประเด็นที่เขาจะใช้ความรุนแรงตอบโต้กลับมา ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย

ครม.ส่วนหน้าสั่งพื้นที่ใต้ระวัง

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจะมีการแจ้งเตือนให้ทราบอยู่แล้ว แต่ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยยังไม่ได้แจ้งเตือนอย่างเป็นทางการ เพียงแต่แจ้งผ่านปลัดกระทรวงมหาดไทยให้รับทราบการแจ้งเตือนดังกล่าว เชื่อว่าไม่มีอะไรน่ากังวล และไม่ได้กำชับให้หน่วยงานของกระทรวงเฝ้าระวังพื้นที่ใดเป็นพิเศษ

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ ในฐานะรองหัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาล กล่าวว่าในพื้นที่ภาคใต้ก็ระมัดระวังอยู่ ก็เฝ้าระวังตามปกติอยู่แล้ว แต่ต้องมากเป็นพิเศษถ้าหากมีรายงานข่าวแจ้งเตือน ตอนนี้ก็มีการแจ้งเตือนข่าวมาแล้ว โดยเฉพาะโรงเรียนเราก็แจ้งเตือน แต่ช่วงนี้ปิดเทอมก็คลายความห่วงใยลงบ้าง แต่เราก็ระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา เมื่อถามว่าเวลานี้มีวันที่แสดงสัญลักษณ์หลายวันในพื้นที่ภาคใต้ พล.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า เราก็ระมัดระวังอยู่

พล.อ.อักษรา เกิดผล คณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาล เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาชายแดนใต้(ครม.ส่วนหน้า) กล่าวว่า จากการข่าวในพื้นที่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย แต่จะมีการแจ้งเตือนตามห้วงเดือนเท่านั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องของตำรวจ ซึ่งมีประชาคมข่าวกรองของเขาอยู่แล้วโดยน่าจะแลกเปลี่ยนข่าวสารกันตามวงรอบของหน่วยข่าวกรอง ก็ว่ากันไป แต่ทางเรายังไม่ได้ข่าวนี้ ซึ่งในทุกๆ ส่วนก็ได้ตรวจสอบอยู่ แต่ทางคณะทำงานพิเศษฯ ยังไม่ได้รับรายงาน

พบเคลื่อนไหวเหตุการณ์ตากใบ

พล.อ.อักษรากล่าวว่า ช่วงนี้กำลังเตรียมตัวในการพูดคุยเพื่อสันติสุข ในเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งเราต้องเข้าใจด้วยว่าปัญหาทางภาคใต้นั้นมีอยู่ 3 ส่วน 1.ผู้เห็นต่าง 2.ฝ่ายเราที่มีความพร้อมในการพูดคุยในทุกด้าน ซึ่งได้มีการเตรียมการไว้ในทุกด้านแล้ว และ 3.ฝ่ายภาคประชาสังคม ที่พร้อมจะสนับสนุนในทุกเรื่อง ตนถามว่าเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นใครเป็นคนทำ เป็นฝ่ายผู้เห็นต่างใช่หรือไม่ ฉะนั้น การพูดคุยเป็นเครื่องมือเดียวที่ฝ่ายเราจะใช้นำมาประสานให้หยุด หรือลดทอนความตั้งใจที่จะก่อเหตุรุนแรงลง ส่วนที่ปัญหาที่จะลามขึ้นมาก่อเหตุนอกพื้นที่นั้น คงไม่น่าที่จะเป็นไปได้ ต้องไปถามคนที่ให้ข่าวว่าเป็นอย่างไร

แหล่งข่าวทางทหาร 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบุว่า หน่วยข่าวทางทหารในพื้นที่ได้แจ้งเตือนในห้วงเดือนตุลาคมนี้เนื่องจากตรงกับวันสำคัญของขบวนการหลายเหตุการณ์ ได้แก่ วันที่ 10 ต.ค.เป็นวันสถาปนากองกำลังติดอาวุธ บีอาร์เอ็น แอ๊บริพ ในปี 2511 วันที่ 12 ต.ค. เป็นวันสถาปนา ธรรมนูญพูโลใหม่ และวันที่ 25 ต.ค. เป็นวันครบรอบชุมนุมประท้วงหน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อปี 2547 ซึ่งได้พบการเคลื่อนไหวของกลุ่มปฏิบัติการโดยเฉพาะแกนนำ อย่างไรก็ตามการแจ้งของหน่วยข่าวเป็นเรื่องของการแจ้งเตือนหน่วยที่เกี่ยวข้อง

สมช.เผยยังไม่รู้สถานที่จะก่อเหตุ

ด้านพล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการรายงานข่าวแจ้งเตือน เราต้องไม่ประมาท เมื่อมีการแจ้งเตือน เราจึงต้องตื่นตัวกันไว้ สิ่งที่อยากให้ทุกคนช่วยกันคือ รายงานเมื่อพบเห็นสิ่งที่ผิดปกติ หรือพบเห็น ยานพาหนะที่อาจถูกนำมาใช้ในเรื่องของระเบิด รวมถึงบุคคลที่มีพฤติกรรมผิดปกติ ขอให้ช่วยกันแจ้งเจ้าหน้าที่ในทันที เมื่อ วันที่ 10 ต.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ได้กำชับให้ประชาคมข่าวกรองทั้งหมดเร่งติดตาม และแจ้งเตือนสิ่งผิดปกติเพื่อดำเนินการ ไม่ให้เกิดเหตุ ทั้งนี้ การข่าวยังไม่ระบุสถานที่ที่ก่อเหตุ

เมื่อถามว่าการก่อเหตุเกิดจากอะไร พล.อ.ทวีป กล่าวว่า เป็นการข่าวปกติที่เราจะต้องมีการดู รายงานเข้ามา เป็นสิ่งที่ประชาคมข่าวกรองนั้น คือการติดตามกลุ่มต่างๆ ที่อาจก่อเหตุร้าย เป็นสิ่งที่พวกเราทำมา ส่วนพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษนั้น รองนายกฯได้สั่งการให้ดูภาพรวมทั้งประเทศ แต่การที่เราจะต้องดูแลทุกพื้นที่เท่าๆ กันหมดนั้นเป็นไปได้ยาก จึงต้องเพ่งเล็งเป็นจุดๆ ตามที่ได้รับข่าวมา ทั้งนี้ เป็นเรื่องต่อเนื่องจากผู้ที่มีความเห็นต่าง หรือพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง เขาจึงพยายามแสดงออก ซึ่งเราต้องพยายามไม่ให้เกิดขึ้น

“การรายงานข่าวครั้งนี้แจ้งเตือนเพื่อขอ ให้ประชาชนร่วมกัน และช่วยกันแจ้งเตือนว่าหากมีอะไรที่ผิดปกติใกล้ๆ บ้านเรา อย่างน้อยขอให้บอกให้เจ้าหน้าที่ได้รับทราบ เพื่อ เจ้าหน้าที่จะได้ไปสอบสวน ขยายผลต่อได้ ทั้งนี้ เราพยายามไม่ให้เกิด ดังนั้น เราจึงต้องรีบแจ้งเตือนกันก่อน” พล.อ.ทวีปกล่าว

191 บุกค้น 9 จุดย่านรามคำแหง

เมื่อเวลา 06.40 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบก.สปพ.191 พร้อมด้วย พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 ร่วมกันปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวน บก.น.4 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 และหน่วยอรินทราช 26 รวมกำลังจำนวนกว่า 100 นาย บุกจู่โจมเข้าตรวจสอบพื้นที่ย่านรามคำแหง หลังมีรายงานข่าวว่าจะมีกลุ่ม ผู้ต้องสงสัยเตรียมก่อเหตุวินาศกรรมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

จากนั้นเจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราช 26 พร้อมอาวุธครบมือบุกเข้าจู่โจมปิดล้อมตรวจค้นอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ภายในซอยรามคำแหง 65/1 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. ซึ่งจากการตรวจค้นห้องเป้าหมายจำนวน 4 ห้อง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ทั้งหมดกว่า 10 คน จึงควบคุมตัวมาสอบสวน

ด้านพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อเฝ้าระวังภัยด้านความมั่นคง การตรวจค้นในครั้งนี้เจ้าหน้าที่กระจายกำลังเข้าตามพื้นที่เป้าหมายรวมทั้งหมด 9 จุด ซึ่งหลังควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยจะนำตัวไปสอบสวนต่อที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจ นครบาล 4 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จับ 8 ผู้ต้องหา-เสพใบกระท่อม

ด้านพล.ต.ต.นันทชาติ เปิดเผยว่า ในครั้งนี้ เป็นการเข้าตรวจค้นตามปกติ เนื่องจากพื้นที่หัวหมากมีประชากรพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนการแบ่งกำลังของทางเจ้าหน้าที่ วันนี้แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย โดยเข้าตรวจที่ ร่มเกล้าแมนชั่น ในพื้นที่ของสน.หัวหมาก และเอส.เค.อพาร์ทเม้นท์ พื้นที่ของสน.วังทองหลาง ทั้งสองแห่งสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้รวม 8 ราย ฐานความผิดเกี่ยวกับครอบครองยาเสพติดประเภทที่ 5 (กระท่อม) และซิมโทรศัพท์มือถือจำนวนหนึ่ง ซึ่งจากการตรวจสอบยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับคดีความมั่นคง อีกทั้งยังไม่พบความผิดที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน หรือผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับคดีความมั่นคงของประเทศแม้แต่อย่างใด

บช.น.ค้นอพาร์ตเมนต์ที่พักมือบึ้ม

เมื่อเวลา 07.30 น. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต. ภาณุรัตน์ หลักบุญ รรท.รอง ผบช.น. พ.ต.อ. สมนึก น้อยคง รรท.ผบก.น.3 พ.ต.อ.กัญชล อินทราราม รอง ผบก.น.3 พ.ต.อ.ถนัด นักธรรม ผกก.สน.มีนบุรี พ.ต.ท.สุรพล ก้อมน้อย รองผกก.สส. พ.ต.ท.นันทภูมิ เรืองรุ่ง รองผกก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่เทศกิจ กว่า 30 นาย ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้นอาคารไมมูณาการ์เด้นโฮม ซ.ราษฎร์อุทิศ 25/8 และอู่ซ่อมรถไม่มีชื่อซอยราษฎร์อุทิศ 25 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นสถานที่พักเป้าหมายและเฝ้าระวังที่อาจมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้ามาพักอาศัยเพื่อตระเตรียมการที่จะก่อเหตุ โดยใช้เวลาตรวจค้นกว่า 1 ชั่วโมง

พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยว่า การตรวจค้นวันนี้เป็นมาตรการในการป้องกันโดยการตั้งสมมติฐานเผื่อไว้ว่าอาจจะมีเหตุต่างๆ เกิดขึ้น และเพื่อเป็นการกระตุ้นการทำงานของ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในการเฝ้าระวังเหตุร้ายต่างๆ อยากให้พี่น้องประชาชนได้สบายใจ โดยจากการตรวจสอบห้องพักทั้ง 33 ห้องของ อาคารไมมูณาการ์เด้นโฮม ซี่งเคยเป็นจุดที่คนร้ายคดีระเบิดราชประสงค์มาพักอาศัย และอีกจุดเป็นบริเวณอู่ซ่อมรถไม่มีชื่อซอยราษฎร์อุทิศ 25 ซึ่งเป็นจุดที่เคยเกิดเหตุระเบิดเมื่อปี 2557 จนมีผู้เสียชีวิต 2 ศพ ผลการตรวจสอบทั้งสองจุดไม่พบสิ่งปกติ

ปากน้ำบุกจับชาวยะลาต้องสงสัย

เมื่อเวลา 08.30 น. พล.ต.ต.ธรรมนูญ ไตรพิทยพงศ์ ผบก.สมุทรปราการ พ.ต.อ. ต่อพงษ์ ตันตระวาณิชย์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ พ.ต.ท.โสภณ ภูนุช รอง ผกก.สส. เจ้าหน้าที่ทหารจาก ร.21 พัน.2 รอ.ในฐานะหัวหน้าชุดดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย อ.เมืองสมุทรปราการ นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นห้องพักที่ 34 ซึ่งอยู่ภายในเอื้ออมรสุขคอนโด เลขที่ 2/34 ถนนสุขุมวิท ซอยอักษรลักษณ์ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังสืบทราบว่าห้องดังกล่าว มีผู้ต้องสงสัยเกี่ยวพันกับคดีความมั่นคง มาพักอาศัยอยู่

จาการตรวจค้นในห้องพักดังกล่าว พบนายปรีชา สามะลี อายุ 39 ปี ชาวจังหวัดยะลา เจ้าของห้อง นอกจากนี้ยัง พบกล่องพัสดุไปรษณีย์จำนวนมาก อุปกรณ์โทรศัพท์ โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง และสมุดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ 3 เล่ม จึงคุมตัวมาสอบสวน ที่สภ.เมืองสมุทรปราการ

สืบเนื่องจากผบ.ตร.มีคำสั่งให้ทุกพื้นที่ เฝ้าระวังการก่อเหตุวินาศกรรม และลอบวางระเบิด ในสถานที่สำคัญที่เป็นสัญลักษณ์ และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ จนนำมาสู่การบุกตรวจค้น จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายปรีชาเคยมีประวัติเกี่ยวพันกับกลุ่มเคลื่อนไหวของกลุ่มวัยรุ่นภาคใต้ที่หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งมีอาชีพเปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือ อยู่ที่ห้างบิ๊กซี สาขาปากน้ำ และยังเคยส่งโทรศัพท์มือถือไปยังทางภาคใต้จำนวนหลายครั้ง ส่วนจะเป็นการนำไปก่อเหตุหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างตรวจสอบ

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ทหารนำตัวนายปรีชาและของกลางไปที่ มทบ.11 เพื่อสอบสวนว่าเชื่อมโยงการก่อวินาศกรรมที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ หากพบว่าเชื่อมโยงก็จะขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องต่อไป

ผบช.ภาค 8-9 สั่งเฝ้าระวังเข้ม

วันเดียวกัน มีรายงานว่า พล.ต.ท.เทศา สิริวาโท ผบช.ภาค 8 สั่งการในวิทยุในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 0023/1370 ลงวันที่ 9 ต.ค.แจ้งยังผู้บังคับการตำรวจภูธรทุกจังหวัดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งดูแลพื้นที่ภาคใต้ตอนบน แจ้งให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มในการตั้งจุดตรวจจุดสกัด ปฏิบัติการเชิงรุกประสานงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใน เชื่อมต่อสำคัญต่างๆ เช่น สนามบิน ท่าเรือโดยสารสถานีรถไฟ และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ โดยให้รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 หัวหน้าสถานีถือปฏิบัติและรายงานเหตุโดยเคร่งครัด

รายงานจาก บช.ภาค 9 ว่า ว่าที่ พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ผบช.ภาค 9 สั่งการ ผู้บังคับการตำรวจภูธรทุกจังหวัดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 9 มี จ.สงขลา พัทลุง สตูล จ.ตรัง ดูแลกวดขันพื้นที่อย่างเข้มงวด อาจมีกลุ่มคนร้ายก่อเหตุวางระเบิดก่อความไม่สงบในพื้นที่ จึงให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มในการตั้งจุดตรวจจุดสกัด ปฏิบัติการเชิงรุกโดยการประสานงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้ง สนามบิน สถานีขนส่ง สถานีรถไฟ ศูนย์การค้า และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ให้รองผบช.ภาค 9 หัวหน้าสถานีถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด

รฟม.เพิ่มมาตรการรปภ.สูงสุด

วันเดียวกัน นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้สั่งการให้บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้า MRT สายเฉลิมรัชมงคล สายฉลองรัชธรรม และหน่วยงานด้านความปลอดภัยของรฟม. ให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด โดยจัดวางกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ช.ม. เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสัมภาระผู้โดยสาร ตรวจบริเวณโดยรอบสถานีรถไฟฟ้า MRT และภายในสถานีรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย เพื่อป้องกันเหตุโดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่

นายพีระยุทธกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังจัดรถยนต์สายตรวจตรวจรอบบริเวณศูนย์ซ่อมบำรุงคลองบางไผ่ และศูนย์ซ่อมบำรุงห้วยขวางทุก 1 ชั่วโมง จัดกำลังหน่วยทำลายวัตถุระเบิด และสุนัข K-9 ตรวจตราและเตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เตรียมกำลังหน่วยกู้ภัยพร้อมอุปกรณ์ในที่ตั้งตลอด 24 ชั่วโมง ประสานงานเพื่อตรวจสอบข่าวกับหน่วยความมั่นคงและตำรวจสันติบาลตลอดเวลา เพิ่มการตรวจใต้ท้องรถยนต์และที่เก็บของท้ายรถยนต์ ที่เข้ามาใช้บริการในอาคารและลานจอดรถของรฟม.ทุกแห่ง

ทอท.เพิ่มความเข้มข้นทั้ง6สนามบิน

ด้านนายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กล่าวว่าในส่วนของทอท. ซึ่งบริหารท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของประเทศไทย ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ได้เพิ่มความเข้มงวดมาตรการการรักษาความปลอดภัย ซึ่งปัจจุบันใช้มาตรการการรักษาความปลอดภัย ระดับ 3

นายนิตินัยกล่าวต่อว่า ทอท.ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดการปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัย เฝ้าติดตามด้านการข่าว และประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเพิ่มวงรอบของทุกส่วนงานรักษาความปลอดภัย ได้แก่ เพิ่มวงรอบของชุดตรวจผสมตระเวนตรวจพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานและในเขตการบิน การตระเวนระงับเหตุ การรักษาการณ์ การจราจร การตรวจค้นสัมภาระติดตัวผู้โดยสารและสัมภาระบรรทุก การตระเวนสุ่มตรวจของหน่วยทำลายวัตถุระเบิด รวมทั้งการออกบัตรอนุญาตบุคคลและยานพาหนะ ยกเลิกการจอดรถหน้าชานชาลาทุกประเภท งดออกบัตรอำนวยความสะดวกทุกประเภท และเฝ้าระวังด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV) ตลอด 24 ชั่วโมง และได้ประสานขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจัดชุดตรวจผสมออกสุ่มตรวจ ในจุดล่อแหลม นอกจากนั้น ยังได้เตรียมกำลังพลไว้รองรับกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินพร้อมปฏิบัติตามแผนฉุกเฉินท่าอากาศยาน อีกทั้งประสานงานด้านการข่าวกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ ตำรวจสันติบาล และตำรวจท้องที่อย่างใกล้ชิด

กองปราบฯตรวจห้างเซ็นทรัล

เมื่อเวลา 17.00 น.วันเดียวกัน ที่บริเวณห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. พ.ต.ท.วชิรา ยาวไทยสงค์ รอง ผกก.ปพ.บก.ป. นำกำลังตำรวจคอมมานโด ร่วมกับตำรวจ สน.พหลโยธิน และเจ้าหน้าที่ของห้าง สรรพสินค้าดังกล่าว เข้าตรวจพื้นที่บริเวณโดยรอบและภายในห้าง เพื่อเฝ้าระวังป้องกันการก่อเหตุร้าย โดยแบ่งกำลังออกเป็น 3 ชุด ชุดละ 3 นาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของห้างแห่งนี้ ออกตรวจจุดเสี่ยงต่างๆ อาทิ ป้ายรถโดยสารประจำทางด้านหน้าห้าง จุดอับ และจุดที่ปลอดจากสายตาผู้คนทั่วไป ด้วยวิธีเดินเท้าไปโดยรอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าปฏิบัติการดังกล่าว จะยังคงออกตรวจในลักษณะเดียวกันนี้อย่างต่อเนื่องทุกวัน และยังไม่มีกำหนดสิ้นสุดโดยเป็นไปตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาที่มอบหมายลงมาอีกด้วย

ระดมลงพื้นที่5ห้างดังทั่วกรุง

ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พ.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผกก.ปพ. บก.ป พ.ต.ท. ปิยรัช สุภารัตน์ รอง ผกก.ปพ. บก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่คอมมานโด 15 นาย เข้าตรวจสอบความเรียนร้อย เพื่อป้องกันเหตุ บริเวณชั้นจอดรถยนต์ภายในห้างดังกล่าว ซึ่งจะเน้นตรวจรถกระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิไทรทัน และรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า แอคคอร์ด เนื่องจากรถสองคันรุ่นนี้เป็นรถที่ถูกโจรกรรม คาดว่าจะนำไปก่อเหตุ นอกจากนี้ยังมีการนำภาพของรถยนต์และทะเบียน ให้กับพนักงานรักษาความปลอดภัยและผู้เกี่ยวข้องช่วยสังเกตด้วย

พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ เปิดเผยว่าหลังจากมีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้ตรวจสอบเฝ้าระวังเหตุ จึงนำกำลังลงพื้นที่โดยกระจายกำลัง เจ้าหน้าที่คอมมานโด 80 นาย ลงตรวจสอบพร้อมกัน 5 จุด คือ เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว สยามพารากอน มาบุญครอง และเอสพลานาด รัชดา เน้นที่บริเวณจุดจอดรถยนต์เป็นหลัก รวมทั้งจุดท่องเที่ยว ศูนย์การค้าต่างๆ ทั้งใน กทม. และปริมณฑล พร้อมฝากประชาสัมพันธ์หากประชาชนพบความผิดปกติหรือวัตถุต้องสงสัยสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือแจ้ง 191 ทันทีตลอด 24 ช.ม.

จุดเสี่ยง - หน่วยคอมมานโด กองปราบฯ เข้าตรวจสอบลานจอดรถห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และอีก 4 ห้างดังทั่วกรุง หลังได้รับการแจ้งเตือนคาร์บอมบ์จากภาคใต้เข้ามาก่อเหตุในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 11 ต.ค.

จุดเสี่ยง – หน่วยคอมมานโด กองปราบฯ เข้าตรวจสอบลานจอดรถห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และอีก 4 ห้างดังทั่วกรุง หลังได้รับการแจ้งเตือนคาร์บอมบ์จากภาคใต้เข้ามาก่อเหตุในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 11 ต.ค.

ตรวจเข้ม - เจ้าหน้าที่รปภ.รถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที และชุดอีโอดี พร้อมสุนัขตำรวจ เดินตรวจความปลอดภัยทุกขบวนการเดินรถ หลังการข่าวแจ้งถึงการเตรียมก่อวินาศกรรมลอบวางระเบิดในกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 25-30 ต.ค.นี้

ตรวจเข้ม – เจ้าหน้าที่รปภ.รถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที และชุดอีโอดี พร้อมสุนัขตำรวจ เดินตรวจความปลอดภัยทุกขบวนการเดินรถ หลังการข่าวแจ้งถึงการเตรียมก่อวินาศกรรมลอบวางระเบิดในกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 25-30 ต.ค.นี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน