ตร.มุกดาหารเรียกสอบ สงสัยกระสอบท้ายรถกระบะของลุงพล หมอปลาส่งคลิปลับ หลักฐานสำคัญแห่งบ้านกกกอก เชื่อช่วยคลี่คลายคดีน้องชมพู่

เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ก.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มุกดาหาร เรียก นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ทนายความ หมอปลา และป้าแต๋น ให้เดินทางไปยังห้องสอบสวน โดย นายธนกฤต หลาบโพธิ์ สามีผู้ใหญ่บ้านขัวสูง ในฐานะพยายของพ่อน้องชมพู่ เดินทางมาที่ สภ.มุกดาหารด้วย แต่ไม่ได้ถูกเชิญเข้าไปด้านใน

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามกับ นายธนกฤต บอกว่า วันนี้ตนเดินทางมาที่ สภ.มุกดาหาร เพื่อมาเป็นกำลังใจให้ลุงพล โดยไม่ว่าตนจะเป็นพยานให้กับฝ่ายของพ่อน้องชมพู่ แต่ก็ไม่ได้มีความกังวล เพราะยังคงเป็นพยานให้พ่อน้องชมพู่ในส่วนที่เห็นบนถนนตอนขับรถสวนกัน ส่วนลุงพลตนก็จะเป็นพยานว่าลุงพลไม่ได้กระทำผิด ซึ่งตำรวจต้องการจะสอบปากคำ ตนก็พร้อมตอบ พร้อมเป็นพยาน และตนยังเชื่อมั่นว่าลุงพลไม่เกี่ยวข้อง

ส่วนเรื่องกระสอบ ที่มีกระแสข่าวว่า ตำรวจกำลังสงสัยกระสอบท้ายรถกระบะลุงพลวันไปส่งพระ นายธนกฤต บอกว่า แม้จะมีกระสอบหลังรถลุงพล แต่ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับคดีน้องชมพู่ แต่ถ้าหากตำรวจสงสัยเรื่องกระสอบ ส่วนตัวอยากให้ไปสอบน้าชมพู่ (น้าเสริม น้าต่าย) เพราะเป็นอีกกลุ่มคนที่ออกไปเกี่ยวหญ้า หรือใช้กระสอบในวันที่ 11 พ.ค.63

นายธนกฤต กล่าวอีกว่า ส่วนตัวอยากจะฝากบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า อยากให้คดีเกิดความรวดเร็วและปิดโดยเร็ว อย่ามัวแต่มองเรื่องงบประมาณหรือเรื่องเงิน ดังนั้นกลุ่มทีมทนายของลุงพลและหมอปลา เดินทางนำหลักฐานมามอบให้ที่จังหวัดวันนี้ ก็อยากให้ตรวจสอบ และให้ความสนใจกับข้อมูลดังกล่าว เช่น การออกตามหาน้องชมพู่เพียงลำพังที่เขาภูเหล็กไฟของคนบางกลุ่ม เรียกสอบทุกคน ไม่ว่าจะคนใกล้ตัว หรือพ่อแม่

ทั้งนี้ กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกกับตนว่า ตำรวจให้น้ำหนักที่ตนมากกว่าพยานคนอื่นของพ่อน้องชมพู่ ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นเพราะตนมีช่วงเวลาจากมือถือ รวมถึงจุดพิกัดที่ชัดเจนในขณะที่สวนทางกับพ่อน้องชมพู่ แต่ส่วนพยานคนอื่น ไม่สามารถยืนยันพิกัดและเวลาที่ชัดเจนได้ ตำรวจจึงไม่ได้ให้น้ำหนักมากเท่าที่ควร

ขณะที่หมอปลา บอกว่ามีกระบวนการปรักปรำลุงพล นายธนกฤต เปิดเผยว่า ตนไม่รู้วัตถุประสงค์ของกลุ่มคนดังกล่าวว่าทำไปเพื่ออะไร เป็นการเล่นละครเกินไปหรือไม่ ตนรู้ตัวละครทั้งหมดแล้วในละครเรื่องนี้ แต่ยังไม่รู้จักผู้กำกับละคร ดังนั้นเป็นใครก็ให้รีบออกมาแสดงตัวโดยเร็ว ผู้กำกับไม่รู้ รู้แต่นักแสดง ใครเขียนบท ออกมาเปิดเผยตัวเองหน่อย

กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงสงสัยเกี่ยวกับกระสอบข้าว หรือกระสอบปุ๋ย ที่ก่อนหน้านี้ได้มีการเก็บจากบ้านลุงคนไปตรวจดีเอ็นเอนั้น โดยกระสอบที่ก่อนหน้านี้ตำรวจได้เข้ามาที่บ้านลุงพล และยึดไปตรวจสอบ ซึ่งเป็นกระสอบถุงปุ๋ยยี่ห้อหนึ่ง จำนวน 2 ใบ ขนาดความกว้าง 58 เซนติเมตร และยาวยาว 52 เซนติเมตร

ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ทดสอบ 3 รูปแบบ กรณีหากเด็กถูกซ่อนเอาไว้อยู่ในกระสอบปุ๋ย ซึ่งเป็นกระสอบปุ๋ยสำหรับบรรจุได้ 25 กิโลกรัม กว้าง 58 เซนติเมตร สูง 92 เซนติเมตร

แบบที่ 1 วัดขนาด เทียบกับความสูงของน้องชมพู่ คือ 85 เซนติเมตร โดยทีมข่าววัดความสูงของกระสอบได้ 92 เซนติเมตร ส่วนความสูงของเด็ก ทีมข่าวใช้แผ่นโฟมแนวตั้ง วัดด้วยความสูงเทียบเคียงของเด็ก 85 เซนติเมตร พบว่าขนาดกระสอบจะมีความสูงกว่าเด็กประมาณ 7 เซนติเมตร

แบบที่ 2 ทีมข่าวทดสอบเข้าไปอยู่ในกระสอบ ทีมข่าวได้ย่อตัวลง แล้วให้ป้าถอน ในฐานะพยานลุงพล นำกระสอบปุ๋ยคลุมทีมข่าว และอยู่ภายในระยะหนึ่ง แต่ไม่สามารถมัดปากกระสอบได้ เพราะเนื่องจากครีมขาวตัวขนาดใหญ่กว่าเด็ก

แต่จากการเข้าไปอยู่ภายในกระสอบของทีมข่าว สัมผัสได้ว่า อากาศหายใจค่อนข้างน้อย ไม่มีรูสำหรับช่องหายใจ เพราะเย็บตะเข็บกระสอบอย่างมิดชิด และตัวกระสอบก็ไม่สามารถมีรูสำหรับหมุนเวียนอากาศเข้าไปภายในได้ เพียงแค่ทีมข่าวเข้าไปอยู่ด้านในไม่ถึง 1 นาที ยอมรับว่าค่อนข้างหายใจลำบากพอสมควร

จากนั้นทีมข่าวใช้ไฟฉาย ส่องดูบริเวณตัวกระสอบ เพื่อสำรวจว่ามีรูหรือช่องระบายอากาศหรือไม่ พบว่าเป็นกระสอบที่ไม่มีช่องระบาย แม้แต่แนวตะเข็บเย็บ ก็ไม่มีรูสำหรับอากาศที่จะเวียนเข้าไปภายในกระสอบเช่นเดียวกัน

ภายหลังใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา ออกมาเปิดเผยว่า คลิปที่ได้รับไปวันนี้จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการทำคดีน้องชมพู่ แต่วันนี้ชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ภายในห้องสอบสวน ไม่สามารถตอบข้อสงสัยหรือตอบข้อซักถามได้มากเท่าที่ควร เพราะต้องให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหารเป็นคนตอบด้วยตัวเอง แต่คดีมีความคืบหน้าไปกว่า 80% แล้ว ส่วนอีก 20% ตำรวจบอกให้รออีกไม่นาน เพราะตอนนี้เพียงแค่รอความชัดเจนกับพยานหลักฐานอีกบางส่วน

อีกทั้งส่วนตัวยังย้ำกับตำรวจว่า คลิปที่นำมามอบให้คือประโยชน์ทางคดีอย่างมาก และคลิปดังกล่าวก็ไม่ได้ตัดต่อ เป็นคลิปเต็มจากการสนทนาเพียง 1 ครั้ง ในความยาวต่อเนื่อง 59 นาที และคลิปย่อยๆ อีกจำนวนหนึ่ง

ส่วนความชัดเจนที่ตนทวงถามตอบเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ในการเข้าไปตรวจค้นบ้านลุงพล และนำพยานหลักฐานกลับออกไปด้วยนั้น หมอปลาบอกว่า ในวันที่ตำรวจเข้าไปปฏิบัติงานได้ใช้การขออนุญาตและขอความร่วมมือ แต่รายละเอียดอื่นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ และทางด้านของตำรวจที่อยู่ภายในห้องสอบสวน ยังชี้แจงว่าไม่มีตำรวจไปบอกกับนักข่าว กรณีใครเฝ้าติดตามพฤติกรรมของลุงพล หรือแม้แต่บอกว่าลุงพลเป็นคนร้าย เพราะตำรวจไม่มีอำนาจหน้าที่

สำหรับเรื่องของคลิปเสียง หมอปลายืนยันว่าบุคคลปลายสายมีตัวตนอยู่จริง ซึ่งผู้หญิง 2 คน คนหนึ่งอยู่ออสเตรเลีย อีกคนหนึ่งอยู่เยอรมัน โดยระหว่างการพูดคุยกับตำรวจในห้องสอบสวนนั้น ได้มีการต่อสายพูดคุย พร้อมทั้งได้นำหมายเลข 13 หลัก มาตรวจสอบยืนยันว่ามีตัวตนอยู่จริงในประเทศไทย ฉะนั้นตำรวจจึงเชื่อมั่นว่าบุคคลเหล่านั้นมีอยู่จริงไม่ได้สร้างขึ้นเอง

หมอปลา ยังฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า คดีน้องชมพู่เป็นคดีคนตาย ไม่ใช่คดีขโมยสิ่งของในร้านสะดวกซื้อ ดังนั้นโทษสูงสุดคือประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนตัวจึงอยากให้ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ จับคนร้ายให้ได้ และส่วนตัวรู้สึกเสียใจ ที่คนในคลิป หรือคนอื่น ๆ เกิดความไม่พอใจ ออกมาฟ้องดำเนินคดีในฐานะคนปล่อยคลิป ทำให้รู้สึกเสียใจ ที่ออกมาทำให้คดีคืบหน้า “พวกมึงไม่อยากรู้หรือไงว่าใครฆ่าน้องชมพู่”

อีกทั้ง หมอปลา ยังถามตำรวจวันนี้ เกี่ยวกับเครื่องจับเท็จ ซึ่งตำรวจบอกว่า รอขั้นตอนอยู่ หลังจากนี้อาจนำมาใช้ก็ได้ ซึ่งให้รออีกระยะหนึ่งก่อน

ส่วนนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบกับตำรวจ สภ.มุกดาหาร เปิดเผยว่า คลิปที่หมอปลานำมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้ เป็นคลิปที่บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านกกกอก ว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงและมีความเป็นไปได้สูง แต่ยกเว้นเรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อตาที่ตนไม่เคยทราบ เพราะย้ายเข้ามาอยู่ภายหลัง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับน้องชมพู่ในช่วงที่ผ่านมาทั้งหมด

แต่ภายหลังที่นำคลิปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ทางเจ้าที่ตำรวจ เปิดเผยเบื้องต้น ว่า อาจมีบางช่วงที่เกิดจากการมโน หรือการพูดคุยนอกรอบ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ซึ่งตนพยายามชี้แจ้งว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเป็นลำดับของเหตุการณ์ในหมู่บ้านกกกอก และยืนยันว่าไม่ใช่การมโน

ส่วนเรื่องที่ทนายความและหมอปลา เรียกร้องให้ตำรวจเรียกสอบตามข้อเรียกร้อง เช่น การเรียกสอบบุคคลขึ้นเขาภูเหล็กไฟค้นหาน้องชมพู่เพียงลำพัง วันที่ 12 พ.ค.63 ลุงพล บอกว่า เรื่องนี้ ตนยังไม่รู้ว่าที่ผ่านมามีการเรียกสอบไปแล้วหรือยัง แต่ก็อยากให้คนในคลิปเสียงออกมาพูดความจริง ว่าเกี่ยวข้องอย่างไรกับคดีน้องชมพู่ และไปนำข้อมูลมาจากไหน

ทั้งนี้ ภายหลังมีเพจข้อความในเฟซบุ๊ก โพสต์ ข้อความทำนองว่า “ตร.สงสัยกระสอบท้ายกระบะลุงพล” นั้น ส่วนตัวไม่รู้ว่า ไปเอาข้อมูลมาจากไหน และไม่รู้ว่าใครจะสงสัยหรือไม่ แต่ในวันที่ไปส่งพระนั้น มีกระสอบข้าวที่ยกลงไปให้พระครูบารัตน์ 1 กระสอบ ส่วนอีก 1 กระสอบพระมอบให้ตน แต่วันนั้นฝนตกจึงย้ายมาไว้ในแคปรถ ซึ่งมีนางถอน นายม็อค พระ ป้าแต๋น เป็นพยานให้ได้

แต่วันนี้ หลังจากตนเองเจอกับตำรวจ ถือเป็นครั้งแรกหลังมีคดี ตำรวจยืนยันชัดเจนว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยมีตำรวจคนไหนสงสัยในตัวลุงพล ส่วนเรื่อง กระบวนการปรักปรำลุงพล รวมถึงให้สื่อช่วยจับตาเป็นพิเศษ ตนมองว่า ไม่รู้ว่าเกิดจากใคร และใครอยู่เบื้องหลัง

ที่มา รายการทุบโต๊ะข่าว อมรินทร์ทีวี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน