แม่น.ศ. แพทย์สุดเศร้าไม่รู้เรื่องลูกชายตกเป็นผู้ต้องหาวางยาฆ่าสุนัขหวังเอาเงินประกัน ขณะที่รุ่นพี่ระบุมีอาการป่วยทางจิต จนมหาวิทยาลัยต้องสั่งบำบัดรักษา เจ้าของบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยงพร้อมตัวแทนกลุ่มวอตช์ด๊อก ไทยแลนด์ เข้าแจ้งความเพิ่ม ข้อหาพยายามฉ้อโกงและทารุณสัตว์ ตร.สอบพยานไปแล้ว 3 ปาก เตรียมส่งยาที่พบในกระเพาะสุนัขและในตะกร้าให้ศูนย์การแพทย์ตรวจ เรียกพนักงานขับรถขนส่งสุนัขและน.ศ.แพทย์ ผู้ต้องหามาสอบปากคำ โฆษกแพทยสภาระบุในเรื่องจริยธรรมนักศึกษาสถานศึกษาเป็นหลักในการดูแล ไม่เกี่ยวกับแพทยสภา แต่ในการสอบใบประกอบวิชาชีพมีข้อกำหนดชัดเจนว่าไม่เคยต้องโทษจำคุก เว้นกรณีขับรถชนผู้อื่นเสียชีวิตโดยไม่เจตนา เผยน.ศ.แพทย์โดยทั่วไปมีภาวะเครียดและความกดดันสูง กว่าร้อยละ 20 มีปัญหาด้านจิตใจและเสี่ยงฆ่าตัวตาย

จากกรณีนักศึกษาแพทย์ ชั้นปีที่ 6 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ว่าจ้างรถบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยง นำสุนัขพันธุ์ปอมเดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครราชสีมา แต่เกิดตายระหว่างทาง จากนั้นเจ้าของสุนัขเรียกร้องค่าประกันกับบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยง เมื่อโรงพยาบาลสัตว์ผ่าพิสูจน์ซากสุนัขพบว่ามียาลดความดันของมนุษย์อยู่ในกระเพาะอาหารเป็นจำนวนมาก โดยสงสัยว่าสุนัขอาจถูกวางยาเพื่อเรียกร้องเงินประกัน ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 10 ก.ย. นางณัฐนันท์ หรือหญิง จีระวิวิธพร อายุ 39 ปี เจ้าของบริษัท ขนส่งเอช.เอส.เค.เอ็กซ์เพรส อินเตอร์เนชั่นแนล แอนด์ เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุมีลูกค้าทราบชื่อต่อมาคือนายภัทรพงศ์ ทรงทรัพย์กุล นักศึกษาแพทย์ ชั้นปีที่ 6 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ติดต่อเข้ามาที่ร้านเพื่อใช้บริการนำสุนัขพันธุ์ปอม เพศผู้ สีน้ำตาล อายุ 7 เดือน ไปส่งที่โรงพยาบาลสัตว์หมอต้น เลขที่ 1143/47 ถนนสุรนารายณ์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยให้ข้อมูลว่า จะนำไปฝากไว้ภายในสถานที่ดังกล่าวเป็นเวลา 2 วัน เพื่อเซอร์ไพรส์แฟนสาวเนื่องจากอยากได้และชื่นชอบสุนัขพันธุ์นี้มาก โดยทางบริษัทแจ้งค่าบริการขนส่ง 6,500 บาท และลูกค้าขอทำประกันชีวิตเพิ่ม 4,000 บาท เนื่องจากซื้อมาในราคา 4 หมื่นบาท หากเกิดเสียชีวิตในระหว่างการเดินทางบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบตามจำนวนเงินทั้งหมด กระทั่งเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา มีการนัดแนะให้ทางบริษัทไปรับลูกค้าและสุนัขที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ภายในซอยลาดพร้าว 18 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. ก่อนเดินทางไปพร้อมกันทั้งหมดภายในรถของบริษัท ระหว่างการเดินทางสุนัขมีอาการอ่อนเพลียอยู่ตลอดเวลา ตนจึงนำกลูโคสผสมน้ำดื่มให้รับประทานเป็นระยะๆ เมื่อถึงที่หมายตนจึงเดินทางกลับทันทีเนื่องจากมีลูกค้ารออีกเป็นจำนวนมาก

นางณัฐนันท์กล่าวต่อว่า เมื่อเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งขณะที่ตนใกล้ถึง กทม. นายภัทรพงศ์โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาพร้อมทั้งบอกว่าสุนัขตายแล้ว ด้วยความเป็นกังวลใจตนจึงวนรถกลับไปที่โรงพยาบาลสัตว์หมอต้นอีกครั้ง เมื่อไปถึงลูกค้าจะให้ทางบริษัทเป็นผู้ชดใช้จำนวนเงิน 4 หมื่นบาท แต่ตนไม่ยินยอมเนื่องจากข้อตกลงในเงื่อนไขวงเงินประกันหากสุนัขเสียชีวิตระหว่างขนส่งทางบริษัทจะเป็นผู้ชดใช้ให้ทั้งหมด จากนั้นลูกค้าจึงไปบอกกับทางโรงพยาบาลให้ช่วยชดใช้กับทางบริษัทฝ่ายละ 2 หมื่นบาท ซึ่งทางโรงพยาบาลสัตว์หมอต้นก็ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้สุนัขเสียชีวิต จึงเยียวยาช่วยเหลือเป็นเงินสด 2 พันบาท และนำสุนัขไปเผาที่วัดให้เนื่องจากเป็นคนรักสัตว์มากเช่นกัน ก่อนที่ตนจะเดินทางกลับ กทม.ตามปกติ

นางณัฐนันท์กล่าวอีกว่า เมื่อมาถึงบริษัทได้รับข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา นายภัทรพงศ์ติดต่อมายังบริษัท ฟีนิกซ์ เอ็กซ์เพรส จำกัด ตั้งอยู่ย่านจรัญสนิทวงศ์ 13 ซึ่งเป็นของน้องชายตนเพื่อให้ส่งกระต่ายจำนวน 10 ตัว พร้อมทั้งขอทำประกันหากเกิดการเสียชีวิตระหว่างขนส่ง หากตัวใดตายทางบริษัทจะต้องชดใช้ในราคาตัวละ 5,000 บาท ซึ่งครั้งนั้นทางน้องชายปฏิเสธไปทันที ก่อนจะเกิดเรื่องกับตนและมาทราบข่าวการเสียชีวิตของน้องหมาอีกตัว ซึ่งแพทย์โรงพยาบาลสัตว์เซ็นเตอร์เพ็ท จ.นครราชสีมา เป็นผู้ผ่าพิสูจน์จนพบความผิดปกติเจอยาลดความดันของมนุษย์ในกระเพาะอาหาร ทั้งนี้เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ตนพร้อมด้วยตัวแทนกลุ่มวอตช์ด๊อก ไทยแลนด์ เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดยตนแจ้งความในข้อหาพยายามฉ้อโกง ส่วนทางวอตช์ด๊อก ไทยแลนด์ เป็นตัวแทนของรัฐซึ่งแจ้งในข้อหาทารุณกรรมสัตว์ เนื่องจากเป็นอาญาแผ่นดินโดยมีรัฐเป็นผู้เสียหายโดยตรง

ต่อมา พ.ต.ท.สืบพงศ์ กรุณา รอง ผกก.(สอบสวน) สน.สุทธิสาร เปิดเผยว่า ภายหลังจากตัวแทนกลุ่มวอตช์ด๊อก ไทยแลนด์ และบริษัท ขนส่งเอช.เอส.เค.เอ็กซ์เพรส อินเตอร์เนชั่นแนล แอนด์ เซอร์วิส จำกัด เดินทางเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับนักศึกษาแพทย์ ซึ่งมีเจตนาว่าจ้างให้ขนส่งสุนัขเพื่อเอาเงินประกันภัย จากการตรวจสอบหลักฐานที่เป็นเอกสารการปลอมแปลงราคาซื้อสุนัขและหลักฐานการพูดคุยผ่านช่องทางแอพพลิเคชั่นไลน์ พบว่าเข้าข่ายการกระทำผิดในข้อหาพยายามฉ้อโกงอย่างชัดเจน ทางพนักงานสอบสวนสามารถออกหมายจับได้ในทันที ส่วนจะเข้าข่ายทารุณกรรมสัตว์หรือไม่นั้นยังไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างแน่ชัด เนื่องจากยังขาดหลักฐานสำคัญคือตัวยาที่ใช้ฆ่าสุนัขตัวแรก นอกจากนี้จากข้อมูลของคนขับรถบริษัทขนส่งสัตว์อีกแห่งที่ปรากฏเรื่องราวในโลกโซเชี่ยล ทราบเพียงว่าเห็นเจ้าของป้อนเม็ดยาให้กับสุนัข และพบเม็ดยาติดอยู่ที่ปลอกคอสุนัข ต้องรอให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนจึงจะทราบว่าเป็นการจงใจทารุณกรรมสัตว์หรือไม่ โดยในวันที่ 11 ก.ย.นี้พนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร จะออกหมายเรียกให้นักศึกษาแพทย์รายดังกล่าวมาเข้าพบเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม หากออกหมายเรียกถึง 2 ครั้งยังไม่เข้าพบ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการออกหมายจับตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

เวลา 17.00 น. วันเดียวกัน ที่สน.สุทธิสาร ร.ต.อ.ศรายุทธ์ สันทัด รอง สว. (สอบสวน) สน.สุทธิสาร เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา นายเจษฎา กุลโสภณ อายุ 27 ปี เจ้าของร้านมินโซ ปอม (Minso Pom) ย่านสุขุมวิท 101 เดินทางเข้ามาให้ปากคำที่ สน.สุทธิสาร ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง

นายเจษฎาเผยว่าประกอบธุรกิจขายสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียน เพาะพันธุ์เองที่ จ.อ่างทอง และนำมาที่หน้าร้านในซอยสุขุมวิท 101 เพาะพันธุ์มาแล้วหลายรุ่น ทำมาแล้ว 7-8 ปี นักศึกษาแพทย์คนดังกล่าวติดต่อมาขอซื้อสุนัข 2 ตัว ตัวแรกติดต่อซื้อเมื่อวันที่ 30 ก.ค. ระบุว่าขอสุนัขอายุ 3-4 เดือนขึ้นไป ราคา 7-8 พันบาท สุดท้ายตกลงกันที่สุนัขเพศผู้ อายุ 7 เดือน ราคา 7,500 บาท นัดส่งกันที่ เจเจ มอลล์ วันที่ 31 ก.ค. กระทั่งวันที่ 31 ส.ค. นักศึกษาแพทย์คนเดิมติดต่อมาอีกครั้ง บอกว่าต้องการสุนัขแบบเดิม เพื่อจะเอาไปเป็นเพื่อนเล่นกัน จึงจัดหาสุนัขตัวที่สอง เพศผู้ อายุ 7 เดือนเช่นกัน ราคา 7,000 บาท แต่ลดให้ในราคา 6,500 บาท นัดส่งกันวันที่ 4 ก.ย. ย่านเจเจ มอลล์ เหมือนเดิม ยืนยันว่าสุนัขในฟาร์มทุกตัวมีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรค มีการตรวจสอบทุกตัวและสอบถามลูกค้าหลังการขายเสมอ จำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกต่างประเทศ ไม่เคยพบปัญหามาก่อน ส่วนยาที่พบไม่ทราบว่าเป็นยาประเภทใด แต่ไม่ใช่วิตามินสำหรับสุนัขแน่นอน

ร.ต.อ.ศรายุทธ์เปิดเผยว่า เบื้องต้นเรียกพยานหลายปากมาสอบปากคำแล้ว อาทิ บริษัทขนส่ง พนักงานผู้จัดส่ง และเจ้าของฟาร์มสุนัข หลังจากนี้จะรวบรวมข้อมูลการสอบปากคำนำเรียนผู้บังคับบัญชาว่าสัปดาห์นี้จะออกหมายเรียกนักศึกษาแพทย์คน ดังกล่าวเข้าให้ปากคำ ส่วนที่มีการขอซื้อสุนัขตัวที่สอง ราคา 6,500 บาท แล้วจะให้ทางร้านออกใบเสร็จ ราคา 50,000 บาท และการนำเอกสารไปวางเงินประกันภัย 40,000 บาทนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของหนุ่มนักศึกษาแพทย์ที่ถูกกล่าวหา ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลตำบลโชคชัย อ.โชคชัย จ.นครราช สีมา พบกับมารดาหนุ่มนักศึกษาแพทย์ ซึ่งเปิดเผยว่าลูกชายของตนเองไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้นานประมาณ 7 ปีแล้ว เพราะไปเรียนหนังสืออยู่ที่กรุงเทพมหานคร ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นตนไม่ทราบที่มาที่ไป และไม่ขอออกความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวสอบถามแพทย์ รุ่นพี่นักศึกษาแพทย์ที่ถูกกล่าวหา ได้รับแจ้งว่านักศึกษาแพทย์รายนี้เดิมมีพฤติกรรมปกติเหมือนนักศึกษาแพทย์ทั่วไปตั้งแต่เข้าเรียนปี 1 แต่พอเรียนถึงปีที่ 6 คณาจารย์ที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ตรวจพบว่ามีอาการป่วยทางจิต ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ สอดคล้องกับคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ ร.พ.สัตว์หมอต้น ที่ปฏิเสธจะจ่ายเงินประกันที่เอาสุนัขมาฝากให้ดูแลโดยนักศึกษาแพทย์คนนี้มีอาการโกรธรุนแรงและตัวสั่นผิดปกติ ทั้งนี้คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลจึงแจ้งให้พักการเรียนเพื่อไปรักษาตัวก่อน โดยนักศึกษาแพทย์คนนี้ต้องเรียนซ้ำชั้น ส่วนเพื่อนรุ่นเดียวกันเรียนจบไปแล้ว จึงไม่แน่ใจว่าปัจจุบันนักศึกษาคนนี้ยังอยู่ระหว่างการรักษาอาการป่วยทางจิตหรือไม่

ด้าน พ.ต.ต.มงคล คุปติศิริรัตน์ สารวัตรสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง อ.เมืองนครราชสีมา เจ้าของคดี เผยความคืบหน้าของคดีหลังสัตวแพทย์ รัชภูมิ เขียวสนาม นายสัตวแพทย์หัวหน้ากลุ่มสุขภาพสัตว์ สนง.ปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของสุนัขในข้อหาทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันควรว่า สอบปากคำพยานไปแล้ว 3 ปาก ประกอบด้วยนายสัตวแพทย์รัชภูมิ สัตวแพทย์หญิง อนงค์นาถ สุตธรรม เจ้าของโรงพยาบาลสัตว์เซ็นเตอร์เพ็ท ที่ผ่าตัดสุนัข และพยาบาลผู้ช่วย เมื่อคืนที่ผ่านมา และในวันจันทร์ที่ 11 ก.ย.นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งยาจำนวน 12 เม็ด ที่พบในกระเพาะอาหารสุนัขและยาเม็ดสีเหลืองอีก 1 เม็ด ที่ตกอยู่ ในตะกร้าใส่สุนัข ไปตรวจพิสูจน์ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 9 นครราชสีมา ซึ่งสามารถระบุเกี่ยวกับยา เช่น ชนิดและสรรพคุณในการรักษารวมทั้งผลข้างเคียง คาดใช้เวลาไม่เกิน 10 วัน ในสัปดาห์เดียวกันนี้จะเชิญพนักงานขับรถขนส่งสุนัขและนักศึกษาแพทย์ที่ถูกกล่าวหามาสอบปากคำ ถ้านักศึกษาแพทย์ไม่มาตามนัดหมายจะออกหมายเรียกตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

พญ.ชัญวลี ศรีสุโข โฆษกแพทยสภา กล่าวว่า เรื่องจริยธรรมของนักศึกษานั้นไม่ได้อยู่ในความดูแลของแพทยสภาโดยตรง แต่ปัจจุบันแพทยสภาตั้งอนุกรรมการจริยธรรมนักศึกษาแพทย์ขึ้นมาโดยทำงานร่วมกับอาจารย์ประจำสถานศึกษาต่างๆ เพื่อดูแลมาตรฐานทางด้านจริยธรรมของนักศึกษาแพทย์ เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นจะให้สถานศึกษาเป็นหลัก ในกรณีนักศึกษาแพทย์รายนี้ นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกแพทยสภาอยู่ในขณะนี้นั้นเชื่อว่าจะดูแลพิจารณาในประเด็น ดังกล่าวอย่างยุติธรรม โดยชั่งน้ำหนักถึงผล กระทบต่อตัวนักศึกษาแพทย์คนดังกล่าวและชั่งน้ำหนักด้วยว่าอนาคตจะเกิดปัญหากับผู้ป่วยอย่างไรหรือไม่

โฆษกแพทยสภากล่าวต่อว่า เรื่องจริยธรรม จรรยาบรรณแพทย์นั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก เราต้องการหมอที่เก่งและดี หากมีปัญหาทางด้านจริยธรรมโดยเฉพาะปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงินแล้วนั้นถือว่าไม่สมควร แม้ในช่วงเป็นนักศึกษาแพทย์ สถานศึกษาจะเป็นหลักในการดูแลด้านจริยธรรม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแพทยสภา แต่การสอบใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมเพื่อเป็นแพทย์นั้น ตามพ.ร.บ. ประกอบวิชาชีพเวชกรรมพ.ศ 2525 มีข้อหนึ่งระบุว่า เป็นผู้ที่ไม่เคยต้องโทษ จำคุก โดยคำพิพากษาถึงที่สุดหรือถูกคำสั่งตามกฎหมายให้จำคุก เช่นในอดีต ก็เคยมีคดีแพทย์ลงมือฆ่า ผู้ป่วยหรือฆ่าผู้ใกล้ชิด ส่วนถ้าเป็นกรณีขับรถชนผู้อื่นเสียชีวิตโดยที่ไม่ได้เจตนาจะไม่เข้าข่ายตามนี้

“ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจจะมีหลายๆ อย่างที่กดดัน เพราะนักศึกษาแพทย์ส่วนใหญ่จะเป็นพวกหัวกะทิ อันดับต้นๆ ของชั้นเรียน เมื่อมาเจอพวกหัวกะทิด้วยกันเองความกดดันก็จะสูง ทำให้เครียดได้ มีงานวิจัยในต่างประเทศพบว่านักศึกษาแพทย์กว่าร้อยละ 20 มีปัญหาทางด้านจิตใจ และอีกกว่าร้อยละ 20 มีปัญหาถึงขั้นเสี่ยงฆ่าตัวตาย อย่างไรก็ตามในคณาจารย์แพทย์จะมีอาจารย์ด้านจิตแพทย์คอยดูแลและคัดกรองอยู่ บางคนแก้ไขได้ บางคนอาจต้องไปทำอย่างอื่นแทน”โฆษกแพทยสภากล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน