นายกฯเผยหลังเข้าเฝ้า ยันยึดกฎมณเฑียรบาล

 

นายกฯประยุทธ์แถลง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงสถาปนาพระรัชทายาทตามกฎมณเฑียรบาลไว้แล้ว เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2515 โดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ขณะสนช.-ครม.เรียกประชุมด่วน

เมื่อเวลา 17.18 น. วันที่ 13 ต.ค. นาย สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 ได้แจ้งต่อที่ประชุมสนช.ว่า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.และนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 ได้หารือร่วมกันว่าเนื่องจากมีเหตุผลจำเป็นอย่างยิ่ง จึง ขอเลื่อนระเบียบวาระการประชุมในวันนี้ออกไปก่อน ขณะเดียวกันจะของดการประชุมสนช.ใน วันที่ 14 ต.ค.

จากนั้นที่ประชุมมีมติสนช.มีมติเอกฉันท์ 180 เสียง งดออกเสียง 4 คน และไม่ลงคะแนน 1 คน เพื่องดเว้นการใช้ข้อบังคับการประชุมสนช. เพื่อเลื่อนระเบียบวาระดังกล่าวออกไปเป็นการชั่วคราวก่อน

นายสุรชัยกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จะขอนัด ประชุมสนช.ในวันนี้เป็นกรณีพิเศษเวลา 21.00 น. และขอความกรุณาสมาชิกสนช. เตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับการเรียกประชุมเป็นกรณีพิเศษและขอให้ติดตามการแจ้งนัดหมายทุกช่องทางที่สภามีอยู่โดยเฉพาะช่องทางอิเล็กทรอนิกส์

ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.15 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ใช้เวลาประมาณ 15 นาที จากนั้นนายวิษณุได้กลับเข้าห้องทำงานที่ตึกบัญชาการ 1 เพื่อเตรียมการประชุมครม.

จากนั้นเวลา 18.30 น. รัฐมนตรีได้ทยอยเดินทางมายังตึกบัญชาการ 1 อาทิ นายสมคิด จาตุ ศรีพิทักษ์ รองนายกฯ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังมีพล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. นอกจากนั้นยังมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย และ นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช. รวมทั้งนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ฯลฯ ก่อนจะเริ่มประชุมในเวลา 19.00 น.

ต่อมาเวลา 18.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้ เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล และกลับมาร่วมประชุมครม.ในเวลา 20.15 น.

โดยในเวลา 19.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ว่า ภารกิจสำคัญที่จะต้องดำเนินการในบัดนี้มี 2 ประการ คือ การดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และ ตามกฎมณเฑียรบาล ว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พุทธศักราช 2467 ตลอดจนตาม ราชประเพณีในส่วนของการสืบราชสันตติวงศ์ ซึ่งสอดคล้องต้องกัน เพื่อให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดำเนินต่อไป อย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลจะแจ้งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม สถาปนาพระรัชทายาทตามกฎมณเฑียรบาลไว้แล้ว เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2515 จากนั้นสภานิติบัญญัติ แห่งชาติ จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

อีกประการหนึ่ง คือการเตรียมงานพระบรมศพในส่วนของรัฐบาล และประชาชนให้สมพระเกียรติยศ และสมกับความจงรักภักดีของประชาชนชาวไทย ที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ ทั้งนี้การดำเนินการทั้ง 2 ประการนี้ รัฐบาลจะแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบเป็นระยะต่อไป ในช่วงเวลาต่อจากนี้ไป เป็นช่วงเวลาที่รัฐบาล และผู้เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการเรื่องต่างๆ ให้เป็นไปตามกฎหมายและราชประเพณี รัฐบาล จึงขอให้พี่น้องประชาชนทั้งหลายรับฟังข่าวสารอย่างเป็นทางการ จากหน่วยงานราชการ อย่าเชื่อข่าวที่ลือที่ไม่ปรากฏแหล่งอ้างอิง

นายกฯ แถลงในตอนท้ายว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งหลาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคตแล้ว ขอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลใหม่ ทรงพระเจริญ

ต่อมาเวลา 21.20 น. รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมครม.อย่างไม่เป็นทางการได้เสร็จสิ้นแล้ว โดยการประชุมเป็นเพียงการแจ้งขั้นตอน ต่างๆ และการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เท่านั้น รวมทั้งขั้นตอนต่างๆ ว่าหน่วยงานใดจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง

ที่รัฐสภา เวลา 20.45 น. สมาชิกสนช.ทยอยเดินทางเข้ามาประชุมที่รัฐสภา ตามที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ได้นัดประชุมกรณีพิเศษในเวลา 21.30 น. โดยต่างแต่งกายไว้ทุกข์ด้วย ชุดดำและปลอกแขนสีดำ ทั้งนี้ภายในห้องประชุมรัฐสภาได้มีการเปิดวีดิทัศน์พระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศด้วย ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า

ต่อมาเวลา 21.30 น. นายพรเพชรเป็นประธานการประชุมสนช.ครั้งที่ 65/2559 เป็นพิเศษ เพื่อ รับทราบประกาศสำนักพระราชวัง เรื่อง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามิน ทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2559 โดยขอเชิญสมาชิกสนช. โปรดยืนขึ้น เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายอาลัยส่งดวงพระวิญญาณพระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย เป็นเวลา 9 นาที

จากนั้นนายพรเพชรแจ้งต่อที่ประชุมว่า ซึ่งสภาจะได้ดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2559 มาตรา 2 ประกอบรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 23 ต่อไป และจะไม่มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วาระปกติ จนกว่าจะมีการดำเนินการตามโบราณราชประเพณี กฎมณเฑียรบาล และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จากนั้นนายพรเพชรได้สั่งปิดประชุมเวลา 21.45 น.

เวลา 21.40 น. ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ในนามของนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และคสช. ขอแสดงความเสียใจกับประชาชนทั้งประเทศไปด้วยกัน เราอยู่ในวาระที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นเราต้องทำทุกอย่างให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยเมื่อหัวค่ำวันเดียวกันนี้ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงรับสั่งไว้ว่า ท่านทรงรับพระราชทานเป็นองค์รัชทายาทอยู่แล้วในปัจจุบัน แต่ท่านทรงขอเวลาทำพระทัยและแสดงความเสียใจร่วมกับประชาชนทั้งประเทศไปก่อนในระยะเวลานี้ และท่านขอเวลาสำหรับกระบวนการของกฎหมาย ในการอัญเชิญขึ้นสืบราชสมบัตินั้นให้รอเวลาที่เหมาะสม โดยหลังจากที่พระองค์ทรงทำพระทัยแสดงความเสียใจร่วมกับประชาชนและทรงนึกถึงพระราชบิดา

ทั้งนี้ เมื่อร่วมแสดงความเสียใจและระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว รัชกาลที่ 9 ร่วมกับประชาชนผ่านพ้นไปแล้ว เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมโดยทรงยืนยันว่า ทรงตระหนักในหน้าที่องค์รัชทายาทในส่วนของพระราชภารกิจต่างๆ จะทรงปฏิบัติต่อไปในฐานะสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร หวังว่าทุกคนคงเข้าใจและไม่ทำให้ทุกอย่างวุ่นวาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน