ชาวบ้านห้วยเม็กแจ้งเอาผิด โดนอ้างชื่อประชุมประชาคมเห็นด้วยให้บริษัทลูกของกระทิงแดงเช่าพื้นที่ป่าสาธารณะห้วยเม็ก-ขอนแก่น ระบุชาวบ้านที่มีชื่อไม่มีส่วนรู้เห็น-ไม่ได้เข้าประชุม พบชื่อบางคนซ้ำกัน-บ้านเลขที่ไม่ถูกต้อง จึงเชื่อว่าอาจถูกปลอมชื่อเข้าร่วมประชุม ด้านบิ๊กป๊อกย้ำเพิกถอนได้หากถูกร้องคัดค้านใหม่ปมห้วยเม็ก โดยไม่ต้องรอคำสั่ง พร้อมสั่งสอบหาคนผิดด้วย

จากกรณีกระทรวงมหาดไทยอนุมัติให้บริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของกระทิงแดง เช่าพื้นที่ป่าสาธารณะห้วยเม็ก ต.บ้านดง อ.อุบล รัตน์ จ.ขอนแก่น ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย

สำหรับความคืบหน้า เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่สภ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น นายไพบูลย์ บุญลา ประธานสภาองค์กรชุมชน ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ พร้อมชาวบ้าน 13 คน ซึ่งได้รับความเสียหายจากการที่ถูกนำรายชื่อไปใช้ในการทำประชาคมหรือประชาพิจารณ์ให้บริษัทเอกชนใช้พื้นที่ป่าสาธารณะ เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.คอง ยอดสง่า สว.(สอบสวน) สภ.อุบลรัตน์ เพื่อนำเอกสารบันทึกรายงานการประชุมประชาคม เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนบ้านหนองแต้ หมู่ 5,6 ที่เคยใช้ประโยชน์ร่วมกันในที่ดินของรัฐ ประเภท ทางสาธารณประโยชน์ และแปลงห้วยเม็กสาธารณประโยชน์ วันที่ 13 มี.ค.2558 ที่ศาลาประชาคมบ้านหนองแต้ หมู่ 6 ต.บ้านดง มาเป็นเอกสารหลักฐานแจ้งความ เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

นายไพบูลย์กล่าวว่า ในรายงานบันทึกการประชุมระบุมีชาวบ้านหนองแต้ ม.5 จำนวน 149 ครัวเรือน จำนวน 659 คน และบ้านหนองแต้ ม.6 จำนวน 200 ครัวเรือน จำนวน 711 คน เข้าร่วมประชุม โดยสรุปว่าอบต.ในพื้นที่ให้หมู่บ้านหนองแต้ทั้ง 2 หมู่จัดประชุมประชาคมว่าจะให้บริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เข้ามาขอใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ ประเภททางสาธารณะ และห้วยเม็กสาธารณประโยชน์ เพื่อขอใช้เป็นที่กักเก็บน้ำ และใช้เป็นสถานที่ประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมผลิตน้ำดื่ม และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์

“ที่ประชุมยังอ้างว่าชาวบ้านทั้ง 2 หมู่มีมติเอกฉันท์เห็นชอบให้บริษัทขอใช้ที่ดินได้ และไม่มีผู้เข้าร่วมประชุมแสดงความคิดเห็นแม้แต่คนเดียว การประชุมจึงปิดประชุมเวลา 21.00 น. วันเดียวกันในเอกสารแนบท้ายรายชื่อผู้เข้าร่วมประชุมประชาคม มีผู้เข้ารับฟังความคิดเห็นจำนวนทั้งสิ้น 81 คน” นายไพบูลย์กล่าว

นายไพบูลย์กล่าวอีกว่า การประชุมครั้งนี้ชาวบ้านที่มีรายชื่อในเอกสารหลายคนไม่มีส่วนรู้เห็น และไม่ได้เข้าประชุมประชาคม แต่หลังจากได้เห็นเอกสารต่างตกใจและเป็นงงมาก เนื่องจากชื่อบางคนซ้ำกัน ลายเซ็นไม่เหมือนกัน บางรายบ้านเลขที่ไม่ถูกต้อง เมื่อเป็นเช่นนี้อาจเป็นไปได้ว่าน่าจะมีการปลอมลายมือชื่อของผู้เข้าร่วมประชุมประชาคม ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงต้องมาแจ้งความ

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนเตรียมสอบ สวนและเรียกผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดมาสอบถาม หากพบว่าทำผิดจริงเตรียมดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากนั้นนายชูชาติ ผิวสวาท รองประธานสภาชุมชน จ.ขอนแก่น พร้อมชาวบ้านในพื้นที่ป่าสาธารณะห้วยเม็ก มาขอพบนายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ผวจ.ขอนแก่น เพื่อชี้แจงเรื่องดังกล่าว แต่ผวจ.ขอนแก่นติดราชการ ชาวบ้านจึงไปที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.ขอนแก่น เพื่อขอคัดสำเนาหนังสือเรื่องที่ชาวบ้านเคยร้องคัดค้านก่อนหน้านี้








Advertisement

ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า กระบวนการนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2557 บริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ร้องขอจากกรมที่ดินก็ดำเนินการตามขั้นตอนถึงปี 2558 ปลายปีก็เสนอขึ้นมา จากนั้นต้นปี 2559 ส่งมาถึงกระทรวงแต่ยังไม่ถึงตน ขณะนั้นกระทรวงมีข้อสงสัย จึงแจ้งกลับไปให้ชี้แจงรายละเอียดอีก 6 ประเด็นในช่วงเดือนม.ค.2559 พอวันที่ 8 ก.พ.2559 ก็มีคนร้องคัดค้าน

“นายอำเภอก็ทำประชาคมใหม่แล้วยืนยันว่าไม่มีการคัดค้าน ขึ้นมาเที่ยวนี้ก็จบ ผมให้ความเห็นชอบให้ผู้ว่าฯ อนุมัติให้ใช้ได้ในวันที่ 1 มิ.ย.2559 จากนั้นเดือนส.ค.2559 ก็มีคนมาคัดค้านอีก ดังนั้นถ้ามีคนมาร้องอีกก็ยกเลิกได้ทันที แต่ต้องหาข้อเท็จจริงว่าทำไมที่ทำประชาคมแล้วยังมีคนมาร้อง เพราะไม่ได้จบที่นายอำเภอ ยังมีคณะกรรมการจังหวัด เรื่องการคัดค้านต้องมีที่มาของหนังสือว่าร้องที่ใครอย่างไร ต้องว่ากันตามหลักฐาน ขอย้ำว่าข้อมูลคัดค้านไม่ต้องมาถึงผม ต้องจบที่คณะกรรมการข้างล่างทั้งหมด ถ้าทำไม่ครบถ้วนกระบวนความโดยตั้งใจหรือหลักฐานไม่ครบ เจอที่ใครคนนั้นก็ผิด แสดงว่าข้อมูลที่ขึ้นมาไม่ถูกต้อง ก็ยกเลิกได้อยู่แล้ว แต่ก็ต้องหาว่าผิดที่ใด” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว

เมื่อถามว่าเวลา 15 วันในการตรวจสอบสามารถชะลออะไรได้หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ให้พื้นที่ถามประชาชนอีกที เรื่องหาความผิดก็หาไป เรื่องยกเลิกก็ทำได้ ให้มีคนร้องคัดค้านมาว่าไม่เห็นด้วยก็จบ ยกเลิกเลยได้ เมื่อยกเลิกก็ไปสำรวจดูว่าที่บริษัทใช้พื้นที่อยู่ทำผิดหรือไม่ ถ้าดัดแปลงจนเกินสภาพก็ต้องแจ้งความดำเนินคดี เรื่องนี้คนที่ดูแลคือนายอำเภอกับท้องถิ่น ถ้าทั้ง 2 คนได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าไม่ให้ใช้ที่ ในนาทีนี้ก็ไม่ต้องไปฟังเรื่องเก่า เพิกถอนได้เลย ไม่ต้องมารอตนสั่ง เพราะตนอยู่ไกลกว่า 100 ก.ม. ส่วนที่มีชาวบ้านไปร้องคัดค้านที่จังหวัดก่อนหน้า แต่เรื่องเงียบหายไปนั้น กำลังตรวจสอบอยู่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน