รัฐบาลแคนาดาวางแผนที่จะนำผู้อพยพเข้ามามากกว่า 1.2 ล้านคน ในช่วงสามปีข้างหน้า แม้ว่าจะมีอุปสรรคเกิดขึ้น จากการระบาดของ โควิด-19 ทั่วโลกก็ตาม

แคนาดา เป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลกในอันดับสองของโลก เป็นรองเพียงประเทศสวิตเซอร์แลนด์เท่านั้น และยังเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ที่มีบทบาทด้านมนุษยธรรมสูงเป็นอย่างยิ่งในเวทีประชาคมโลก ในการช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากจากทุกภูมิภาคทั่วโลก

แคนาดา จัดเป็นประเทศที่รับผู้ลี้ภัยเป็นจำนวนมาก เป็นอันดับที่สองรองจากสหรัฐอเมริกา โดยในแต่ละปี แคนาดาจัดหาที่พักพิงให้ผู้ลี้ภัยจำนวนมาก ให้เข้าไปอยู่อาศัย และเริ่มต้นชีวิตใหม่ในแคนาดา ดังนั้น การอพยพ และย้ายเข้ามาตั้งหลักในแคนาดา นอกจากจะนำความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและความร่ำรวยหลากหลายในเชิงสังคม และวัฒนธรรมมาสู่แคนาดาแล้ว

ในทุกปีผู้อพยพจำนวนมากมายเหล่านี้ ต่างนำความรู้ความชำนาญ, สติปัญญา, ประสบการณ์ทำงาน รวมทั้งทรัพยากร และพลังอันยิ่งใหญ่ ติดตัวเข้ามาช่วยกันสร้างแคนาดา ให้เป็นประเทศแห่งผู้อพยพที่ยิ่งใหญ่ และเป็นประเทศชั้นนำของโลกต่อไปในอนาคต

การสาบานตนเป็นพลเมืองแคนาดาในพิธีขอสัญชาติแคนาดา

มาร์โก เมนดิชิโน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยแผนนำเข้าผู้อพยพในช่วงสามปี ซึ่งได้กำหนดเป้าหมายว่ามีความต้องการนำเข้า คือ “การดึงดูดผู้มีความสามารถระดับแนวหน้าในตลาดโลกที่มีการแข่งขันสูง การอยู่กับครอบครัว และผู้ลี้ภัยต่าง” เข้าสู่ประเทศแคนาดา

รัฐบาลแคนาดาตั้งเป้าหมายที่จะมี “ผู้อยู่อาศัยถาวรใหม่” เพิ่มในแคนาดา 401,000 คนในปี 2564 , 411,000 คนในปี 2565 และ 421,000 คนในปี 2566 มีจุดมุ่งหมายเพื่อชดเชยการขาดแคลนคนในปีนี้ เนื่องจากการระบาดของโรค ซึ่งคิดเป็นประมาณหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของประชากรแคนาดาทั้งหมด

เมื่อปีที่แล้ว (2562) ทางแคนาดาได้วางแผนาจะนำผู้อพยพเข้ามามากกว่าหนึ่งล้านคนในช่วงระยะเวลาสามปี แต่ด้วยวิกฤต โควิด-19 และข้อจำกัดในการเดินทางที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้กระบวนการอพยพผู้คนเข้าประเทศต้องชะลอไป

มาร์โก เมนดิชิโน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงตรวจคนเข้าเมือง

รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นที่จะต้อนรับ “ผู้มาใหม่” ที่จะช่วยขับเคลื่อนจำนวนประชากร และการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพื่อรองรับโครงการสำคัญต่างๆ ของรัฐ “พูดง่ายๆ คือเราต้องการแรงงานมากขึ้น และการรับผู้อพยพจึงเป็นหนทางไปสู่จุดนั้น” มาร์โก เมนดิชิโน กล่าว

เขามั่นใจว่ารัฐบาลสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ แม้ว่าจะเกิดวิกฤตขึ้นทั่วโลก โดยจะดำเนินการตามข้อจำกัดต่างๆ ระหว่างการเดินทาง และปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัย อย่างการกักตัวเป็นต้น

โดยรัฐบาลจะมุ่งเน้นการดึงดูดแรงงาน เพื่อเติมเต็มช่องว่างด้านแรงงานในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศที่ประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานอยู่ในขณะนี้ ซึ่งคิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ที่รับเข้ามาจะอยู่ในภาคเศรษฐกิจ

การสาบานตนเป็นพลเมืองแคนาดาในพิธีขอสัญชาติแคนาดา แบบ New Normal

ในปี 2564 นั้นรายละเอียดแผนนั้น ประกอบด้วย ผู้อพยพ 232,000 คน ในภาคเศรษฐกิจ ,ผู้อพยพ 103,500 คน ในกลุ่มครอบครัว , 59,500 คน ผู้ลี้ภัยหรือผู้ที่ต้องได้รับการคุ้มครอง และอีก 5,500 คน ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม และความเห็นอกเห็นใจ

ลีอาห์ นอร์ด ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์แรงงาน และการเติบโต ที่ครอบคลุมถึงหอการค้าแคนาดา กล่าวว่า รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับการจับคู่ผู้อพยพทางเศรษฐกิจ กับการขาดแคลนแรงงานในภาคส่วน และภูมิภาคต่างๆ ในประเทศ

แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงาน และอัตราการว่างงานที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดโควิด-19 แต่ความต้องการแรงงานยังคงมีอยู่ การนำเข้าผู้อพยพนั้นจะเป็นบทบาทสำคัญ ในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานนี้

สภาที่ปรึกษาของรัฐบาลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ แนะนำให้แคนาดาเพิ่มระดับการอพยพประจำปีเป็น 450,000 คนภายในปี 2564 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และจัดการกับปัญหาตลาดแรงงาน หลังอัตราของประชากรสูงอายุเพิ่มมากขึ้น และปัญหาอัตราการเกิดที่ต่ำ

ที่มา : CBC News / USNews / thai-canada

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน