ทนายลั่น จ่อฟ้องกลับตำรวจชุดจับหนุ่มแพะคดีวิ่งราวเพชร 15 ล้าน หลังศาลพิพากษาปล่อยตัว เพราะหลักฐานอ่อน ล่าสุดเข้าลงบันทึกประจำวันที่โรงพักบางบอนยืนยันไม่เคยนำบัตรประชาชนไปใช้ในทาง มิชอบ เหตุมีหลักฐานระบุชื่อเป็นคนลงทะเบียนซิมการ์ดโทรศัพท์ที่คนร้ายใช้ติดต่อเหยื่อ “ศานิตย์” กำชับให้ตรวจสอบคดีอย่างละเอียดอีกครั้ง หลังมีข่าวลือเจ้าของเพชรแจ้งความเท็จ ขณะที่ผกก.สน.บางเสาธงยันลูกน้องปฏิบัติหน้าที่ตามพยานหลักฐาน เตรียมยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป

จากกรณีเมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา ศาลอาญาธนบุรีพิพากษายกฟ้องพ่อค้าไก่ทอดอายุ 48 ปี จำเลยในความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์เป็นเพชรมูลค่า 15.8 ล้านบาท ย่านบางแวก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2559 โดยจำเลยถูกตำรวจจับตัวได้ในพื้นที่ จ.นครพนม เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา เนื่องจากพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานโจทก์ไม่มีอะไรชัดเจน ผู้เสียหายก็ให้การสับสนระหว่างรูปพรรณคนร้ายและจำเลย ส่วนนายพิสิษฐ์มีพยานยืนยันแหล่งที่อยู่ชัดเจนช่วงเกิดเหตุ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 ก.ย. นายพิสิษฐ์ สุวรรณพิมพ์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 ม.7 ถนนคีรีรัฐ ต.เขมราฐ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี พร้อมนายศักดิ์ศิริ สวัสดิโภชา ทนายความ เข้าพบ พ.ต.ท. ประจวบ ขันทอง สว.(สอบสวน) สน.บางบอน เพื่อลงบันทึกแสดงความบริสุทธิ์ใจและแจ้งว่า ไม่เคยนำบัตรประชาชนไปใช้ในทางมิชอบหรือกระทำผิดกฎหมาย

นายศักดิ์ศิริเปิดเผยว่า ในเรื่องของคดีความที่นายพิสิษฐ์และญาติต้องการดำเนินการในเรื่องเยียวยาและดำเนินการด้านกฎหมายกับตำรวจชุดจับกุมนั้น ขณะนี้จะต้องรอเวลาประมาณ 30 วัน ว่าฝ่ายโจทก์จะยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลหรือไม่ ถ้าหากเกิน 30 วันแล้วยังไม่มีการยื่นอุทธรณ์คดี จะนำนายพิสิษฐ์พร้อมพยานหลักฐานทั้งหมดที่มีร้องทุกข์แจ้งความดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างแน่นอน

วันเดียวกัน พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.7 กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า เบื้องต้น สั่งการ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องตรวจสอบกรณีดังกล่าวแล้ว โดยพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. กำชับให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าวด้วย ทางพ.ต.อ.ศุภกิจ ต่อบุญ ผกก.สน.บางเสาธง ยืนยันข้อเท็จจริงที่ได้เกิดขึ้นแล้ว โดยดำเนินการอยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย หากผู้ถูกกล่าวหาจะฟ้องร้องอย่างไร ก็แล้วแต่ ผู้ถูกกล่าวหาจะดำเนินการ

เมื่อถามว่ากรณีที่มีกระแสข่าวว่าอาจจะเป็นการสร้างสถานการณ์ขึ้นมาไม่ได้มีการขโมยเกิดขึ้นนั้น พล.ต.ต.ธีระพงษ์กล่าวว่า ผู้ถูกกล่าวหาและผู้กล่าวหามีพฤติการณ์ค่อนข้างแปลก เนื่องจากมีการนัดหมายซื้อขายตกลงกัน กรณีที่เกิดขึ้นมานั้นอาจทำให้ดูไม่น่าเชื่อถือทั้งฝ่ายผู้ซื้อและผู้ขาย และตำรวจได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ โดยคัดค้านการประกันตัวเพราะเกรงว่าจะหลบหนี กระทั่งมีการต่อสู้ทางคดีนำไปสู่การยกฟ้อง แต่ตำรวจไม่สามารถพูดอะไรได้มาก ทั้งนี้ หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่พนักงานสอบสวน สน.บางเสาธง ต่อไป

ด้านพ.ต.อ.ศุภกิจ ต่อบุญ ผกก.สน.บางเสาธง กล่าวว่า คดีดังกล่าวตำรวจปฏิบัติหน้าที่ตามพยานหลักฐาน ซึ่งในส่วนของวันที่จับกุมนายพิสิษฐ์นั้น ไม่ใช่ตำรวจ สน. บางเสาธง ไปจับแต่แรก แต่ไปอายัดตัวมาอีกทอดหนึ่ง จาก สภ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา หลังนายพิสิษฐ์ถูกจับตามหมายคดีร่วมกันฉ้อโกง ขณะนี้คดีดังกล่าวอยู่ในกระบวนการของศาล จากพยานหลักฐานศาลท่านอาจยกประโยชน์ให้ทางจำเลยก็เป็นได้ ถือเป็นเรื่องปกติของกระบวนการยุติธรรม ส่วนตัวแล้วไม่หนักใจแต่อย่างใด เพราะทำตามขั้นตอนทุกอย่าง โดยหลังจากนี้ทางตำรวจต้องยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน