ตั้งศูนย์อำนวยการร่วมใช้กำลังพล7หมื่น เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัย อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เดินทางมาร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งคาดว่าจะมีประมาณ 2.5 แสนคน บขส.ลดค่าโดยสาร 20% อำนวยความสะดวกประชาชนเดินทางเข้าร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พร้อมร่วมมือ ผู้ประกอบการรถร่วมจัดรถชัตเติลบัสให้บริการฟรี เส้นทางหมอชิต 2-สนามหลวง ตั้งแต่วันที่ 25-29 ต.ค. ด้านมหาเถรสมาคมก็มีมติให้วัดทั่วโลกจัดบำเพ็ญพระราชกุศลถวายเนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีที่เสด็จสวรรคตในวันที่ 13 ต.ค. นี้ โดยให้ใช้พัดยศสมณศักดิ์เพื่อถวายพระเกียรติยศ

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ รัฐ วิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง อาทิ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, บริษัท โชคนิพล หมูป่า จำกัด, ร้านสลัด ไฮโซ, ครัวแม่ทองเพียร (ลำปาง), คณะศิษย์เก่าโรงเรียนศรีวิชัยวิทยา จ.นครปฐม, ชมรมปั้นเด็กดี, บริษัท รักษาความปลอดภัย ทีเอสจี สเปเชี่ยลการ์ด กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ลิมไลน์แอพพาเรล จำกัด, บริษัท เดอะปาซ จำกัด, กลุ่มผู้ประกอบการ บีเอ็นไอ ประเทศไทย และครอบครัวนางจันทร์เพ็ญ แว่นทิพย์ พร้อมคณะ ฯลฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยว่าประชาชนจะมีโอกาสกราบถวายบังคมพระบรมศพได้ไม่ทั่วถึง และเพื่อพระราชทานขวัญและกำลังใจแก่ประชาชน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนกำหนดวันสุดท้ายของการกราบถวายบังคมพระบรมศพ จากเดิมวันที่ 30 กันยายน 2560 ออกไปเป็นถึงเวลา 24.00 น. ของ คืนวันที่ 5 ตุลาคม 2560 โดยสำนักพระราชวังได้สนองพระมหากรุณาธิคุณด้วยการเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะพระบรมศพ บนพระที่ นั่งดุสิตได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน จนถึงวันที่ 5 ตุลาคม เวลา 24.00 น. ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 6 วัน

ทั้งนี้ กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระมหาราชวัง (กอร.รส) จึงได้ปรับเวลาเปิดจุดคัดกรองจากเดิม คือ 04.00-21.00 น. เป็น เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ทั้ง 2 จุด คือ จุดคัดกรองโรงแรมรัตนโกสินทร์ และจุดคัดกรองวงเวียนรักษาดินแดน ทั้งนี้ ประชาชนสามารถมารอเข้ากราบสักการะพระบรมศพ ได้ตลอดเวลา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 5 ตุลาคม 2560

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่สำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนได้เข้ากราบพระบรมศพได้ 24 ช.ม. ได้มีพสกนิกรต่างพร้อมใจเดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศอย่าง ไม่ขาดสายในทุกช่วงของเวลา โดยเจ้าหน้าที่ได้เปิดจุดคัดกรองเพียง 2 จุด ได้แก่ จุดคัดกรองโรงแรมรัตนโกสินทร์ ซึ่งมีประชาชนเข้าแถวยาวไปตลอดเส้นถนนราชดำเนินใน ล้นไปถนนราชดำเนินนอก ขณะที่จุดคัดกรองด้านวงเวียนหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน มีแถวประชาชนต่อคิวยาวตลอดเส้นถนนสนามไชย ทั้งนี้ ตลอดเส้นทางรอคอยมีจิตอาสาคอยให้บริการน้ำดื่ม และเก็บขยะ แจกจ่ายอาหารให้แก่ประชาชน พร้อมรถสุขาเคลื่อนที่คอยให้บริการ

นางอวยพร บัวเพ็ง อายุ 56 ปี อาชีพ รับเหมาก่อสร้าง ประชาชนจาก จ.กระบี่ เดินทางพร้อมเพื่อนบ้าน 1 คันรถตู้ โดยเข้าแถวเพื่อรอคิวเข้ากราบพระบรมศพตั้งแต่เวลาตี 4 และได้เข้ากราบในเวลา 8 โมงเช้า เปิดเผยว่า ส่วนตัวเดินทางมากราบในหลวง ร.9 เป็นครั้งที่ 2 ด้วยความรักและความคิดถึงพระองค์ท่าน โดยที่ จ.กระบี่ ในหลวง ร.9 เคยเสด็จฯ ไปหลายครั้งมาก ส่วนตัวจำความได้ว่าครั้งหนึ่งเสด็จฯ ยังวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งขณะนั้นตนยังเด็ก มีประชาชนชาวกระบี่มาเฝ้ารอชมพระบารมีมากมาย รวมทั้งตนด้วย ยังประทับใจจนถึงวันนี้ ทั้งนี้ ทางจังหวัดกระบี่ได้จัดสร้างพระเมรุมาศ ขึ้นที่สวนสาธารณะธารา อ.เมืองกระบี่ โดยอยู่ไม่ห่างจากที่พักอาศัยมากนัก ตั้งใจจะไปร่วมพิธีในวันถวายพระเพลิงที่นั่นด้วย

นางอวยพรกล่าวภายหลังทราบว่า สำนักพระราชวังเปิดให้เข้ากราบ 24 ช.ม. ไปจนถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 5 ต.ค. ว่า รู้สึกตื้นตันใจมากค่ะ เพราะมีประชาชนอีกมากที่อยากเข้ามากราบพระองค์ ได้เห็นคนมาจำนวนมากมารอคิวเป็นเวลาหลายชั่วโมง ก็ตื้นตันใจในความรักและศรัทธาที่มีต่อพระองค์ ส่วนตัวประทับใจพระราชกรณียกิจทุกๆ อย่าง ซึ้งล้วนแต่ช่วยเหลือประชาชนชาวไทยให้ได้อยู่ดีมีสุข และมีรายได้ จากนี้คงน้อมนำปรัญญาการดำเนินชีวิตที่ได้จากพระองค์มาใช้นำทางและสอนลูกหลานต่อไป

สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ตั้งแต่เวลา 05.00 น. จนถึงเวลา 04.30 น. ของวันที่ 29 ก.ย. เนื่องจากยังมีประชาชนเข้าแถวรอกราบสักการะพระบรมศพในมณฑลพิธีสนามหลวงเป็นจำนวนมาก ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 57,023 คน รวม 330 วัน มี 11,452,228 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 5,112,729.75 บาท รวม 330 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 851,486,098.51 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้จัดตั้ง “จิตอาสาเฉพาะกิจ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ” ขึ้น เพื่อเป็นการรวมพลังความรักอันมีค่า รวมพลังน้ำใจของปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าที่จะน้อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ก่อนเสด็จสู่สวรรคาลัย โดยเปิดรับสมัครมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. มีประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมสมัครเป็นจิตอาสาจำนวนมาก โดยมียอดผู้ลงทะเบียนวันตั้งแต่วันที่ 1-28 ก.ย. รวมทั้งสิ้น 2,990,611 คน

ในเวลา 08.00 น. มีจิตอาสาเฉพาะกิจ ทหาร ตำรวจ กรุงเทพมหานคร ประชาชน รวมถึงสำนักระบายน้ำ กว่า 1,000 คน มาร่วมในกิจกรรมทำความสะอาดพร้อมทาสีคูเมืองเดิม จากสะพานผ่านพิภพลีลา ถึงสะพานมอญ ที่มีความกว้าง 10-15 เมตร และยาว 1,000 เมตร รวมถึงปลูกหญ้าบริเวณถนนราชดำเนินนอก พร้อมทั้งปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณท้องสนามหลวง และสถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับงานพระราชพิธี จนถึงวันที่ 31 ต.ค.

วันเดียวกัน นายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม กล่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ว่า เนื่องในวันที่ 13 ต.ค.2560 ครบรอบ 1 ปี แห่งการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ประชุมมหาเถรฯ ได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนา จึงมีมติให้วัดทั่วประเทศในราชอาณาจักรไทย และวัดไทยในต่างประเทศ ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลถวายพระราชกุศล เบื้องต้นกำหนดจัดพิธีดังกล่าวในเวลา 16.30 น. โดยให้พระภิกษุ 10 รูป สวดพระพุทธมนต์ สดับปกรณ์ แสดงพระธรรมเทศนา นอกจากนี้ มหาเถรฯ ยังมีมติให้พระภิกษุ ที่ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลถวายพระราชกุศลดังกล่าว ใช้พัดยศเป็นกรณีพิเศษ เพื่อถวายพระเกียรติยศที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสมณศักดิ์พระสังฆาธิการมาอย่างยาวนาน

นายบุญเชิดกล่าวต่อไปว่า สำหรับการจัดพิธีดังกล่าวให้วัดเจ้าคณะจังหวัด และวัดเจ้าคณะอำเภอ เป็นศูนย์กลางจัดพิธีดังกล่าว พร้อมกับวัดทั่วประเทศ ทั้งนี้หากประชาชนอยู่ใกล้วัดใด ขอให้ไปวัดนั้น เพื่อทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลอีกวาระหนึ่ง ส่วนวัดไทยในต่างประเทศนั้น ให้ดำเนินการจัดพิธีตามเวลาของประเทศดังกล่าว อีกทั้งขอเน้นย้ำว่า หากวัดใดที่ไม่ได้เป็นศูนย์กลาง ควรต้องดูศักยภาพเพื่อให้พิธีดังกล่าวเป็นไปอย่างสมพระเกียรติมากที่สุด

ด้านนายประดับ โพธิกาญจนวัตร โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า สำหรับกำหนดการจัดพิธีดังกล่าว พศ.จะแจ้งให้ทุกวัดทั่วประเทศได้รับทราบภายในวันที่ 2 ต.ค. นี้ ส่วนการใช้พัดยศ ในกรณีพิเศษครั้งนี้ ที่มหาเถรฯ มีมติให้ใช้พัดยศ เพื่อถวายพระเกียรติยศ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วการจะใช้พัดยศได้นั้น จะเกี่ยวเนื่องกับพระราชพิธี และเกี่ยวกับพระองค์ พระราชกิจที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ โดยครั้งนี้คณะสงฆ์เห็นว่า เป็นวาระสำคัญที่คณะสงฆ์จะได้แสดงออกซึ่งความระลึกถึง พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพระพุทธศาสนา

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการฝ่ายรักษาความปลอดภัยและการจราจร พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพมีหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เข้าร่วมพร้อมเพรียง

จากนั้น พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ว่า ได้แจ้งเตือนให้ที่ประชุมรับทราบแนวทางการดูแลความปลอดภัยให้ประชาชน ที่จะมาร่วมในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ทั้งจากกทม.และต่างจังหวัด เบื้องต้นประเมินว่าจะมีประมาณ 2.5 แสนคน ให้ดูแลเอาใจใส่ประชาชนให้เกิดความปลอดภัย ติดตั้งกล้องวงจรปิด รวมทั้งเตรียมความพร้อมเส้นทางจราจรทั้งรถยนต์ และทางเดินสำหรับประชาชนต้องแยกให้ชัดเจน ต้องไม่เกิดการเสียหายหรือบาดเจ็บ

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ได้ซักซ้อมความพร้อมอยู่ตลอดเพื่อดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่ โดยจะเขียนป้ายแสดงให้ประชาชนเห็นอย่างชัดเจนว่าใช้เส้นทางใดได้บ้าง ตลอดจนดูแลเส้นทางขบวนเสด็จพระราชดำเนิน เส้นทางจราจรของแขกสำคัญ ขณะนี้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และวันที่ 1 ต.ค.นี้ จะตั้งศูนย์อำนวยการร่วมขึ้นที่กระทรวงกลาโหม เพื่อเตรียมความพร้อม โดยจะใช้กำลังพลประมาณ 7 หมื่นคน ดูแลความเรียบร้อยในงานพระราชพิธีครั้งนี้ ร่วมกับจิตอาสาจากภาคส่วนต่างๆ อีกส่วนหนึ่ง เนื่องจากเป็นงานที่สำคัญที่สุดที่ต้องดูแลพิเศษในทุกเรื่อง จากนี้ผู้เกี่ยวข้องจะประชาสัมพันธ์สร้างความรับรู้ถึงแนวทางปฏิบัติให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป หากประชาชนเดินทางมาจำนวนมาก อาจต้องขอความร่วมมือให้ร่วมพิธีได้ที่พระเมรุมาศจำลองที่กทม. ได้จัดสร้างไว้

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ไม่เพียงแต่ทรงสถิตในดวงใจปวงชนชาวไทยทุกคนเท่านั้น แต่ยังทรงได้รับการถวายความยกย่องสรรเสริญ ในระดับนานาอารยประเทศอีกด้วย จากที่ทรงประกอบคุณงามความดี และดำเนินพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ เพื่อยกระดับความเป็นอยู่และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ จนเป็นที่ประจักษ์ ทั้งนี้ ในการประชุมสันติภาพนานาชาติ 2017 เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ที่สำนักงานใหญ่องค์การยูเนสโก กรุงปารีส มีการกำหนดหัวข้อการสร้างสังคมแห่งสันติภาพที่ยั่งยืน มรดกในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยผู้อำนวยการใหญ่องค์การยูเนสโก และผู้แทนถาวรประจำยูเนสโก จากประเทศต่างๆ ขึ้นมากล่าวถวายราชสดุดีและแสดงความอาลัย เพื่อถวายพระเกียรติ แด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 อันนำความซาบซึ้งมาสู่ปวงชนชาวไทย ทั้งประเทศอีกวาระหนึ่ง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขณะนี้องค์การ ยูเนสโก ได้อัญเชิญแนวปรัชญาของ “เศรษฐกิจพอเพียง” บรรจุไว้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาของยูเอ็น เพื่อให้ชาติสมาชิกได้นำไปประยุกต์ใช้ ในการกำหนดแผนพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้บริบทของประเทศตนเอง อันเป็นเครื่องยืนยันว่า ศาสตร์พระราชานี้ เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางและเป็นสากล เพื่อนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของโลก จึงอยากให้พวกเราทุกคนได้ภาคภูมิใจและหวงแหนมรดกพระราชทานนี้ รวมทั้งร่วมมือกันน้อมนำไปประยุกต์ใช้ สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ให้กับประเทศชาติและประชาชนสืบไป

นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้เปิดตึกภักดีบดินทร์ ให้ชาวไทยทุกคนได้ชมกัน ตึกหลังนี้จะเป็นสัญลักษณ์แห่งความจงรักภักดีของปวงชนชาวไทยที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ห้องทองธารา” อยู่ภายใต้โดมสีทอง ประดับด้วยภาพศิลปกรรมสื่อผสม จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ชื่อภาพ “มหานที แห่งบารมีพระทรงธรรม” ที่สื่อความหมาย ถึงหยาดหยดจากน้ำพระทัย ที่รวมเป็นมหาสมุทรแห่งความเมตตา หล่อเลี้ยงผืนแผ่นดินที่แตกระแหง ให้พลิกฟื้นสู่ความ ชุ่มชื้น อุดมสมบูรณ์ ด้วยรอยยิ้มของความสุขสงบ ร่มเย็น ของพวกเราทุกคน

ด้านนายจิรศักดิ์ เยาว์วัชสกุล กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ 26 ต.ค. เพื่อร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ บขส.ได้ลดราคาค่าโดยสาร ร้อยละ 20 ให้แก่ประชาชนที่ประสงค์เดินทางมาร่วมงาน ตั้งแต่วันที่ 25-29 ต.ค. โดยการลดราคาค่าโดยสารครั้งนี้สามารถใช้กับรถโดยสาร บขส. ในเส้นทางที่มีระยะทางเกิน 300 กิโลเมตร ทุกเส้นทาง ทุกมาตรฐาน ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 25 ต.ค. จนถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 29 ต.ค. ส่วนเส้นทางชานเมือง 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ-สระบุรี และ กรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยา ลดค่าโดยสารเฉพาะ วันที่ 26 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 00.01-24.00 น. ทั้งนี้สามารถจองตั๋วและซื้อตั๋วล่วงหน้า ได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋วของ บขส. ณ ที่ทำการสถานีเดินรถ บขส.ทั่วประเทศ

นายจิรชัยกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ บขส. ได้ร่วมกับผู้ประกอบการรถร่วม จัดรถ Shuttle Bus ให้บริการฟรี ตั้งแต่วันที่ 25-29 ต.ค. ในเส้นทางหมอชิต 2-สนามหลวง เที่ยวแรกออกตั้งแต่เวลา 04.30 น. และเที่ยวต่อไปจะออกทุกครึ่งชั่วโมง ตลอดทั้งวัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.คอลเซ็นเตอร์ 1490

กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวด้วยว่า บขส. ได้เตรียมแผนรองรับประชาชน เดินทางเข้าร่วมพระราชพิธีพระบรมศพ โดยประมาณการเที่ยววิ่งผู้โดยสารตั้งแต่วันที่ 25-29 ต.ค. เส้นทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดเที่ยววิ่งประมาณ 5,086 เที่ยว/วัน รองรับผู้โดยสารประมาณ 114,527 คน เส้นทางภาคตะวันออก ได้จัดเที่ยววิ่ง ประมาณ 1,199 เที่ยว/วัน รองรับผู้โดยสารประมาณ 20,669 คน และเส้นทางภาคใต้ ได้จัดเที่ยววิ่งประมาณ 2,948 เที่ยว/วัน รองรับผู้โดยสาร ประมาณ 51,592 คน รวมเที่ยววิ่งเส้นทางภาคเหนือ, ภาคอีสาน, ภาคใต้ ประมาณ 9,233 เที่ยว/วัน รองรับ ผู้โดยสารได้ประมาณ 186,788 คน โดยบขส. ได้จัดพื้นที่จอดรถฟรี บริการสำหรับรถโดยสารที่นำประชาชนเดินทางมาเป็นหมู่คณะ ณ บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ สายใต้ (ปิ่นเกล้า) จำนวน 50 คัน และบริเวณใต้ทางด่วน ฝั่งตรงข้ามสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) จำนวน 100 คัน ตั้งแต่วันที่ 25-29 ต.ค.

ที่โรงละครแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ได้ฝึกการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ ชุดพระรามข้ามสมุทร-ยกรบ-รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เพื่อแสดงงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ บริเวณหน้าพระที่นั่งทรงธรรมตั้งแต่เวลาประมาณ 20.00 น. เป็นต้นไป โดยใช้เวลาในการแสดง 1.30 ช.ม.

นายประสาท ทองอร่าม ผู้ชำนาญการด้านนาฏศิลป์ไทย กล่าวว่า ภาพรวมการแสดง ดังกล่าวมีความพร้อมมากกว่าร้อยละ 90 โดยเหลือเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ จะนำไปปรับ การฝึกซ้อมหน้าพระที่นั่งทรงธรรม โดยเหตุผลที่การแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ ทำการแสดงในชุดพระรามข้ามสมุทร-ยกรบ-รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณนั้น เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงโปรด นอกจากนี้ยังได้เพิ่มเนื้อหาในตอน แสงอาทิตย์และศรพรหมมาศ เพื่อให้การแสดงมีความต่อเนื่องตลอดพระราชพิธี ซึ่งนักแสดงทุกคนนั้นมีความตั้งใจที่จะทำให้การแสดงชุดนี้ออกมายิ่งใหญ่และสมพระเกียรติที่สุด ในวันที่ 20 ต.ค. จะซ้อมการแสดงครั้งสุดท้าย หน้าพระที่นั่งทรงธรรม ก่อนจะมีพระราชพิธีจริง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน