วันที่ 9 ต.ค. กระทรวงการต่างประเทศ เผยว่า ตามที่สถานการณ์ในรัฐยะไข่ทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2560 และส่งผลกระทบด้านมนุษยธรรม ประเทศไทยมีความห่วงกังวลเช่นเดียวกับประชาคมระหว่างประเทศและเห็นว่าความสำคัญลำดับแรกคือการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ทั้งในตอนเหนือของรัฐยะไข่และเขตคอกซ์ บาซาร์ (Cox’s Bazar) ของบังกลาเทศ ซึ่งมีรายงานว่า ปัจจุบันมีผู้ได้รับผลกระทบอพยพจากรัฐยะไข่เข้าไปพำนักอยู่ในเขตคอกซ์ บาซาร์แล้วกว่า 4 แสนคน

ประเทศไทยได้ประกาศเจตจำนงมอบเงินช่วยเหลือเร่งด่วนเพิ่มเติมแก่เมียนมาจำนวน 5 ล้านบาท (ประมาณ 1.4 แสนดอลลาร์) ให้กับ Red Cross Movement ผ่านคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (International Committee of the Red Cross – ICRC) ซึ่งทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลเมียนมาเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบในรัฐยะไข่โดยไม่แบ่งแยกชาติพันธุ์ รวมทั้งสนับสนุนเงินจำนวน 5 ล้านบาท ผ่าน ICRC เพื่อช่วยเหลือผู้หลบหนีภัยไปยังเขตคอกซ์ บาซาร์ ในบังกลาเทศด้วย

ฝ่ายไทยพร้อมจะช่วยเหลือเมียนมาในทุกด้านเพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ โดยสนับสนุนให้เมียนมานำข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการที่ปรึกษาเรื่องยะไข่ซึ่งมีนายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติเป็นประธานไปดำเนินการให้เกิดผลระยะเร่งด่วนอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว นอกจากนี้ ฝ่ายไทยสนับสนุนถ้อยแถลงประธานอาเซียนเรื่องสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในรัฐยะไข่ เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2560 ในการประชุมคู่ขนานระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 72 ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือแก่รัฐยะไข่ ทั้งในรูปแบบเงินอุดหนุนและโครงการให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งประเทศไทยจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป ทั้งนี้ ในช่วงปี 2555-2558 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในรัฐยะไข่ อาทิ โครงการมอบอุปกรณ์การเกษตรที่จำเป็นและเมล็ดพันธุ์พืช พร้อมทั้งจัดกิจกรรมสัมมนาและเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างนักธุรกิจท้องถิ่นในรัฐยะไข่กับสมาคมนักธุรกิจไทยในเมียนมา นอกจากนี้ เมื่อเดือนมกราคม 2560 รัฐบาลไทยได้มอบเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม จำนวน 2 แสนดอลลาร์แก่รัฐบาลเมียนมาเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบในรัฐยะไข่จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2559

ขณะนี้ รัฐบาลไทยและเมียนมาอยู่ระหว่างจัดทำแผนการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนา ไทย – เมียนมาระยะ 3 ปี ในวงเงิน 4.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (139 ล้านบาท) ซึ่งจะครอบคลุมโครงการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตร การศึกษา สาธารณสุข และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจแก่เมียนมา ซึ่งรวมถึงการให้ความช่วยเหลือแก่รัฐยะไข่ด้วย ปัจจุบัน ฝ่ายไทยกำลังดำเนินการสร้างโรงสีข้าวและฟื้นฟูศูนย์เพาะพันธุ์กุ้งในรัฐยะไข่ นอกจากการให้ความช่วยเหลือในกรอบทวิภาคีแล้ว ไทยมีความร่วมมือกับญี่ปุ่นและเมียนมาในลักษณะไตรภาคี ด้านการฝึกอบรมการเพาะเลี้ยงพันธุ์สัตว์น้ำ เพื่อยกระดับชีวิตของชุมชนต่าง ๆ ในรัฐยะไข่อีกด้วย

ประเทศไทยพร้อมที่จะแบ่งปันประสบการณ์การพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ให้เมียนมานำไปประยุกต์ใช้ ซึ่งประเทศไทยเห็นว่า สามารถเป็นต้นแบบหนึ่งของการพัฒนาที่เหมาะสมกับเมียนมา โดยเฉพาะในรัฐยะไข่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน