ฎีกาปิดคดี ‘เอกยุทธ อัญชันบุตร’ ยืนคุกพ่อของบอลมือฆ่า 1 ปี 4 เดือนฐานรับของโจร ชี้รู้ลูกผิดยังช่วยซุกทรัพย์ เป็นเรื่องร้ายแรงต่อสังคม ไม่มีเหตุให้รออาญา ส่วนจำเลยอื่นคดีสิ้นสุดตามอุทธรณ์ เพราะไม่มีใครยื่นฎีกา โดย ‘บอล-เบิ้ม’ ผิดร่วมฆ่า คุกตลอดชีวิต สองเพื่อนที่ช่วยซ่อนศพเจอคุก 19 เดือน และ 8 เดือน ส่วนแม่บอลเจอรับของโจร โดนคุก 1 ปี 4 เดือน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 18 ต.ค. ที่ห้องพิจารณา 709 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาคดีฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง หมายเลขดำ อ.3307/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง อายุ 25 ปี, นายสุทธิพงศ์ หรือเบิ้ม พิมพิสาร อายุ 30 ปี, นายชวลิต หรือเชาว์ วุ่นชุม อายุ 25 ปี, นายทิวากร หรือทิว เกื้อทอง อายุ 20 ปี, จ.ส.อ.อิทธิพล เพ็งด้วง อายุ 53 ปี และนางจิตอำไพ เพ็งด้วง อายุ 50 ปี บิดา-มารดาของนายสันติภาพ ทั้งหมดเป็นชาว จ.พัทลุง ร่วมกัน เป็นจำเลยที่ 1-6

ในความผิดฐานร่วมกันซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายเพื่อปิดบังสาเหตุการตาย, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ใช้กำลังประทุษร้าย ทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายและข่มขืนใจผู้อื่นให้จำยอมกระทำการใดฯ, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพฯ, ร่วมกันปล้นทรัพย์, รับของโจร และพาอาวุธไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรฯ รวมความผิด 8 ข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199, 289, 309, 310, 340, 357, 371 และ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490

คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2556 ระบุความผิดสรุปว่า ระหว่างวันที่ 6-9 มิ.ย. 2556 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันมีอาวุธปืนพกออโต้เมติก ขนาด .380 (9 ม.ม. KURZ) ทะเบียน กท.5203330 พร้อมเครื่องกระสุนและอาวุธมีด แล้วปล้นเอาทรัพย์สินของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร อายุ 59 ปี อดีตนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง รวม 9 รายการ มูลค่า 6.6 ล้านบาท

โดยใช้อาวุธทำร้าย และหน่วงเหนี่ยวกักขัง บังคับให้นายเอกยุทธออกเช็คเบิกถอนเงิน แล้วใช้เชือกรัดคอจนนายเอกยุทธถึงแก่ความตาย ก่อนนำศพไปไว้ในรถยนต์ตู้ ทะเบียน ฮพ 9304 ขับไปฝังไว้ในไร่นาสวนผสมทิ้งร้าง อ.เมือง จ.พัทลุง เพื่อปกปิดความผิด โดยมีจำเลยที่ 3-4 ช่วยขุดหลุมฝังศพ ส่วนจำเลย ที่ 5-6 ซึ่งเป็นบิดา-มารดาของจำเลยที่ 1 เป็นผู้เก็บเงินสดของผู้ตายจำนวน 4,242,000 บาท ที่จำเลยที่ 1 นำไปฝากไว้ โดยจำเลยให้การปฏิเสธในการต่อสู้คดี

ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2557 ให้ประหารชีวิตนายสันติภาพ หรือบอล และนายสุทธิพงศ์ หรือเบิ้ม จำเลยที่ 1-2 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ แต่คำให้การชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์อยู่บ้างจึงลดโทษ เหลือจำคุกตลอดชีวิต และให้จำคุก จำเลยที่ 1-2 ด้วยในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ คนละ 18 ปี และให้จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันชดใช้เงิน 1.9 ล้านบาท ให้กับทายาทของผู้เสียชีวิตด้วย

นายชวลิต หรือเชาว์ จำเลยที่ 3 มีความผิด ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ และร่วมกันซ่อนเร้นศพฯ ให้จำคุก 13 เดือน โดยให้รวมโทษที่รอการลงอาญาไว้ในคดีเดิมอีก 6 เดือนด้วย รวมจำคุก 19 เดือน สำหรับนายทิวากร หรือทิว จำเลยที่ 4 ให้จำคุก 8 เดือน ฐานร่วมกันซ่อนเร้นศพฯ ส่วนจ.ส.อ.อิทธิพล และนางจิตอำไพ บิดา-มารดาของนายสันติภาพ จำเลยที่ 5-6 ให้ลงโทษฐานรับของโจร แต่จำเลยรับสารภาพ และช่วยติดตามนำเงินของกลางมาคืนจำนวน 4.4 ล้านบาท จึงพิพากษาให้จำคุก 1 ปี 4 เดือน

ต่อมาวันที่ 30 มิ.ย. 2559 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น หลังจากนั้น จ.ส.อ.อิทธิพล จำเลยที่ 5 ยื่นฎีกาเพียงคนเดียวขอให้ศาลรอการลงโทษ

ในวันนี้จ.ส.อ.อิทธิพล จำเลยที่ 5 ซึ่งได้รับ การประกันตัวระหว่างฎีกา เดินทางมาถึงศาลในเวลา 11.00 น.

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า ที่จำเลยที่ 5 ยื่นฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติว่าจำเลยได้รับเงินของกลางจำนวน 4 ล้านบาท จากนางจิตอำไพ จำเลยที่ 6 ซึ่งได้รับต่อจากนายสันติภาพ จำเลยที่ 1 โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้จากการทำผิดกฎหมาย มาแบ่งเป็น 2 ส่วน นำไปซุกซ่อนฝังดิน จำเลยที่ 5 ในฐานะบิดารู้ว่าบุตรของตนกระทำผิดกฎหมายกลับไม่ห้ามปราม และยังช่วยซุกซ่อนทรัพย์สินที่ได้จากการ กระทำความผิด ถือว่ามีส่วนให้เกิดอาชญากรรม เป็นเรื่องร้ายแรงต่อสังคม จึงไม่มีเหตุรอ การลงโทษ ศาลฎีกาเห็นพ้องตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามอุทธรณ์ จำคุก 1 ปี 4 เดือน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลอ่านคำพิพากษา เสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัว จ.ส.อ.อิทธิพล จำเลยที่ 5 นำไปคุมขังยังเรือนจำ เพื่อรับโทษตามคำพิพากษาต่อไป ส่วนจำเลยอื่นซึ่งไม่ยื่นฎีกาถือว่าคดีเป็นที่สิ้นสุด ให้บังคับ โทษตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน