ให้ค้างสนามหลวงได้ แต่ห้ามซักผ้า-ทำอาหาร

jw3a1656

jw3a1654_resize

รองนายกฯวิษณุระบุ ‘สมเด็จพระบรมฯ’ทรงมีพระราชบัณฑูร ขอให้ ‘สมเด็จพระเทพฯ’ ทรงเป็นผู้วินิจฉัยเรื่องการก่อสร้างพระเมรุมาศ สำนักพระราชวังแจ้งหมายกำหนดการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ครบ 7 วัน พระบรมศพ วันที่ 19 ต.ค.นี้ ขณะที่โดยรอบพระบรมมหาราชวัง ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลมากันมากขึ้นเรื่อยๆ จนเนืองแน่นไปหมด เข้าถวายสักการะ ลงนามแสดงความไว้อาลัย กทม.อนุญาตให้พักค้างคืนที่สนามหลวงได้ แต่ห้ามปรุงอาหาร จุดเตาแก๊ส ซักผ้า หลายหน่วยงานระดมให้บริการในทุกๆ ด้านแก่ผู้มาถวายสักการะ ทุกหน่วยราชการ ทั้งส่วนกลางและต่างจังหวัด ต่างจัดพิธีถวาย สักการะกันอย่างพร้อมเพรียง

‘พระเทพฯ’เสด็จฯพิธีตอนเช้า

เมื่อเวลา 05.55 น. วันที่ 17 ต.ค. พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร โดยมีพระพิธีธรรมจากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร สวดพระอภิธรรม และประโคมย่ำยาม ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

ต่อมาเวลา 07.05 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราช ดำเนิน ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ 8 รูป จากวัดสระเกศราชวรมหา วิหาร และวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ในการนี้ คุณพลอยไพลิน เจนเซน พร้อมด้วย คุณสิริกิติยา เจนเซน ธิดาในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ร่วมในพระราชพิธีด้วย

ประชาชนรอถวายสักการะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เช้าบรรยากาศบริเวณหน้าพระบรมมหาราชวัง ถนนหน้าพระลาน และบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง มีประชาชน นักเรียน นักศึกษา หน่วยงานราชการ ทยอยเดินทางเข้าแสดงความไว้อาลัย ถวายสักการะพระบรมศพกันอย่างต่อเนื่องและเนืองแน่น โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังประกาศกฎระเบียบการแต่งกาย และข้อปฏิบัติก่อนเข้าไปที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง โดยต้องแต่งกายสุภาพ ห้ามใส่เสื้อแขนกุด กระโปรงสั้น กางเกงขาสั้น แว่นตาดำ รองเท้าแตะ และห้ามใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพภายในพระบรมมหาราชวัง

ด้านการรักษาความปลอดภัยประชาชนที่มาร่วมพิธีนั้น มีตำรวจกองบัญชาการตำรวจ นครบาล เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่เทศกิจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวนมาก กระจายกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชนที่มาร่วมพิธี และมีทหารเสนารักษ์เดินรอบบริเวณพระบรมมหาราชวังและท้องสนามหลวง เพื่อดูแลสุขภาพของประชาชน

ศาลาสหทัยฯ แถวยาวเหยียด

เวลา 08.09 น. ที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และลงนามสมุดหลวงเพื่อแสดงความไว้อาลัย โดยมีประชาชนสวมชุดดำเดินทางมาต่อแถวเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่จัดให้ประชาชนเข้ามาภายในศาลาสหทัยสมาคมรอบละ 70 คน ขณะที่บริเวณหน้าศาลาสหทัยสมาคม สำนักพระราชวังกางเต็นท์ให้ประชาชนได้มีที่หลบแดดและฝน

น.ส.รุ่งรัตน์ มุกภักดี อายุ 42 ปี เดินทางมาจากจ.ภูเก็ต กล่าวว่าอยากมาถวายสักการะตั้งแต่เสด็จสวรรคตวันแรกแล้ว แต่จองตั๋วเครื่องบินไม่ทัน จึงเดินทางมาถึงเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถฝ่าฝูงชนเข้ามาบริเวณพระบรมมหาราชวังได้ และฝนตกหนัก วันนี้จึงกลับมาใหม่ ดีใจมากที่ต่อแถวได้เป็น กลุ่มแรกๆ วินาทีที่รู้ข่าวสวรรคตก็อึ้งหนักไปหมด จนกินข้าวกินปลาไม่ลงไป 2 วัน อ่านข่าวต่างๆ ก็ทำให้น้ำตารื้นขึ้นมาตลอด

ซื้อหนังสือพระราชนิพนธ์

นายณัฐวุฒิ พันธ์มณีรัตน์ อายุ 25 ปี พนักงานบริษัทเอกชนที่มาพร้อมภรรยา น.ส.เอวาลิน พันธ์มณีรัตน์ อายุ 21 ปี และลูกๆ ทั้ง 2 คนมาต่อแถวถวายสักการะกล่าวว่า นอกจากมาถวายสักการะแล้ว ยังไปซื้อตราไปรษณียากรที่มีพระบรมฉายาลักษณ์เก็บสะสมไว้เป็นที่ระลึก รวมทั้งซื้อหนังสือพระราชนิพนธ์เก็บไว้ให้ลูกอ่าน ระหว่างทางที่เดินมาเห็นประชาชนนำอาหารเครื่องดื่มมาแจกจ่าย แม้คนไทยจะสูญเสียครั้งใหญ่ แต่รู้สึกอบอุ่นใจกับบรรยากาศเช่นนี้

ส่วนน.ส.รฐา โพธิ์งาม หรือญาญ่าญิ๋ง นักแสดงสาวชื่อดังเดินทางมาพร้อมเพื่อนสาว น.ส.ไพลิน ลัทธิโสภณกุล หรือหว่าหวา วง ไชน่าดอลส์ กล่าวว่ามารอหน้าพระบรมมหาราชวังตั้งแต่ 6 โมงเช้า สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในน้ำใจคนไทย ตั้งแต่การการพูดคุยให้กำลังใจ ไปถึงภาพกลุ่มจิตอาสาที่มาร่วมอำนวยความสะดวกแจกจ่ายน้ำดื่ม อาหาร ทำให้หลายคนเริ่มเข้มแข็งขึ้น หลังเสียใจกับความสูญเสียครั้งใหญ่ที่เกิด โดยส่วนตัวแล้วในช่วงนี้เป็นเวลาที่ได้กลับไปย้อนดูในสิ่งที่พระองค์ทรงทำให้พสกนิกร ทั้งโครงการพระราชดำริ และพระราชดำรัสต่างๆ

น.ศ.จิตอาสาแจกน้ำ-ผ้าเย็น

ขณะที่น.ส.ปรียาภรณ์ ชาวแหลง อายุ 21 ปี ตัวแทนนักศึกษา สาขาวิชาการท่องเที่ยว ม.ราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยากล่าวว่า วันนี้รวมตัวกันมา 15 คน ใช้เงินกองกลางของคณะซื้อน้ำหวาน ทิชชู พัด ผ้าเย็น เสื้อกันฝน รวมถึงริบบิ้นโบดำ มาเพื่อบริการให้กับประชาชน บริเวณท้องสนามหลวง

นักศึกษาม.ราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา กล่าวว่า สำหรับริบบิ้นโบดำประชาชนจะมาต่อคิวรับกันเยอะที่สุด โดยกลุ่มนำริบบิ้นมา 2 ม้วน และช่วยกันผูกโบ แบ่งเป็น 2 แบบ มีแบบโบ และแบบไขว้ บริการแจกให้สำหรับประชาชนที่ไม่มีเสื้อดำ หรือจำเป็นต้องใส่เสื้อขาว ก็สามารถนำโบดำไปติดที่เสื้อได้

“พวกเรารวมตัวกันมาเพราะอยากตอบแทนคุณพระองค์ท่าน เพราะพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างของการทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน เหมือนที่พระองค์ทรงทำเพื่อประชาชน โดยไม่หวังให้ประชาชนต้องรักพระองค์” น.ส.ปรียาภรณ์กล่าว

ตร.ปิดถนน 8 เส้นทาง-จุดห้ามจอด

พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รรท.ผบก.จร. แถลงว่าจากการที่ประชาชนเดินทางมาอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก ดังนั้น บช.น. จำเป็นปิดการจราจร 8 เส้นทาง ดังนี้ 1.ถนนราชดำเนินใน ตั้งแต่แยกผ่านพิภพลีลา-แยกป้อมเผด็จดัสกร 2.ถนนสนามไชยตั้งแต่ป้อมเผด็จดัสกร-วงเวียนรด. 3.ถนนหน้าพระลาน ตั้งแต่ป้อมเผด็จดัสกร-ท่าช้าง 4.ถนนหน้าพระธาตุ ตั้งแต่ประตูวิเศษไชยศรี-แยกตัดถนนพระจันทร์ 5.ถนนหับเผย 6.ถนนหลักเมือง 7.ถนนกัลยาณไมตรี-แยกช้างโรงสี 8.ซอยสราญรมย์ ห้ามรถทุกชนิดผ่านตลอด 24 ช.ม. และให้จัดระบบเดินรถทางเดียว หรือวันเวย์ 3 เส้นทางตลอด 24 ช.ม. ได้แก่ ถนนหน้าพระจันทร์ ตั้งแต่แยกตัดถนนหน้าพระธาตุมุ่งหน้าท่าพระจันทร์ ถนนมหาราชจากแยกตัดถนนพระจันทร์มุ่งหน้าแยกตัดถนนท้ายวัง ถนนท้ายวังจากแยกตัดถนนมหาราชมุ่งหน้าวงเวียนรด.เพื่อระบายการจราจรออกถนนเจริญกรุง

รวมทั้งออกประกาศห้ามจอดรถทุกชนิดตลอดเส้นทางตลอดเวลาทั้ง 2 ฝั่ง ทั้ง 18 ถนน ดังนี้ ถนนราชดำเนินใน, ถนนสนามไชย, ถนนหลักเมือง, ถนนกัลยาณไมตรี, ซอยสราญรมย์, ถนนเจริญกรุง, ถนนพระพิพิธ, ซอยเศรษฐการ, ถนนเชตุพน ถนนท้ายวัง, ถนนมหาราช ข้างพระบรมมหาราชวัง, ถนนมหาราช ข้างวัดพระมหาธาตุ, ถนนพระจันทร์, ซอยพระยาเพชร ถนนหน้าพระลาน, ถนนหน้าพระธาตุ, ถนนราชินี, และถนนพระอาทิตย์

จัดรถรับส่ง-จุดจอดรถบัส

พล.ต.ต.จิรสันต์กล่าวว่าสำหรับเส้นทางเลี่ยง ใช้สะพานพระปกเกล้าขึ้นสะพานพุทธ สะพานพระราม 8 สะพานกรุงธน ขึ้นทางด่วนยมราช และเส้นทางด่วนเปิดใหม่ศรีรัช-วงแหวนรอบนอก เพื่อเลี่ยงบริเวณสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ส่วนรถขสมก. 25 เส้นทาง และรถเอกชนร่วมบริการ 12 เส้นทาง ที่ผ่านสนามหลวงยังคงให้บริการตามปกติ กำหนดที่จอด 4 จุดคือ หน้าร้านสกายไฮ ถนนราชดำเนินกลาง, หน้ากองสลากเก่า ถนนราชดำเนินกลาง, ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า หน้าสำนักงานท่องเที่ยว กทม. ถนนพระอาทิตย์ และวงเวียนรด.

ส่วนประชาชนที่นำรถยนต์ส่วนตัวเข้ามา กำหนดจุดจอด 5 แห่ง ทิศเหนือ อิมแพ็คเมืองทองธานี 5,000 คัน, ทิศใต้ พุทธมณฑล 1,000 คัน, ทิศตะวันออก ที่ก่อสร้างบางกอก มอลล์ 400 คัน, ทิศตะวันตก เซ็นทรัลเวสต์เกต 4,000 คัน และรอบใน ที่สโมสรตำรวจ 450 คัน โดยขสมก.จะจัดรถซัตเติลบัส รับ-ส่งจากจุดจอดรถมายังสนามหลวง สำหรับผู้เดินทางเป็นคณะโดยรถบัส ให้ขับรถส่งประชาชนได้ 2 จุดคือ หน้าร้านสกายไฮ ถนนราชดำเนิน กลาง และหน้ากองสลากเก่า ถนนราชดำเนิน กลาง เมื่อส่งแล้วให้นำรถไปจอดในพื้นที่ที่กำหนด 6 จุดคือ ถนนพุทธมณฑลสาย 1 จำนวน 400 คัน, ถนนพุทธมณฑลสาย 2 จำนวน 500 คัน, ถนนกาญจนาภิเษก 500 คัน, ถนนราชพฤกษ์ 500 คัน, สถานีขนส่งสายใต้เก่า 150 คัน และถนนไฟฉาย ถนนกาญจนาภิเษก 500 คัน

ทำเนียบจัดพิธีถวายสักการะ

ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 08.10 น. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจตามปกติ โดยช่วงเช้า ไม่มีกำหนดการใดๆ ขณะที่บรรยากาศภายในทำเนียบรัฐบาลยังคงเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชนแต่งกายไว้ทุกข์ด้วยชุดสีขาวและดำ เพื่อแสดงความไว้อาลัย

ขณะที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จัดโต๊ะหมู่บูชาภายในห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี หลังนอก ให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ลูกจ้าง สื่อมวลชน ลงนามแสดงความไว้อาลัย และถวายสักการะ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ โดยเป็นวันแรก ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น.

คาดประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ แถลงผลประชุมศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) ว่าขณะนี้ประชาชนเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมากถึงวันละประมาณ 200,000 คน และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์หน้าซึ่งเป็นวันหยุดยาวเนื่องในวันปิยมหาราช และหลังจากช่วงพระราชพิธี 15 วัน ที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ หน้าพระบรมโกศ ภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. คาดว่าจะมีปริมาณประชาชนเพิ่มมากขึ้น มีจุดจอดรถบริการรับส่งฟรีสำหรับประชาชน

รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่าส่วนสถานการณ์ความมั่นคงในภาพรวมเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย สำหรับการวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นต่างๆ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ชี้แจงไปแล้ว และจะชี้แจงเป็นระยะเพื่อให้ประชาชนเข้าใจ โดยจะมีนายธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดสำนักนายกฯ เข้ามาร่วมประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องต่างๆ สำหรับงานพิธีการบำเพ็ญพระราชกุศลในต่างจังหวัดนั้น มหาเถรสมาคม (มส.) มอบหมายให้วัดในต่างจังหวัดรับไปดำเนินการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ในการดูแลความเรียบร้อยในแต่ละพื้นที่

‘พระเทพฯ’ทรงดูเรื่องพระเมรุมาศ

ขณะเดียวกัน นายวิษณุ เครืองาม รอง นายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงวาระการประชุมครม.ในวันที่ 18 ต.ค.นี้ ว่า ครม.ต้องหารือเกี่ยวกับการเตรียมการพระบรมศพ และการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในระหว่างนี้ ส่วนเรื่องเตรียมการสร้างพระเมรุมาศนั้น ต้องรอพระราชวินิจฉัยก่อน ตอนที่นายกรัฐมนตรีเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทสมเด็จพระบรมโอรสา ธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชบัณฑูรว่า ในเรื่องเกี่ยวกับงานพระเมรุนั้น รายละเอียดต่างๆ ขอให้สมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็น ตามภาษาชาวบ้านเรียกว่าแม่งาน โดยต้องวินิจฉัยมากมาย จะใช้พระเมรุมาศแบบไหน สีอะไร จะแบบขึ้นบันไดสูง หรือบันไดต่ำ รายละเอียดต้องรอให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงวินิจฉัย

นายวิษณุกล่าวว่าได้หารือกับนายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการพระราชวัง เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ได้ปรารภว่าจะต้องมีสิ่งก่อสร้างหลายอย่างที่ท้องสนามหลวง นอกจากพระเมรุมาศที่เป็นหัวใจ อาทิ ศาลาทรงธรรม ศาลาพลับพลา ซ่างประจำสี่ทิศ สถานที่สำหรับพระสงฆ์นั่งสวด ซึ่งครั้งนี้คงต้องใหญ่กว่าคราวงานพระบรมศพ หรือพระศพที่ผ่านมา ทางกรมศิลปากรมีประสบการณ์มากอยู่แล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามโบราณราชประเพณีทุกประการ

‘วิษณุ’อธิบายการออกพระนาม

รองนายกฯ กล่าวต่อว่าสื่อมวลชนต่างๆ ไม่ว่าวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ช่วยกันดีแล้ว รายงานข่าวที่ถูกต้องแก่ประชาชน หรือมีข้อเสนอแนะใดๆ ที่รัฐบาลต้องนำมาปฏิบัติเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน การให้ประชาชนมีส่วนร่วม ก็ช่วยแนะนำผ่านสื่อมา ขอบคุณสื่อโทรทัศน์ที่พยายามหาข้อมูลมาเล่าให้ประชาชนทราบ ถือเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณีไทยโบราณ

“บางคำคนอาจจะไม่เข้าใจ เช่น คำว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ คำนี้เป็นคำเก่าที่มีมาแต่โบราณ คนรุ่นปัจจุบันอาจจะยังไม่ค่อยชิน แปลว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เสด็จสวรรคตแล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะสถิตอยู่ในพระหีบ ก็เรียกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ จนกระทั่งบางครั้งแม้จะถวายพระเพลิงไปแล้วก็ยังเรียก ซึ่งเป็นคำที่ระบุชัดเจนในกฎหมาย และยังใช้อยู่ในปัจจุบัน คือ มาตรา 6 ในกฎมณเฑียรบาล ถือเป็นการดีที่สำนักพระราชวังออกคำอธิบายมาว่าสามารถออกพระนามได้ทั้ง 3 พระนาม ถือเป็นการเรียกที่ถูก” นายวิษณุกล่าว

อย่าตำหนิกันเรื่องใช้ศัพท์ผิด

รองนายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ คำว่าอาลัย ก็ย้ำว่าไว้อาลัย ไม่ใช่ให้อาลัย ดังนั้น จะใช้คำว่าถวายอาลัยไม่ได้ ใช้คำธรรมดาคือประชาชนได้ไปแสดงความไว้อาลัย หรือใช้คำว่าถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ต่อท้ายก็ได้ นอกจากนี้การเข้าไปกราบพระบรมศพ คำที่ควรใช้คือคำว่าถวายสักการะพระบรมศพ หรือคำว่าถวายบังคมพระบรมศพ เช่น ในวันที่ 28 ต.ค. เปิดให้ประชาชนถวายบังคมพระบรมศพ หรือถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ

นายวิษณุกล่าวอีกว่า วันนี้อย่ามาตำหนิกันว่าใช้คำศัพท์ผิด หรือตำหนิกันว่าใครแต่งดำ หรือไม่แต่งดำ และเป็นสิ่งดีมีการเปิดบริการรับย้อมผ้าให้ฟรี ก็ขอชื่นชมในสิ่งนี้ หรือแม้แต่ห้างร้านไหนที่มีแบบฟอร์มให้พนักงานใส่ ก็สามารถแต่งเหมือนเดิมแล้วนำโบ หรือริบบิ้นสีดำมาติดที่หน้าอก แขน ถือว่าทำได้น่ารักมาก ทุกคนก็โศกเศร้าเรื่องอย่างนี้อย่าไปตำหนิกัน

วางดอกไม้ได้-ห้ามจุดเทียน

“การวางดอกไม้จุดเทียนที่บริเวณพระบรมมหาราชวังนั้น ไม่ใช่ธรรมเนียมไทย จึงเกิดความร่วมมือว่าวางดอกไม้ได้ แต่ห้ามจุดเทียน และขณะนี้ ศตส.จัดสถานที่บริเวณสนามหลวงให้จุดเทียนแล้ว รัฐบาลขอขอบคุณประชาชนที่ตากฝน กรำแดดใช้เวลายาวนานที่จะเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ผมก็น้ำตาคลออีกครั้งหลังจากที่ได้ดูการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ พักนี้เจ้าน้ำตา เป็นการสัมภาษณ์ประชาชนที่ซึ้งมาก พูดได้น่ารักว่าเรารู้ว่าถึงอย่างไรก็ไม่ได้เข้าไป รู้ว่าฝนจะตก แต่อยู่บ้านไม่ได้ ต้องมา เพราะอยากอยู่ใกล้ที่สุดเท่าที่จะใกล้ได้ ใกล้ได้แค่นี้ก็อยู่แค่นี้ ถ้าวันหน้าอนุญาตให้ใกล้กว่านี้ก็จะขยับไปให้ใกล้ที่สุด ได้มาแค่นี้ก็ชื่นใจ” นายวิษณุกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

นายวิษณุกล่าวต่อว่า สำหรับวันที่ 5 ธ.ค. ถือเป็นวันชาติตามมติ ครม. ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง การจะจัดอะไรที่จะแสดงถึงการเป็นวันชาติ โดยเฉพาะสถานทูตในต่างประเทศนั้น หากเปลี่ยนแปลงอะไรจะแจ้งให้ทราบ ตามประเพณีการประกาศไว้ทุกข์ หรือการประกาศออกทุกข์ในบางโอกาส ต้องประกาศตามโอกาสอันควรตามประเพณีนิยม ซึ่งจะพิจารณาเป็นคราวๆ ไป

ให้พักค้างคืนสนามหลวงได้

ที่ศาลาว่าการกทม. นางเบญทราย กียปัจจ์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยภายหลังประชุมคณะผู้บริหารว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้กทม.จัดพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพครบ 7 วัน ตรงกับวันพุธที่ 19 ต.ค. ครบ 15 วัน ตรงกับวันที่ 27 ต.ค. ครบ 50 วัน ตรงกับวันที่ 1 ธ.ค. และครบ 100 วัน ตรงกับวันที่ 21 ม.ค.2560 เริ่มเวลา 07.00 น. ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกทม.

พ.ต.อ.พิชัย เกรียงวัฒนศิริ ผอ.สำนักเทศกิจ กล่าวว่า กทม.เปิดให้ประชาชนจากต่างจังหวัดที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ พักที่สนามหลวงได้ตลอด 24 ช.ม. แต่ประชาชนต้องเตรียมเครื่องนอนมาเอง เจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกรถสุขา แต่ห้ามปรุงอาหาร เช่น เตา หรือเตาแก๊ส และห้ามซักผ้าตากผ้าอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ กทม.ยังจัดหาที่พักให้ 2 แห่ง คืออาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชน กทม. (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง รองรับได้ 500 คน พักได้เพียงชั่วคราว 5-6 คืนเท่านั้น หากไม่เพียงพอจะเปิดบ้านอิ่มใจ สำนักงานการประปา สาขาแม้นศรี อนุญาตให้พักแบบวันต่อวัน รองรับได้ 120 คน เอกสารที่ผู้เข้าพักต้องเตรียม คือบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อลงทะเบียนเข้าพัก

เพิ่มจุดพยาบาล-ร.พ.สนาม

ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าศูนย์ปฏิบัติการร่วมการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุขและกรุงเทพมหานคร เพิ่มจุดให้บริการเป็น 11 จุด ประกอบด้วยหน่วยปฐมพยาบาล 9 จุด ตั้งอยู่บริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์ สนามหลวงฝั่งเชิงสะพานปิ่นเกล้า สนามหลวงกองอำนวยการ กทม.ประตูวิเศษไชยศรี ท่าช้าง ข้างกระทรวงกลาโหม ศาลหลักเมือง สนามหลวงฝั่งพระบรมมหาราชวัง ศาลาสหทัยสมาคม และโรงพยาบาลสนาม 2 จุด บริเวณกองอำนวยการ กทม.บริเวณสนามหลวง และข้างกระทรวงกลาโหม

คสช.อำนวยความสะดวกเต็มที่

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. แถลงผลการประชุมสำนักงานเลขา ธิการ คสช. ว่าจัดตั้งกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) เพื่อดูแลพื้นที่สนามหลวง พระบรมมหาราชวัง และพื้นที่โดยรอบเป็นการเฉพาะ โดยมอบให้ กกล.รส.กองทัพภาคที่ 1 เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก บูรณาการและประสานกับทุกภาคส่วน เพื่อการรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนอย่างเต็มที่

รองโฆษก คสช. กล่าวต่อว่า พล.อ.เฉลิมชัย ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. กำชับให้ กอ.รส.กองทัพภาคที่ 1 รักษาระดับมาตรการดูแลความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้จัดตั้งกองอำนวยการประสานงานและบริหารจัดการพื้นที่ เข้าช่วยบูรณาการกับทุกภาคส่วน ในการบริหารจัดการในทุกกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง และพื้นที่สนามหลวง เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ประชาชนสามารถเข้ามาร่วมแสดงความไว้อาลัยได้โดยสะดวก และผู้มีจิตอาสารวมถึงหน่วยงานต่างๆ สามารถเข้ามาจัดการให้บริการในด้านต่างๆ ตามประสงค์ ได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในเรื่องการจัดระเบียบการจราจรและยานพาหนะ

รัฐสภา-กกต.ถวายสักการะ

ที่รัฐสภา ข้าราชการทุกระดับของสำนัก งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ร่วมแสดงความไว้อาลัย และถวายสักการะ โดยร่วมกันยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 9 นาที พร้อมจัดโต๊ะให้ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างของสำนักงานลงนามแสดงความไว้อาลัย ที่ห้องโถงอาคารรัฐสภา 1

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. นำ กกต. ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่สำนักงานกกต. น้อมเกล้าฯ กราบถวายบังคม และกล่าวแสดงความไว้อาลัย เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมทั้งยืนสงบนิ่งแสดงความไว้อาลัยเป็นเวลา 9 นาที โดยตลอดพิธี กกต.ทุกคนต่างยังอยู่ในอาการเศร้าสลดและอาลัย

ส่วนที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พล.อ. วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายบูรณ์ ฐาปนดุลย์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการ และโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมจัดพิธีแสดงความไว้อาลัย และถวายสักการะเช่นกัน บรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าสลด

ทบ.ตั้งครัวสนามบริการฟรี

ด้านกองบัญชาการกองทัพอากาศ พล.อ.อ. จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ. กล่าวว่า ทอ.จัดกิจกรรมไว้ทุกข์ร่วมกับประชาชนทั้งประเทศ โดยจัดจุดตั้งแสดงความไว้อาลัย และถวายสักการะ ที่ ร.พ.ภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ และกองบินต่างๆ ทั่วประเทศ ร่วมกับทางจังหวัด พร้อมสนับสนุนกิจกรรมของประชาชน เพื่อแสดงความไว้อาลัย รวมทั้งจัดรถรับส่งประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 17 ต.ค. เริ่มเวลา 06.00-18.00 น. ตลอดเส้นทางสายพหลโยธินถึงสนามหลวง พร้อมทั้งจัดกำลังพลออกไปนอกหน่วยช่วยดูแลประชาชนร่วมกับเหล่าทัพต่างๆ อีกทั้งกรมแพทย์ทหารอากาศ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแพทย์ทหารอากาศให้บริการประชาชนที่เจ็บป่วย โดยตั้งจุดที่บริเวณท่าเรือท่าช้าง

ส่วนกองทัพบกนั้น พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. สั่งการให้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มารอถวายสักการะและแสดงความอาลัยที่ท้องสนามหลวง โดยกองทัพภาคที่ 1 จัดบริการน้ำดื่ม กรมแพทย์ทหารบกจัดหน่วยแพทย์บริการประชาชน และวันที่ 17 ต.ค. จัดรถครัวสนาม 3 คัน ให้บริการอาหารแก่ประชาชนมื้อละ 5,000 กล่อง ในช่วงกลางวันและเย็น เริ่มตั้งแต่เวลา 11.30 น. โดยใช้ภาชนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ให้บริการบริเวณฝั่ง ม.ธรรมศาสตร์ ใกล้กับเต็นท์กองพลที่ 1 รักษาพระองค์

เผยแพร่พระราชกรณียกิจ

ที่กองบัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผบ.สส. พร้อมด้วย พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผบ.ทร. พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ. และพล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เข้าร่วมประชุม ผู้บัญชาการเหล่าทัพโดยก่อนเริ่มการประชุม ผบ.สส.แจ้งให้ที่ประชุมยืนสงบแสดงความไว้อาลัย 1 นาที

พล.อ.สุรพงษ์แถลงว่า ในที่ประชุมให้ความเร่งด่วนสูงสุดในการสนับสนุนคณะรัฐบาล ในทุกพระราชพิธีที่บำเพ็ญพระราชกุศลอย่างสมพระเกียรติและเต็มความสามารถ เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อองค์จอมทัพไทย โดยให้ทุกเหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติสนับสนุนอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เดินทางเข้ามาลงนามแสดงความไว้อาลัย และถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง รวมทั้งรวบรวมพระราชกรณียกิจสำคัญต่างๆ มาจัดทำเป็นสารคดีและหนังสือเพื่อเผยแพร่ทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย

น้อมนำพระบรมราโชวาท

ที่อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วย พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมช.ศึกษาธิการ และผู้บริหารระดับสูงร่วมลงนามแสดงความไว้ความอาลัย โดย พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวว่าทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ หรือเอกชนจัดทำกิจกรรมเพื่อถวายสักการะ ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการมอบหมายให้สำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ให้บริการย้อมเสื้อผ้าสีดำฟรีให้กับประชาชนทั่วประเทศ

พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวว่า ส่วนสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดทำริบบิ้นสีดำแจกให้กับประชาชนเช่นกัน นอกจากนี้จะน้อมนำพระบรมราโชวาทการสอนคนให้เป็นคนดี ที่พระองค์ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งไว้เมื่อหลายสิบปีที่แล้วว่า คนสอนคนได้ แต่เทคโนโลยีสอนคนไม่ได้ เพราะเทคโนโลยีไม่มีจิตใจ ดังนั้น กระทรวงศึกษา ธิการที่เป็นหน่วยงานครูโดยตรง จะขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม พร้อมสร้างความตระหนักรู้ให้ข้าราชการครูสังกัดกระทรวงศึกษาธิการทุกคนนำไปปฏิบัติด้วย

บำเพ็ญพระราชกุศลสัตตมวาร

สำนักพระราชวัง แจ้งหมายกำหนดการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยกำหนดการประจำวันตลอด 100 วัน หรือตามกำหนดไว้ทุกข์ จะเริ่มตั้งแต่เวลา 06.00 น. พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม และประโคมย่ำยาม เวลา 07.00 น. พระพิธีธรรมรับพระราชทานฉันเช้า เวลา 09.00 น. พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม และประโคมย่ำยาม เวลา 11.00 น. พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมฉันเพล เวลา 12.00 น. พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม และประโคมย่ำยาม และเวลา 15.00 น. พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม และประโคมย่ำยาม เวลา 18.00 น. ประโคมย่ำยาม เวลา 19.00 น. พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม เวลา 21.00 น. พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม และประโคมย่ำยาม

พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล สัตตมวาร (7 วัน) จะมีขึ้นในวันพุธที่ 19 ต.ค. เวลา 17.00 น. พระสงฆ์ 30 รูปสวดพระพุทธมนต์ จบ มีพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 พระ 4 รูปสวดพระธรรมคาถา วันพฤหัสฯที่ 20 ต.ค. เวลา 10.30 น. พระสงฆ์ 30 รูปสวดถวายพรพระ รับพระราชทานฉัน มีพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 พระ 4 รูปสวดพระธรรมคาถา ประเคนผ้าไตร พระ 89 รูป เท่าพระชนม พรรษา

‘ขอนแก่น’จัดขบวนริบบิ้นดำ

ขณะเดียวกัน จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ต่างจัดพิธีแสดงความไว้อาลัย และถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ โดย จ.กำแพงเพชร ที่วัดคูยาง พระอารามหลวง ต.ในเมือง อ.เมืองกำแพงเพชร นายธานี ธัญญาโภชน์ ผวจ.กำแพงเพชร จัดพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม โดยมีพระธรรมภาณพิลาส เจ้าคณะจังหวัดกำแพงเพชร เจ้าอาวาสวัดคูยาง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ผวจ.ขอนแก่น พร้อมข้าราชการ ประชาชน และนักเรียน ร่วมลงนามแสดงความไว้อาลัย และถวายสักการะ ที่ห้องแก่นคูน ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น จากนั้นร่วมกันจัดขบวนปล่อยแถวเป็นรูปริบบิ้นเพื่อแสดงความไว้อาลัย โดยข้าราชการตั้งขบวนด้านใน ล้อมด้วย นักเรียน นักศึกษา เป็นเส้นริบบิ้นในแถวกลาง ล้อมรอบด้วยประชาชนที่แต่งชุดดำแปรแถวเส้นรอบนอก รวมทั้งหมด 2,000 คน

โคราชสืบสานพระราชปณิธาน

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา พล.ต.วิฑูรย์ ศิริปักมานนท์ ผบ.มทบ.21 กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี พร้อมข้าราชการและบุคลากรในสังกัดนับพันคน ร่วมทำพิธีแสดงความไว้อาลัย พร้อมจัดกิจกรรมสืบสานพระราชปณิธาน ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท โครงการฝนหลวงช่วยเหลือเกษตรกร ที่ท่าอากาศยานนครราชสีมา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา

ที่วินรถจักรยานยนต์รับจ้าง สถานีขนส่งนครราชสีมา แห่งที่ 1 ถนนบุรินทร์ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา นายพัชญชาญ นกสี อายุ 47 ปี พร้อมนายเบญจรงค์ เฉื่อยมณี อายุ 55 ปี และนายบุญนาค ดีล้วน อายุ 57 ปี ร่วมกันใช้บริการรับส่งประชาชนฟรีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

หนองคายรำลึก‘ท่าเสด็จ’

ส่วน จ.หนองคาย ร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองในตลาดท่าเสด็จ อ.เมืองหนองคาย แสดงพระบรมฉายาลักษณ์ และพระราชกรณียกิจต่างๆ เมื่อครั้งเสด็จฯ ยัง จ.หนองคาย โดยครั้งสำคัญคือเมื่อปี พ.ศ.2511 เสด็จฯ พร้อมสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ประทับแพพระที่นั่งทรงประกอบพิธีส่งกระแสไฟฟ้าจากเขื่อนอุบลรัตน์ไปยังประเทศลาว หลังจากเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนั้น จึงเปลี่ยนจากชื่อเดิมว่า ท่าด่าน เป็น ท่าเสด็จ

จ.บุรีรัมย์ นายป่าน หมื่นโยชน์ ชายพิการวัย 84 ปี นั่งรถสามล้อแบบคันโยกพระราชทาน ออกจากบ้านพักบ้านสระแก้ว ต.หนองตะครอง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ผ่าน อ.หนองกี่ เข้าเขต อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา เพื่อมุ่งหน้ามาถวายสักการะที่กรุงเทพฯ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องจากที่ผ่านมาได้รับสิ่งของพระราชทาน เช่น รถเข็น ฟันเทียม คาดว่าจะใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 10 วัน

น้ำตกพระปรมาภิไธยย่อ‘ภปร.’

ส่วนที่ วัดทุ่งเคล็ด ม. 3 ต.นาหูกวาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ อยู่ระหว่างก่อสร้างพระอุโบสถประดับฝาผนังด้วยเหรีญยกษาปณ์ มีชาวไทยจากทั่วทุกสารทิศสวมเสื้อดำนำเหรียญบาท พระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาร่วมประดับฝาผนังสร้างอุโบสถหลังใหญ่ถวายเป็นพระราชกุศล เพื่อจารึกสมัยให้เป็นประวัติศาสตร์ และเป็นสถานที่สำคัญของชาติไทยในอนาคต

ขณะที่ จ.ตรัง นายการุณ ศรีเกตุ กำนันตำบลช่อง อ.นาโยง พร้อมผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่า ต.ช่อง นำชาวบ้านขึ้นไปชมพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. และพระนามาภิไธยย่อ ส.ก. เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จประพาสน้ำตกกะช่อง เมื่อวันที่ 16 มี.ค. พ.ศ.2502 และทรงจารึกพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. และพระนามาภิไธย ส.ก. ที่หน้าผาชั้นที่ 7 ความสูง 500 เมตร ยังความปลาบปลื้มใจให้แก่พสกนิกรชาว จ.ตรัง ในครั้งนั้นอย่างไม่รู้ลืม

ผู้แทน 14 ชาติถวายสักการะ

ที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายธีระ อนันตเสรีวิทยา และนางศิวพร ฉั่วสวัสดิ์ รองผวจ.ภูเก็ต ต้อนรับหัวหน้าและผู้แทนกงสุลต่างประเทศประจำจังหวัดภูเก็ต จำนวน 14 ประเทศ ประกอบด้วย ฝรั่งเศส ออสเตรีย, บราซิล อังกฤษ ชิลี สาธารณรัฐประชาชนจีน, สาธารณรัฐเช็ก ฟินแลนด์ เยอรมนี ไอร์แลนด์, เนเธอร์แลนด์ รัสเซีย สวิตเซอร์แลนด์ และเดนมาร์ก ที่ร่วมลงนามแสดงความไว้อาลัย และถวายสักการะ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์

นายปัญญา นพพิบูลย์ อายุ 42 ปี ตัวแทนกลุ่มรถตู้แวน วีไอพี ฟอร์ ยู พร้อมสมาชิกนำรถตู้จิตอาสาคอยบริการประชาชนที่จะเดินทางไปยังท้องสนามหลวง เพื่ออำนวยความสะดวกบุคคลทั่วไปที่ต้องการเดินทางทั้งไปและกลับรังสิต-ท้องสนามหลวง โดยสามารถขึ้นรถบริเวณป้ายรถประจำทาง หน้าห้างศูนย์การค้าฟิวเจอร์ พาร์ครังสิต และบริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ถ.ราชดำเนินกลาง ตั้งเวลา 08.00-21.00 ทุกวัน รวม 100 วัน นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยรังสิตนำสิ่งของ เช่น ยาดม ลูกอม และผ้าเย็น ร่วมเดินทางไปที่ท้องสนามหลวง เพื่อบริการให้กับพี่น้องประชาชนระหว่างรอรถด้วย

‘สมเด็จพระบรมฯ’เสด็จฯพิธี

เวลา 19.00 น. สมเด็จพระบรมโอรสา ธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราช ดำเนิน พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี, ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี, พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา, พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์, พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

โดยมีพระพิธีธรรมจากวัดประยุรวงศาวาส วรวิหาร และวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจนกระทั่งเวลา 20.10 น. เสด็จพระราชดำเนินกลับ

ทูลกระหม่อมหญิงฯให้กำลังใจ

ช่วงค่ำวันเดียวกัน ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จไปด้านหน้ากำแพงพระบรมมหาราชวัง ทรงนำอาหารมาประทานแก่พสกนิกรที่เดินทางมาแสดงความไว้อาลัย และถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช

ในการนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงทักทายกับประชาชน และทรงให้กำลังใจประชาชนด้วย โดยตรัสว่า “มาร่วมแสดงความเสียใจ เราก็ครอบครัวเดียวกัน เราพวกเดียวกัน พ่อของเรา พ่อของทุกคน เราภูมิใจ เราคนไทย ต่อไปก็ช่วยกันทำงาน เดินไปข้างหน้า ไม่ใช่เดินไปข้างหลัง ขอบใจมาก ทุกคนโชคดี ไว้เจอกันใหม่” ขณะที่ประชาชนพร้อมกันเปล่งเสียงทรงพระเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน