ศาลอุทธรณ์ พิพากษาประหารชีวิต 5 ทีมสังหาร ประธานบริษัท โซลาร์เซลล์ พ่อผู้พิพากษา ชี้คำให้การของจำเลยฟังไม่ขึ้น และมีหลักฐานชัดเจน

เวลา 9.00 น. วันที่ 3 มี.ค. ที่ บัลลังค์ 22 ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 อ่านคำพิพากษาผ่านระบบคอนเฟอเรนซ์ เลขคดีดำ 7471/61 คดีแดง 57/63 ในคดี 1 นายโชติทิวัตถ์ จิรภัทรพุฒิธนา 2 นายสมศักดิ์ มุ่ยแฟง 3 วิฑูรย์ กรีธาธร 4 นายวรวุฒิ ผาสุก 5 วัชรพงษ์ พราหมณี

จำเลยซึ่งได้ยืนอุทธรณ์ในคดีร่วมกันใช้จ้างวานด้วยวิธีการอื่นใดให้ผู้อื่นกระทำผิดฐาน ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธไปในเมืองหมูบ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร

สืบเนื่องจาก คืนวันที่ 17 พ.ย. 60 ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ รับแจ้งเหตุชายถูกยิงซึ่งผู้เสียชีวิต คือ ดร.อัครนันท์ มงคลชลสวัสดิ์ อายุ 56 ปี ประธานบริษัท ฟินิกซ์ เวิลด์ เอนเนอจี จำกัด ซึ่งให้บริการระบบ โซลาร์เซลล์แบบครบวงจร และยังเป็นบิดาของผู้พิพากษา เหตุเกิดทางเข้าหมู่บ้านลัลลี่วิลล์ ซอยมังกรนาคดี ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าก่อนเกิดเหตุมีคนเห็นทั้งสองฝ่ายเปิดประตูลงจากรถก่อนจะโต้เถียงกันอย่างรุนแรงและมีการชกต่อยกัน ก่อนที่คนร้ายจะวิ่งกลับไปที่รถแล้วหยิบเอาปืนขนาด 11 มม. มากระหน่ำยิงผู้ตายจนเสียชีวิต ต่อมาจากสืบสวนเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องขับรถปาดหน้ากัน และพบว่าผู้ตายเคยขัดแย้งกับบริษัทเก่าที่เคยร่วมลงทุนด้วยจึงได้ให้น้ำหนักประเด็นเรื่องความขัดแย้งเรื่องธุรกิจ และเชื่องโยมไปยัง นายโชติทิวัตถ์ จำเลยที่ 1 นายสมศักดิ์ จำเลยที่ 2 เนื่องจากทั้งสามได้ร่วมกันเปิดบริษัทโซลาร์เซลล์ ก่อนที่ผู้ตายจะแยกตัวไปเปิดบริษัทของตัวเองเพื่อรับงานจากลูกค้าจากต่างประเทศ

รวมทั้งได้ลูกค้าเก่าจากบริษัทเดิมเนื่องจากลูกค้ามีความเชื่อมั่นในตัวของ ดร.อัครนันท์ ทำให้บริษัทที่ทั้งสามเคยร่วมกันเปิดขาดรายได้จำนวนมากและมีทีท่าว่าจะล้มละลาย ต่อมาทั้งสอง จึงได้ติดต่อไปยัง นายวิฑูรย์ กรีธาธร หรือ ส.จ.เก่ง อดีต สจ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี จำเลยที่ 3 ให้หามือปืนจากเมืองเพชรมารับงานในราคา 4 แสนบาท จากนั้น ส.จ.เก่งได้นำทีมมือปืนมา 3 คน ประกอบด้วย นาย วรวุฒิ จำเลยที่ 4 นายวัชรพงษ์ จำเลยที่ 5 และ นายโก้ ซึ่งเสียชีวิตไปโดยปริศนาจากอุบัติเหตุ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะถูกฆ่าตัดตอน นั่งรถมาจากเพชรบุรีมาเฝ้าดูความเคลื่อนไหวที่หน้าบ้านของ ดร.อัครนันท์ เมื่อเจอผู้ตายขับรถยนต์ออกจากบ้านพักจึงขับรถตามประกบก่อนทำทีจัดฉากว่ารถเฉี่ยวชนกัน จากนั้นร้ายจึงใช้อาวุธปืนยิง ดร.อัครนันท์ จนเสียชีวิตดังกล่าว กระทั้งเจ้าหน้าที่ติดตามตัวทีมสังหารได้ ชั้นสอบสวนทั้งหมดยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าววหา

ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 63 ศาลชั้นต้นได้พิพากษาประหารชีวิต จำเลยที่ 1 2 4 โทษประหารชีวิต ส่วน จำเลยที่ 3 และ 5 ตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ก่อนที่ทั้งหมดจะต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ กระทั่งล่าสุดศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้ยืนตามคำตัดสินของศาลชั้นต้นของจำเลยที่ 1,2,3,4 แต่เพิ่มโทษจำเลยที่ 5 มือปืนที่ลั่นไกสังหาร เพราะคำให้การของจำเลยฟังไม่ขึ้นและหลักฐานการพิสูจน์ยังปราศจากข้อสงสัย จึงได้เพิ่มโทษจากจำคุกตลอดชีวิตเป็นประหารชีวิตสถานเดียว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน