จากกรณี ชาวเน็ตแห่ติดแฮชแท็ก #แบนjameskampanad หรือ เจมส์ กัมปนาท ดาวแอพพลิเคชั่นติ๊กต็อก (Tiktok) ที่มีผู้ติดตามกว่า 1 แสนคน เนื่องจากทำคลิปตลกกึ่งเสียดสี มักจะมีพฤติกรรมกลั่นแกล้งและดูถูกคนอื่น ๆ โดยเฉพาะการบูลลี่เด็กและเยาวชน

เมื่อวันที่ 18 เม.ย. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. และ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กล่าวถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์นำเสนอกรณีที่มีผู้ใช้ ติ๊กต็อก ในการ Cyberbullying เด็กและเยาวชน ว่า

กรณีดังกล่าวได้เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้ติ๊กต็อก รายหนึ่งได้ซึ่งมักจะนำเสนอวีดีโอในที่มีเนื้อหาล้อเลียนเสียดสี เด็กและเยาวชนที่มีฐานะยากจน ส่งผลให้ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์หลายรายไม่พึงพอใจผู้ใช้ ติ๊กต็อกรายดังกล่าว และเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก จนสุดท้ายผู้ใช้ ติ๊กต็อกรายดังกล่าวได้ออกมาขอโทษและลบบัญชีผู้ใช้ ติ๊กต็อกของตนออกไป

การกระทำดังกล่าวก็เป็นลักษณะของการระรานทางไซเบอร์ หรือ Cyberbullying ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง กับบุคคลหลากหลายกลุ่มรวมถึงบรรดาดารานักแสดงด้วย ในกรณีนี้ก็มีการพุ่งเป้าไปที่ เด็กและเยาวชนที่มีฐานะยากจน ซึ่งในคลิปวิดีโอก็ทีข้อความในลักษณะว่า “ฮัลโหล ๆ 123 ได้ยินไหมเอ่ย พวกเด็กไม่มีไวไฟ ฮัลโหลๆ พวกเด็กที่พ่อแม่ไม่รัก ฮัลโหล ๆ อยู่ไหนกันเด็กที่เรียนหนังสือไม่เก่ง” ซึ่งข้อความดังกล่าวส่งผลต่อจิตใจของผู้อื่น เป็นการจี้ปมด้อยภายในจิตใจ และยังเป็นการซ้ำเติมจิตใจในช่วงการระบาดของเชื้อโควิด-19 อีกด้วย

ในทางข้อกฎหมายการกระทำดังกล่าว หากสามารถระบุตัวบุคคลที่ถูกกล่าวถึงได้ว่าเป็นใคร อาจจะเข้าอาจเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาท มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในฐานความผิดดังกล่าวนั้น เป็นความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายจะต้องมาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไป

รองโฆษก ตร. และโฆษก บช.สอท. ได้ฝากเรียนประชาสัมพันธ์ถึงพี่น้องประชาชนทุกคนให้ใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างมีสติ หากพบเห็นการ Cyberbullying ก็อย่าแชร์ต่อ อย่าคอมเมนต์ อย่าไปยุ่งเกี่ยวไม่ว่าจะทางใด เพื่อให้ทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันปัญหาและอย่าใช้สื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงว่าจะผิดกฎหมาย หรือใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือในการทำร้ายผู้อื่น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน