พ่อแม่ข้องใจ “น้องเมย” น.ร.เตรียมทหารปี 1 หัวใจวายเฉียบพลันดับปริศนาในโรงเรียน โวยอวัยวะภายใน สมองหายไปซี่โครง-ไหปลาร้าหัก มีรอยช้ำในช่องท้อง ด้านกองทัพไทยเปิดแถลงชี้แจงวุ่น ผบ. โรงเรียนระบุวันเกิดเหตุเด็กเป็นลม หัวใจเต้นอ่อน รุดช่วยเหลือตามขั้นตอน ส่งร.พ. ก่อนใจวายเฉียบพลัน ส่วนทีมแพทย์ผู้ชันสูตรศพชี้ซี่โครงหัก มีรอยช้ำจริง แต่ไม่เป็นสาเหตุ ให้เสียชีวิต ส่วนอวัยวะ สมอง หัวใจที่หายไป เพราะต้องส่งตรวจอย่างละเอียดหาสาเหตุ หลังเสร็จแล้วพร้อมส่งคืน ทั้ง “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” สั่งสอบหาเหตุที่แท้จริงด่วน

จากกรณีนายพิเชษฐ และนางสุกัลยา ตัญกาญจน์ ร้องเรียนว่านายภคพงศ์ หรือเมย ตัญกาญจน์ ลูกชายเป็นนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ต.ค. หลังกลับจากเข้าเรียนเพียง 1 วัน และไม่ได้รับคำชี้แจงที่ละเอียดจากผู้เกี่ยวข้อง ใบมรณบัตรระบุสาเหตุการตายเกิดจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน จึงนำศพไปชันสูตรหาสาเหตุอย่างละเอียด พบว่าอวัยวะภายในทั้งตับ ไต ไส้หายไป ในกะโหลกศีรษะมีกระดาษทิชชู และสำลียัดไว้ สมองหายไป พบกระดูกซี่โครงหัก 4 ซี่ มีรอยช้ำในช่องท้อง ไหปลาร้าหัก 2 ข้าง แพทย์ระบุว่าสาเหตุซี่โครงหักไม่น่าเกิดจากการปั๊มหัวใจ และรอยช้ำน่าจะเกิดจากถูกกระแทกอย่างแรง

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าทราบเรื่องนี้มาตั้งแต่เดือนต.ค.แล้ว จากรายงานพบว่าเสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน แต่มีปัญหาที่ผู้ปกครอง และชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต โดยนำปอดและหัวใจไปตรวจที่ร.พ.ตำรวจ และผู้ปกครองให้แพทย์อีกคณะมาชันสูตร ปรากฏว่าไม่พบปอดและหัวใจ เรื่องนี้ต้องมาคุยกัน เอามาตรวจกันอีกครั้ง

“เท่าที่ทราบเขาเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลว ผมก็เสียใจ เพราะเป็นทหารรุ่นหลาน ไม่อยากให้ใครเสียชีวิต แต่ผมก็สงสัยเพราะทุกคนที่ไปเรียนโรงเรียนเตรียมทหารต้องแข็งแรง ผมยังไม่รู้ในรายละเอียด แต่ทราบว่าเด็กคนนี้ป่วยบ่อย รักษาอยู่ที่ร.พ.ในโรงเรียนเตรียม ทหารอยู่เป็นระยะ ต้องไปดูประวัติการรักษาด้วย ไม่มีใครอยากให้ใครเสียชีวิต แต่ถ้าตายผิดธรรมชาติก็ต้องลงโทษ” นายกฯ กล่าว

ส่วนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวว่าได้รับรายงานว่าเสียชีวิตเนื่องจากเป็นโรคหัวใจ และรักษาตัวอยู่ก่อนแล้ว ป่วยอยู่ที่ร.พ.แล้วเรียนหนังสือไปกลับ ส่วนกรณีไม่พบอวัยวะภายใน เนื่อง จากแพทย์นำหัวใจและปอดไปตรวจหาสาเหตุ พบว่าเป็นการเสียชีวิตแบบฉับพลัน ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่ใช่เป็นเพราะถูกลงโทษอย่างที่ตั้งข้อสงสัยกัน ผบ.ทสส.มารายงานให้ทราบ แล้วว่าไม่ใช่เป็นเพราะเหตุนั้น ส่วนที่ระบุว่าซี่โครงหักหลายซี่ ก็ไม่จริง ผบ.ทสส.แจ้งว่าเสียชีวิตเพราะอ่อนแอและโรคหัวใจ ส่วนที่ครอบครัวยังติดใจสาเหตุนั้น ก็ขอแสดงความเสียใจด้วย ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น

ขณะที่ พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผบ.ทสส. กล่าวว่าไม่เป็นไปตามที่ญาติกล่าวอ้าง เมื่อเกิดเหตุทางโรงเรียนเตรียมทหารส่งศพไปชันสูตรที่ร.พ.พระมงกุฎเกล้า ตัดอวัยวะบางส่วนนำไปผ่าพิสูจน์ เป็นเพียงชิ้นเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นญาตินำร่างกลับไปแล้วนำไปที่ร.พ.ธรรมศาสตร์ อีกครั้ง โรงเรียนเตรียม ทหาร ร่วมจัดงานศพและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ยืนยันไม่ได้ขโมยอวัยวะ แต่กรณีมีผ้าพันแผลอยู่ในอวัยวะน่าจะเกิดจากการตรวจพิสูจน์ก่อนหน้านี้ โรงเรียนก็ร่วมจัดงานพิธีบำเพ็ญกุศล และฌาปนกิจเรียบร้อย เป็นการฌาปนกิจโลงเปล่า ไม่มีศพ โรงเรียนช่วยเหลือเต็มที่ ไม่นิ่งนอนใจ

ที่กรมกิจการพลเรือน กองบัญชาการกองทัพไทย พล.ต.กนกพงษ์ จันทร์นวล ผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร แถลงชี้แจงว่ายืนยันว่าในวันที่ 17 ต.ค. ที่น้องเมยเสียชีวิตได้อยู่กับนักเรียนทั้งโรงเรียน มีนักเรียนบางส่วนที่อยู่ที่กองแพทย์เสียใจที่ได้รับทราบข่าวน้องเมยเสียชีวิตในช่วงเวลา 16.00 น. ได้ติดตามสาเหตุการเสียชีวิตทราบว่าล้มลงและหัวใจเต้นอ่อน จึงส่งตัวไปยังร.พ.เพื่อพยายามช่วยชีวิต

“ผมเสียใจมาก เด็กนักเรียนก็เหมือนลูกของผมคนหนึ่งได้จากไป ในโรงเรียนเตรียม ทหารอยู่กันเหมือนพี่เหมือนน้อง และคุยกับทางครอบครัวว่าการตายของน้องเมยเป็นการตายที่ผิดทางธรรมชาติ และควรส่งไปตรวจสอบข้อเท็จจริง คือการชันสูตรพลิกศพจนเรียบร้อย ทางครอบครัวก็รับศพไปทำพิธีทางศาสนา และทางโรงเรียนก็เข้าไปดูแลจนพิธีเสร็จสิ้น ในช่วงนั้นผมได้พูดคุยกับทางคุณพ่อของน้องเมยมาโดยตลอด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน” พล.ต.กนกพงษ์กล่าว

พล.ต.กนกพงษ์กล่าวว่าหลังจากนั้นตั้งคณะ กรรมการสอบสวนถึงสาเหตุว่ามีบุคคลใดเข้าไปเกี่ยวข้องในวันที่ 17 ต.ค.หรือไม่ และระบุในผลการสอบสวนว่ายังไม่พบว่ามีใครไปทำร้ายน้องเนย และรายงานผลสอบสวน ให้ พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผบ.ทสส. รับทราบ แล้วมาทราบภายหลังว่าศพของน้องเมยยังไม่ได้ฌาปนกิจ และพูดคุยกับคุณพ่อว่าต้องการสิ่งใด ทางโรงเรียนจะได้ดำเนินการให้

“ยืนยันว่าเราเสียใจกันทั้งโรงเรียน และสอบสวนเรื่องทั้งหมด จากกล้องวงจรปิดพบว่าน้องเมยจะอยู่ที่กองแพทย์เป็นหลัก ซึ่งในช่วงเช้าออกไปแต่งเครื่องแบบ แต่ก็ไม่ได้ไปเรียนทางทหาร และกลับมาที่กองแพทย์ ตอนเที่ยงพูดคุยกับเพื่อนๆ และโทรศัพท์ไปพูดคุยกับคุณแม่ประมาณ 10 นาที และมีผลการชันสูตรทางการแพทย์ว่าน้องเมยหัวใจล้มเหลว” พล.ต.กนกพงษ์กล่าว

ผบ.โรงเรียนกล่าวต่อว่าส่วนกรณีที่น้องเนยโดนซ่อมจนหยุดหายใจไปช่วงหนึ่งเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา จะเป็นสาเหตุหนึ่งของการเสียชีวิตหรือไม่นั้น ประวัติทางการแพทย์มีบันทึกอยู่ แต่หลายเดือนมาแล้วซึ่งไม่น่าจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต เพราะหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปน้องเมยก็กลับมาเรียนและก็วิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ได้ สุขภาพความแข็งแรงดี จากผลการสอบสวนยังไม่พบ ว่าน้องเมยเสียชีวิตจากการถูกซ่อม

“การซ่อมหรือที่เรียกว่าการดำรงทางวินัยมีอยู่ในโรงเรียนเตรียมทหารอยู่แล้ว น้องเมยก็เข้ากิจกรรมเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร ส่วนขอบเขตของการซ่อมนั้น ตามระเบียบของโรงเรียนมีข้อปฏิบัติชัดเจน หากใครทำผิดจากกฎระเบียบก็จะต้องสอบ สวน ลงโทษตามกฎหมายที่มีอยู่ และในกรณีการซ่อมน้องเมยครั้งนั้น ได้ลงโทษทางวินัย ผู้เกี่ยวข้องไปเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้ติดใจเอาความ” ผบ.โรงเรียน

ส่วน พ.ท.นรุฏฐ์ ทองสอน ทีมแพทย์ ผู้ชันสูตรศพ ร.พ.พระมงกุฎเกล้า กล่าวว่ารับร่างมาคืนวันที่ 18 ต.ค. ลงมือชันสูตรตอนเช้า ไม่พบบาดแผลตามร่างกายภายนอก จึงผ่าเปิดภายในพบว่ากระดูกซี่โครงซี่ที่ 4 ข้างขวาหัก มีรอยช้ำชายโครงข้างขวาและซ้าย พบความผิดปกติเพียงเท่านี้ กระดูกและรอยช้ำไม่สามารถเป็นสาเหตุการเสียชีวิตได้ รอยที่บริเวณชายโครงเกิดจากของแข็งไม่มีคมมากระแทก ยังไม่สามารถตัดประเด็นเรื่อง การเกิดรอยระหว่างปั๊มหัวใจช่วยชีวิต หรือประเด็นของแข็งอื่นกระแทกได้ จึงต้องผ่าเพื่อส่องทางกล้องจุลทรรศน์ โดยจะต้องเก็บอวัยวะไว้ครึ่งหนึ่งตามวิธีการ

ทีมแพทย์ผู้ชันสูตรศพกล่าวว่า การเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุจะอยู่ที่สมองและหัวใจ โดยสมองจะนิ่มมาก จึงต้องใช้วิธีแช่ฟอร์มาลินอวัยวะที่นำไปชันสูตรไม่ให้เน่าเหม็น โดยเก็บสมองและหัวใจทั้งหมดไว้เพื่อทำสไลด์ ส่วนผลทางพิษวิทยา มี 3 ทาง จะต้องเก็บผลทางเลือด กระเพาะ กระเพาะปัสสาวะ ผ่าเพื่อตรวจสารพิษ แต่ตอน ตรวจพบว่าหดเล็กมาก ไม่มีฉี่ในกระเพาะปัสสาวะ ได้เก็บคืนไป อาจจะสังเกตไม่เห็น ส่วนกระเพาะไม่พบเศษอาหาร สรุปในส่วนของอวัยวะที่เก็บไว้ทั้งหมด คือ สมอง หัวใจ กระเพาะอาหาร และสุ่มตัวอย่างอวัยวะไว้ทำสไลด์เพื่อตรวจทางห้องปฏิบัติการ จึงออกรายงานให้เจ้าพนักงาน เมื่อตรวจรายงานมีแนวโน้มไปทางหัวใจ จึงลงรายงานว่าหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน

พ.ท.นรุฏฐ์กล่าวว่าหัวใจล้มเหลวเฉียบ พลันเกิดได้หลายสาเหตุ แต่เก็บตัวอย่างพบว่ากายภาพของหัวใจปกติ จึงต้องตรวจระดับลึก จากการส่องกล้องจุลทรรศน์ พบเซลล์บางตัวที่ไม่ควรพบในเด็กอายุ 19 ปี แต่อาจพบได้เมื่อหัวใจมีพยาธิสภาพผิดปกติ ส่วนเรื่องของการเต้นของหัวใจ สารไฟฟ้านำหัวใจทำให้หัวใจเต้นพลิ้ว หัวใจเต้นผิดปกติ การผ่าชันสูตรไม่สามารถตอบคำถามในส่วนนี้ได้ ต้องใช้วิธีการตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าระหว่างการมีชีวิต ส่วนการนำอวัยวะไปแช่ฟอร์มาลินนั้น ต้องใช้เวลา 10-14 วัน ได้ประสานครอบครัวว่าเก็บไว้และพร้อมคืน แต่ต้องใช้ระยะเวลา โดยให้ประสานผ่านทางตำรวจได้เลย

วันเดียวกัน น.ส.สุพิชชา ตัญกาญจน์ พี่สาวนักเรียนเตรียมทหารที่เสียชีวิต กล่าว ว่าตนไม่ได้กล่าวหาว่าใครขโมยอวัยวะ แค่ อยากจะบอกว่าเอาอวัยวะน้องไปทำไมไม่บอกกล่าวกัน ไม่ได้ปรักปรำว่าใครขโมยอวัยวะน้อง ที่ผ่านมาโรงเรียนเตรียมทหารชี้แจงผ่านแพทย์ที่ชันสูตรศพอาจจะขอตัดชิ้นเนื้อบางส่วน ที่เข้าใจคือคำว่าบางส่วนคือชิ้นเนื้อส่วนเล็กๆ ไม่นึกว่าจะเอาไปทั้งก้อน ทางเราได้รับการอธิบายแค่นั้นว่าแค่ขอตัดไปเพียงบางส่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายพิเชษฐ พ่อผู้ตายกล่าวถึงการเสียชีวิตของลูกว่า ลูกไม่เคยบ่น หรือเล่าว่ามีปัญหากับใคร เพียงแต่รู้ว่ามักถูกลงโทษ และถูกเรียกไปซ่อมเดี่ยวอยู่บ่อยๆ แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ เคยถูกลงโทษโดยรุ่นพี่หัวหน้าหมวดจนชีพจรหยุดเต้นไปแล้วครั้งหนึ่ง เท่าที่ทราบรุ่นพี่นายนั้นถูกปลดชั้นจากหัวหน้าหมวด แต่ก็ไม่เคยคิดว่าสาเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้จะมาจากเหตุการณ์ในครั้งก่อน จึงอยากทวงถามความกระจ่างจากทางโรงเรียนว่า สาเหตุที่แท้จริงคืออะไร ไม่ ใช่เพียงแต่บอกว่าภาวะหัวใจล้มเหลว

ส่วนนางสุกัลยา แม่ผู้ตายกล่าวว่าครั้งแรกที่ลูกชายถูกทำโทษอย่างรุนแรง ด้วยการ ให้ปักหัวลงที่พื้นห้องน้ำจนเกิดอาการช็อก เพราะเลือดตกที่หัว และความดันพุ่งต่ำ ในรายละเอียดไม่ทราบว่าถูกทำโทษเพราะเหตุ ใด และถูกทำโทษนานเท่าใด แต่เมื่อลูกชายถูกปั๊มหัวใจจนมีชีพจรอีกครั้งก็ไม่ติดใจเอาความ แต่ครั้งล่าสุดหัวใจหยุดเต้น ไม่มีผู้ใดชี้แจงถึงรายละเอียด และสาเหตุการเสียชีวิต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน