“ตับ-ม้าม”มีเลือดคั่ง! แม่-พี่คาใจศพ”น้องเมย” ครอบครัวแถลงอีกรอบ เปิดเอกสารผลชันสูตรพลิกศพแต่ร.พ.พระมงกุฎฯไม่ได้อธิบายว่าเกิดจากอะไร ระบุ ซี่โครงซี่ที่ 4 ไม่น่าจะเกิดจากการซีพีอาร์ ขณะที่ผู้เป็นพ่อขอบคุณ”บิ๊กป้อม” ที่ออกมาขอโทษ ยันไม่ได้จ้องทำลาย หรือพาดพิงทำให้กองทัพหรือโรงเรียนเตรียมทหาร เสียหาย แค่ต้องการออกมาค้นหาความจริง ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยแบบที่ผ่านมา จนเกิดเหตุการณ์ขึ้นกับลูกชาย

จากกรณีการเสียชีวิตของนักเรียนเตรียม ทหาร (นตท.) ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ต่อมา พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ได้มีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงพร้อมมีคำสั่งย้าย พ.อ.ฉัตรรัตน์ ดวงรัตน์ ผู้บังคับการกรมนักเรียนเตรียมทหาร เข้าประจำกองบัญชาการกองทัพไทย รวมทั้ง น.ท.นพศิษฐ์ เพียรชอบ ผู้บังคับกองพันนักเรียนเตรียมทหาร เข้าประจำ นาวิกโยธิน เพื่อให้คณะกรรมการสอบสวนได้อย่างโปร่งใส

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่ร้านศิลากาแฟ ต.อ่างศิลา จ.ชลบุรี ครอบครัวของ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ ประกอบด้วย นายพิเชษฐ นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ พ่อ-แม่น้องเมย และ น.ส.สุพิชา พี่สาวได้แถลงข่าวชี้แจงและกล่าวถึงผลการติดตามความคืบ หน้าคดี

นายพิเชษฐกล่าวว่า กราบขอบพระคุณพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ออกมาขอโทษครอบครัว รวมทั้งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่ยังให้โอกาสและความเป็นธรรมกับครอบครัว ขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวเป็นอย่างดี

“ผมอยากฝากทั้ง 3 ท่านให้หาคนที่กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ หรือหาความกระจ่าง ไม่ต้องมากล่าวโทษลูกชายผมที่เสียชีวิตไปแล้ว จึงอยากฝากตรงนี้ไว้ อยากทำให้เกิดความชัดเจนต่อข้อครหาต่างๆ ไม่อยากให้มีการกล่าวโทษลูกชายผมว่าเสียชีวิตจากโรคประจำตัว หรือโดนพ่อแม่บังคับให้มาเรียนเตรียมทหาร หรือกระทั่งบอกว่าเขาพยายามฆ่าตัวตาย ส่วนกรณีที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่า ครอบครัวออกมา ให้ข่าวจนทำให้โรงเรียนเตรียมทหารเสียหายนั้น ผมรู้สึกน้อยใจในเรื่องนี้เช่นกัน เพราะ ไม่ได้มาทะเลาะกองทัพ หรือโรงเรียนเตรียมทหาร แค่ออกมาหาข้อเท็จจริงเหตุการณ์ขึ้นกับลูกชายผม”

ด้านนางสุกัลยา แม่น้องเมย กล่าวว่า หากดูภาพจากโทรศัพท์มือถือที่บันทึกไว้จะเห็นว่าหัวเข่าของน้องเมยเย็บถึง 11 เข็ม โดยมีสาเหตุมาจากช่วงจะสอบกองทัพบกรอบ 2 ได้ไปฝึกว่ายน้ำ ถูกกระเบื้องบาด ไม่สามารถให้ยา สเตียรอยด์ได้ เนื่องจากอาจจะมีผลกระทบเมื่อสอบผ่านจะต้องมีการตรวจสุขภาพอีกรอบหนึ่ง แพทย์จึงได้ให้ยาฆ่าเชื้อมาล้างแผลเท่านั้น ทำให้แผลติดเชื้อ มีหนอง แทบเดินไม่ได้ เมื่อสอบถามน้องเมยว่าไหวไหม ได้รับคำตอบว่าแม้จะเดินไม่ได้ แต่แขนยังมีแรงก็ออกกำลังกายโดยดึงข้อแทน ช่วงไปสอบยังต้องลุ้น อีกว่าบาดแผลที่เย็บไว้จะติดหรือไม่ ซึ่งแสดงให้ว่าน้องเมยมีเจตนาจะเข้ามาเรียนโรงเรียนเตรียมทหารจริง ไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหาในโซเชี่ยล

“การเสียชีวิตของลูกชายเมื่อมีข่าวแพร่กระจายออกไป ได้มีแพทย์คนหนึ่งไม่รู้จักกันได้โทรศัพท์มาหา กรณีที่มีเลือดที่ม้ามและตับนั้น ไม่น่าจะเกิดการทำซีพีอาร์ในการช่วยเหลือ ชีวิตน้องเมย แต่อาจจะเกิดจากการกระแทกมากกว่า พร้อมทั้งแสดงความเสียใจมาด้วย ที่สำคัญก่อนที่จะเสียชีวิตช่วงที่น้องเมยถูกกระทำจนสลบ ทำไมไม่ยอมดูแล นักเรียนทั้งกองพันใจร้ายเหลือเกิน เพราะเมื่อผ่านซีพีอาร์แล้วจะต้องมีการพักฟื้นจะต้องได้รับการเอาใจ ใส่ดูแล แต่ปล่อยให้ถูกทำโทษและทำให้เสียชีวิต ขณะนี้หลายคนให้ความสนใจคิดว่าน้องเมยเปรียบเสมือนลูกหลาน และได้โพสต์ใน เฟซบุ๊ก รวมทั้งในโลกโซเชี่ยลได้ให้กำลังใจอย่างมากมาย ต้องขอขอบคุณด้วย”

ขณะที่น.ส.สุพิชา พี่สาวน้องเมย ได้นำ เอกสารผลชันสูตรที่ได้รับจากสถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 2 แผ่นออกมาชี้แจง โดยระบุว่า ผลการชันสูตรในเอกสารมีข้อมูลตรงกันในเรื่อง กระดูกซี่โครงอันที่ 4 หักด้านขวา แต่มีข้อสงสัยจากข้อความที่ว่า ชิ้นเนื้อจากกล้อง จุลทรรศน์พบว่าตับมีอาการคั่งเลือดเล็กน้อย และม้ามมีลักษณะคั่งเลือด ทั้ง 2 อวัยวะเหล่านี้ มีอาการคั่งเลือดขึ้นมาได้อย่างไร อยากได้คำชี้แจงในเรื่องนี้

“ที่ผ่านมามีการชี้แจงว่า การทำซีพีอาร์ 4 ชั่วโมง เพราะทางครอบครัวขอให้พยายามจนกว่าจะไปถึง อาจเป็นสาเหตุของการ คั่งเลือด แต่ครอบครัวเมื่อได้สอบถามไปยังแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอุบัติเหตุแล้วระบุว่า แม้จะมีการทำซีพีอาร์ 4 ชั่วโมงก็ไม่น่าจะไปถึงม้ามกับตับ เพราะค่อนข้างจะไกลกันจึงอยากได้คำชี้แจงตรงนี้ว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไรกันแน่ ช่วงที่ผ่านมาร.พ.พระมงกุฎฯ ออกมาแถลงข่าวบอกว่า พบเซลล์ในหัวใจของน้องเมยโตผิดปกติจากเด็กอายุ 18-19 ปี โดยทั่วไป แต่อยู่ในระดับนิวเคลียส ซึ่งมันเล็กมาก จนยังไม่ได้ขยายตัวในระดับที่จะก่อโรค ดังนั้นจึงอยากได้คำชี้แจงในเรื่องนี้เพราะหากน้องเมยเสียชีวิตจากภาวะหัวใจโตจริงๆ ทางครอบครัวก็ยอมรับได้ แต่ในส่วนที่น้องเมย มีรอยช้ำประกอบกับการเป็นหัวใจโต เรายังคงต้องสืบหาต่อไปว่าใครทำร้ายน้อง และ สาเหตุดังกล่าวต่อเนื่องกันจนทำให้น้องมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่

น.ส.สุพิชากล่าวด้วยว่า ส่วนการตรวจชันสูตรของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์อยู่ระหว่าง การประชุม เพราะได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจมาเข้าร่วมด้วย และหากจะเริ่มผ่าเมื่อไหร่ทางสถาบันจะให้ทางครอบครัวเข้าร่วม ดูการผ่าชันสูตรด้วย

วันเดียวกัน มีรายงานข่าวจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แจ้งว่า สำหรับผลการตรวจดีเอ็นเอชิ้นส่วนอวัยวะของ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่ได้รับจากโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ นั้นจะต้องรอผลอีก 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากชิ้นส่วนที่ได้รับมาแช่ฟอร์มาลิน ดังนั้นทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จะต้องนำชิ้นส่วน เข้าสู่กระบวนการจัดรูปร่างใหม่ เพื่อตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์ตัวตน ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลา แต่ขั้นตอนดังกล่าวเป็นคนละส่วนกับการพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิต ทั้งนี้ขึ้นอยู่ขั้นตอนการตรวจชิ้นเนื้อ เมื่อมีการย้อมสีซึ่งเป็นขั้นตอนในการพิสูจน์ แต่การตรวจบางตัวต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ได้ เป็นขั้นตอนทางกระบวนการทางด้านพยาธิวิทยา อย่างไรก็ตามผลเบื้องต้นจะสามารถสรุปผลได้ทันวันที่ 30 พ.ย.นี้ แต่หากถ้าติดปัญหาตรงจุดใด ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์คงมีการแถลงรายละเอียด

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ลงนามในคำสั่งที่ 711/60 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยระบุในคำสั่งว่า เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและแนวทางการดำเนินการต่างๆ เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย กรณีนักเรียนเตรียมทหาร ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ ชั้นปีที่ 1 ตอน 13 รุ่น 60 เหล่า ทบ.เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ณ โรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โดยคณะกรรมการ มีทั้งหมด 11 คน ประกอบด้วย พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร เป็นประธานกรรมการ พล.อ.ท.วีรพงษ์ นิลจินดา เจ้ากรมกำลังพลทหาร เป็นรองประธานกรรมการ พล.ท.นเรนทร์ สิริภูบาล เสนาธิการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ เป็นรองประธานกรรมการ พล.ท.ณตฐพล บุญงาม เจ้ากรมข่าวทหาร เป็นกรรมการ พล.ท.ศิราวุฒิ วงศ์ขันตี เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร เป็นกรรมการ พล.ท.ชนินทร์ โตเลี้ยง จเรทหาร เป็นกรรมการ พล.ท. พีรพงษ์ เมืองบุญชู ที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย เป็นกรรมการ พล.ต.พรพิศ รัตนานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหาร เป็นกรรมการ พล.ต.ชนะ ลิมิตเลาหพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานแพทย์ทหาร กรมยุทธบริการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย พ.อ.ที่รัก สร้อยนาค ผู้อำนวยการกองการปกครอง กรมกำลังพลทหาร เป็นกรรมการและเลขานุการ และน.อ.เลิศชัย ภัทรมุทธา รองผู้อำนวยการกองการปกครอง กรมกำลังพลทหาร เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

โดยให้มีอำนาจในการสอบสวนข้อเท็จจริงและเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำหรือซักถาม โดยให้ทางส่วนราชการกองบัญชาการทหารสูงสุด สนับสนุนในเรื่องที่ทางกรรมการร้องขอ และให้รายงานผลต่อผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทราบในโอกาสแรก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน