เตือนระวังหนักอีก ช่วง ก.ค.-ก.ย.64 จากกรณีเหตุระเบิดของโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก ในซอยกิ่งแก้ว 21 อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ข้ามวันข้ามคืนกว่าจะสงบ สร้างผลกระทบไปทั่วรัศมีเกือบ 10 กม.ผวา บ้านใกล้สะเทือนพัง ชาวบ้านดาราต้องหอบครอบครัวย้ายหนีชั่วคราวห่วงมลพิษรุนแรง เช้านี้ยังพบไฟคุขึ้นมาอีก
ขณะที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงคำทำนาย โหรวสุ วสุวัส คำหอมกุล ที่ได้พยากรณ์ดวงเมืองประจำปี 2564 ไว้ตั้งแต่ต้นปี โดยได้ทำนายตอนหนึ่งว่า ส่วนในเขตกทม. ช่วงเดือน พฤษภาคม – กันยายน ให้ระวังจะเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้อาคารขนาดใหญ่ในเมือง หรือเกิดอุบัติเหตุแก๊สระเบิด ที่ส่งผลทำให้มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งอาจจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตพอ ๆ กับเหตุการณ์รถแก๊สระเบิดในปี 2534 นอกจากนี้ปัญหาอาชญากรรมในกทม. จะพุ่งขึ้นสูงมาก จะมีการก่ออาชญกรรมที่เล็กน้อย ๆ ไปจนถึงอาชญกรรมสะเทือนขวัญที่ทำให้มีคนเสียชีวิตจากอาชญากรรมในแต่ละเดือนมากกว่าช่วงปี 2563
ล่าสุด โหรวสุ ยังได้ทำนายดวงเมืองครึ่งปีหลังด้วยว่า
สรุปดวงเมืองครึ่งปีหลัง 2564
ด้านการเมือง
การเมืองในครึ่งปีจะมีแต่ปัญหาการทำงานที่ไม่เป็นเอกภาพของคณะรัฐมนตรี กับหน่วยงานราชการ ก็จะส่งผลกระทบต่อภาคประชาชน และธุรกิจที่รู้สึกสับสนกับการประกาศนโยบาย หรือความช่วยเหลือต่างๆ ที่กลับไปกลับมา โดยเฉพาะช่วง ก.ย. – ต.ค. ที่พอมีประกาศนโยบายใดๆ ไปแล้วก็เกิดทะเลาะกันระหว่างหน่วยงานจนต้องยกเลิกประกาศเดิมแล้วกลับมาแก้ไขใหม่ ส่งผลทำให้ช่วงปลายปี สถานะของรัฐบาลจะไม่ค่อยมั่นคงนัก และอาจจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน และกลุ่มนักธุรกิจเหมือนเก่า รวมถึงการแตกคอกันในพรรคร่วมรัฐบาลทั้งเรื่องแก้ไขรธน. และนโยบายต่างๆ ซึ่งในช่วงเดือนพ.ย. 64 – ก.พ 65 มีโอกาสสูงที่จะมีการประกาศยุบสภา หรืออาจจะเกิดรัฐประหารยึดอำนาจจากกองทัพในช่วงนั้นด้วย
เศรษฐกิจ
ตั้งแต่หลังเดือนก.ย. 64 เป็นต้นไป ที่ดาวราหูล้วงทรัพย์ในมุมการเงินของดวงเมือง และดาวพฤหัสโคจรเป็นนิจ รัฐบาลอาจจะเริ่มมีการกู้เงินก้อนใหญ่อีกรอบ ซึ่งครั้งนี้น่าจะเป็นการกู้เงินก้อนใหญ่จากต่างประเทศ ที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ก้อนโต และสูญเสียอำนาจในการบริหารจัดการนโยบายด้านคลังเหมือนในช่วงปี 2541 ซึ่งอาจจะทำให้ช่วงเดือน ต.ค. – ธ.ค. 64 รัฐบาลมีมาตรการ หรือนโยบายด้านเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อภาคธนาคาร ภาคธุรกิจการลงทุน และการจัดเก็บภาษีของประชาชน ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องที่ทำให้เสถียรภาพ และความเชื่อมั่นของรัฐบาลตกต่ำลงในเรื่องการเมือง และยังทำให้เศรษฐกิจปลายปีที่พอจะพื้นตัวกลับมานั้น กลายเป็นไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่นัก เพราะพอเข้าต้นปี 2565 ที่มาตราการ หรือนโยบายดังกล่าวนั้นเริ่มมีผลบังคับใช้ จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยกลับมาตกต่ำ และมีปัญหาอีกครั้งเหมือนช่วงกลางปี 2564
สังคม
คดีความขึ้นโรงขึ้นศาลจากการฟ้องร้องทวงหนี้ตระกูลดัง และการฉ้อโกงจากการลงทุนของบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม ซึ่งในช่วงเดือนก.ย. – ต.ค. 64 ส่วนเรื่องการระบาดของไวรัสโควิด ยังคงจะมีการระบาดอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปลายเดือนต.ค. 64 ตัวเลขผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตถึงจะเริ่มลดลงมาบ้างเมื่อเทียบกับช่วงกลางปี อย่างไรก็ตามการจำนวนของผู้ติดเชื้อยังคงมีตัวเลขคงที่ต่อไปจนถึงต้นปี 2565 ซึ่งช่วงต้นปี 2565 ช่วงเดือนม.ค. – ก.พ. 65 ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดของไวรัสโควิดรอบ 4 ซึ่งอาจจะซ้ำเติมให้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจในช่วงนั้นให้แย่ลงไปอีก ประกอบสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในช่วงปลายปี 2564 จะทำให้มีคนตกงานเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงต้นปี และจะทำให้คนตกงานเลือกที่จะก่ออาชญากรรม และทำธุรกิจสีเทากันมากขึ้น การเติบโตของธุรกิจสีเทาจะทำให้เกิดกลุ่มผู้มีอิทธิพล และเจ้าพ่อรายใหม่ที่จะเข้ามามีอิทธิพลในสังคม และการเมืองช่วงปี 2565
อุบัติเหตุอุบัติภัย
ดวงเมืองยังมีคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุที่จะทำให้เกิดไฟไหม้ โรงงาน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงานที่เป็นตึกสูง รวมถึงอาจจะมีการระเบิดขนาดใหญ่ของน้ำมัน แก๊ส หรือวัตถุไวไฟต่างๆ ที่อยู่ในภายใน และการถล่มของไซต์งานก่อสร้างขนาดใหญ่ หรือการเคลื่อนย้ายวัสดุหรือสิ่งก่อสร้างที่เป็นพวกคอนกรีต หรือโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ ที่จะทำให้มีคนเสียชีวิตหลายรายในในช่วงเดือน ก.ค. – ก.ย. 64
ราศีที่จะต้องเผชิญหน้ากับปัญหา และเปลี่ยนชีวิตครั้งใหญ่
1. ราศีเมษ
2. ราศีพฤษก
3. ราศีกรกฎ
4 ราศีกันย์
5. ราศีมังกร
คนที่เกิดลัคนาราศีที่กล่าวมาถ้ายังไม่สนใจการเมือง ปัญหาสังคม ไม่เตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจ อาจจะทำให้ชีวิตตกต่ำหันไปก่ออาชญากรรมร้ายแรง และอาจถึงขั้นคิดสั้นได้