ช่างสักจากบราซิลเปลี่ยนแปลงร่างกายแบบสุดขั้ว ไม่ว่าจะเป็นการสักทั่วทั้งร่างกาย ตัดปลายจมูก ฝังเขา และล่าสุดกับการ ตัดนิ้วและฝังเขี้ยว เพื่อทำให้ตัวเองกลายเป็น ‘มนุษย์ซาตาน’

วันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา เดลีเมลล์ ได้นำเสนอเรื่องราวของ ไมเคิล ฟาโร ดู ปราโด วัย 44 ปี จากชายฝั่งปรายา กรานเด ใกล้กับเซาเปาโล ประเทศบราซิล หรือเป็นที่รู้จักในนาม ‘มนุษย์ซาตาน’ จากการเปลี่ยนแปลงร่างกายแบบสุดโต่ง เพื่อให้เหมือนซาตานมากที่สุด จนทำให้มีรูปลักษณ์ที่น่าเขย่าขวัญ ไม่ว่าจะเป็นการสัก ฝังเขา ตัดปลายจมูก และการเปลี่ยนแปลงล่าสุดที่ทำให้ทุกคนตะลึง

มิเชล ฟาโร ดู ปราโด

โดยไมเคิลนั้นทำงานเป็นช่างสักมานานกว่า 25 ปี และเริ่มสักลวดลายต่าง ๆ ลงบนผิวหนังของเขามาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งรอยสักเหล่านี้มักได้มาจากช่างสักมืออาชีพหลายราย โดยเขามักจะมุ่งเน้นไปที่รอยสักแบบถมดำเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งนอกจากร่างกายที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมึกแล้วนั้น ดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็ยังเป็นสีดำสนิทจากการสักลูกตา

เขากล่าวว่าไอเดียการดัดแปลงร่างกายในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่ได้มาจาก แครอล ภรรยาของเขาเอง และเธอยังทำให้ร่างกายของเขากลายเป็นพื้นที่สำหรับการแสดงผลงานชิ้นเอกของตัวเอง เพราะว่าเธอมีความเชี่ยวชาญในด้านการสัก ดัดแปลงหรือเจาะร่างกาย “ภรรยาของผมมีความเชี่ยวชาญในด้านการดัดแปลงและความคิดนั้นก็ทำให้ผมกลายเป็นผลงานชิ้นเอกของเธอ เมื่อพูดถึงเรื่องการสัก!”

แต่ในตอนนี้เขาก็ได้ก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงตัวเองไปอีกขั้น เพราะล่าสุดเขาได้ตัดสินใจตัดนิ้วนางข้างหนึ่งของตัวเองออก และฝังเขี้ยวเงินที่มีลักษณะคล้ายกับงาช้างเข้าไปในปากของเขา โดยการเปลี่ยนแปลงตัวเองในครั้งนี้มีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 5,000 เรียลบราซิล หรือประมาณ 31,000 บาทเท่านั้น

แน่นอนว่าการตัดนิ้วออกในครั้งนี้ไม่ใช่การตัดอวัยวะชิ้นส่วนของร่างกายออกไปครั้งแรกสำหรับเขา เพราะเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา เขาได้เคยตัดปลายจมูกออกและเปิดรูจมูกของตัวเอง แม้ว่าการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นสิ่งที่อันตรายมากก็จริง ทั้งยังอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาว แต่เขาก็ยังยืนยันที่จะทำมัน และก็ทำมันสำเร็จ

นอกจากนี้เขายังอ้างว่าเขาสามารถอดทนต่อความเจ็บปวดได้ดีกว่าคนปกติ และรู้สึกโอเคที่จะต้องทนกับความเจ็บปวดที่มากขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่างกายแบบที่เขาปรารถนา

อย่างไรก็ตามสำหรับการเปลี่ยนแปลงตัวเองในบางกระบวนการนั้น ก็ต้องมีการวางยาสลบบ้างในบางครั้ง แน่นอนว่าเขาก็ชอบที่จะไม่ต้องรู้สึกเจ็บปวดใด ๆ เลยมากกว่า แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับมันเขาก็ยินดี “ถ้าผมต้องรู้สึกเจ็บปวด เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ฉันต้องการ แน่นอนผมจะเผชิญหน้ากับมัน!” ไมเคิลกล่าว

Michel's wife Carol is a body modification specialist and he has said that his body will become her 'masterpiece'

ที่มา : dailymail

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน