พล.ต.ต.จรวย ผลประเสริฐ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร ย้อนรำลึกสมัยเป็นนักเรียนโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ได้เคยถวายงานแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ครั้งเมื่อพระองค์เสด็จฯเยี่ยมโรงเรียน เมื่อปี 2516

ผู้การพิจิตรเล่าว่าสมัยนั้นเรียนอยู่ชั้น ม.ศ.5 อาจารย์ให้ตนเป็นตัวแทนนักเรียน เข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายพระกระยาหารว่างแด่ในหลวงกับสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ที่เสด็จฯมาเยี่ยมนักเรียนในโรงเรียน ตอนนั้นจำได้ว่าตนวางถาดพระกระยาหารว่างผิดที่ผิดทาง ซึ่งปกติแล้วแก้วน้ำต้องอยู่ทางขวามือ แต่ตนกลับด้านถาดพระกระยาหารผิดด้าน พอพระองค์ท่านเห็น ก็ได้ตรัสว่า “เธอมากลับหัว กลับหางให้ฉันหน่อย” แล้วทรงยิ้ม ตอนนั้นรู้สึกเขินมาก แต่พระสุรเสียงที่ตรัสมานั้น เป็นพระสุรเสียงที่แสดงให้เห็นว่าทรงเอ็นดูและไม่ได้ตำหนิติเตียนอะไร ทำให้ตนเกิดความประทับใจในพระองค์ท่านเป็นอย่างมาก ที่ทรงมีจิตเมตตาต่อตนและนักเรียนที่มาถวายการรับใช้

และตอนที่พระองค์ท่านเสด็จพระราช ดำเนินกลับนั้น มีประเพณีอย่างหนึ่งคือ นักเรียนชั้น ม.ศ.ปลายทุกคนต้องมาช่วยกันเข็นรถพระที่นั่ง ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาโดยตลอด ทำให้ตนจดจำมาโดยตลอด

p0105231059p1

ในหลวงทรงเจิมพระพุทธสิหิงค์
“ผมดีใจและโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยอยู่ภายใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ เพราะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เปี่ยมไปด้วยพระเมตตา วิริยะ อุตสาหะ ทรงงานเพื่อพสกนิกรชาวไทยอย่างไม่ย่อท้อมาตลอดที่ทรงครองราชย์ และหากเลือกได้ขอเกิดเป็น ข้ารองพระบาททุกชาติไป ผมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่พระองค์ท่านเสด็จสวรรคต ตรงนี้ไม่มีคำอธิบายใดๆ กับการสูญเสีย พระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยทั่วประเทศ” พล.ต.ต.จรวยกล่าว

คุณยายอัจฉรา ศรีวัฒนะชัย อายุ 82 ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานี อยู่บ้านเลขที่ 3 ถนนพโลรังฤทธิ์ ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี ได้เล่าความประทับใจอย่างหาที่สุดมิได้ เมื่อวันที่ 16-19 พฤศจิกายน พ.ศ.2498 หรือเมื่อ 61 ปีที่แล้ว ครั้งที่ในหลวงและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จประพาสจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมพสกนิกรและประทับค้างแรมในค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของทหารกองพลที่ 6

คุณยายอัจฉราเล่าว่า สมัยนั้นตนเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนสตรีวิลัยวัฒนา ได้รับการติดต่อให้ไปฟ้อนรำพื้นเมืองอีสานถวายเบื้องพระพักตร์ ท่ามกลางพสกนิกรมาเฝ้าฯรับเสด็จอย่างเนืองแน่น สร้างความตื่นเต้นให้กับตนและเพื่อนครูทุกคนที่ได้ร่วมกันฟ้อนรำถวายในวันนั้นเป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้นตนยังได้มีโอกาสเป็นผู้จัดเตรียมพระกระยาหารถวายแด่พระองค์ท่านและพระบรมวงศานุวงศ์ เวลาที่เสด็จฯมาจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ตนประทับใจและได้น้อมนำแนวพระราชดำรัส ใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตมาจนถึงปัจจุบัน

พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านยังเผื่อแผ่มาถึง เรือโทหญิงลักษณียา ศรีวัฒนะชัย บุตรสาวของคุณยายอัจฉรา ซึ่งปัจจุบันรับราชการสังกัดสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดอุบลราชธานี ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ประกอบพิธีสมรสพระราชทาน ระหว่าง เรือโทหญิงลักษณียา ศรีวัฒนะชัย กับ พันเอกอารยะ กลิ่นเฟื่อง ซึ่งรับราชการใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท โดยให้เข้าเฝ้าฯรับพระราชทานน้ำสังข์ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ.2536 ซึ่งพระองค์ท่านและพระราชินี ทรงมอบถุงเงินถุงทองให้เป็นขวัญถุงแก่ลูกสาวและสามีในการสมรสพระราชทานในครั้งนั้น ซึ่งทั้งคู่ได้เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีมาถึงทุกวันนี้

p0105231059p2

1.พลต.ต.จรวย ผลผระเสริฐ ผบก.ภ.พิจิตร 2.พระครูวินัยสมพร จัตตภโย เจ้าอาวาสวัดดอนตูม 3.คุณยายอัจฉรา ศรีวัฒนะชัยวัย 82 ปีกับบุตรสาว

ด้านเรือโทหญิงลักษณียา กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนและครอบครัวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงได้ยึดแนวพระราชดำรัสที่พระราชทานให้แก่พสกนิกรมาใช้ในการทำงาน และจะตั้งใจทำงานตามรอยเบื้องพระยุคลบาท โดยยึดประโยชน์ของประเทศชาติประชาชนเป็นสำคัญ เพื่อนำประเทศไปสู่ความสงบเรียบร้อย เจริญก้าวหน้าตามที่พระองค์ท่านได้ทรงสั่งสอนเอาไว้

พระพุทธสิหิงค์ ที่ประดิษฐานอยู่ภายในพระวิหาร วัดดอนตูม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และถือเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนชาวบ้านโป่ง

พระครูวินัยธรสมพร จัตตภโย เจ้าอาวาสวัดดอนตูม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2505 ในหลวงพระราชทานพระพุทธสิหิงค์ ให้กับชาว อ.บ้านโป่ง ไว้เป็นสิริมงคลแก่บ้านเมือง และเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ โดยมีพระครูโสภณรัตนากร อดีตเจ้าอาวาสวัดดอนตูม เป็นตัวแทนเข้าเฝ้าฯเพื่อรับพระราชทาน ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ทางวัดและชาวบ้านโป่ง ร่วมใจกันสร้างวิหารเพื่ออัญเชิญพระพุทธสิหิงค์พระราชทานขึ้นประดิษฐาน

ต่อมาเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2515 พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี มาทรงประกอบพิธีเจิมและเปิดวิหารพระพุทธสิหิงค์ด้วยพระองค์เอง และยังทรงมีพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. มาประดิษฐานไว้ที่หน้าบันวิหาร และยังได้ทรงเจิมแผ่นศิลาฤกษ์พระอุโบสถหลังใหม่ด้วย

“วันนั้นทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนพสกนิกรที่มาเฝ้าฯรับเสด็จ อยู่บริเวณลานสนามหญ้าหน้าวัดเป็นจำนวนมากอย่างมิได้ถือพระองค์ สร้างความปลื้มปีติแก่เหล่า ผู้ที่มาเข้าเฝ้าฯ จากนั้นเป็นต้นมาในทุกวันสงกรานต์ ปีใหม่ไทย ชาวบ้านโป่งจะอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ทำพิธีแห่เพื่อให้ชาวบ้านกราบไหว้สักการะและสรงน้ำอย่างใกล้ชิด สร้างบุญกุศล และที่สำคัญถือเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อชาวบ้านโป่ง” พระครูวินัยธรสมพรกล่าว

พันจ่าอากาศเอกหญิงนันทพร ศรีวังแก้ว อายุ 38 ปี สังกัดฝ่ายกิจการพลเรือน กองบิน 7 จังหวัดสุราษฎร์ธานี เผยเรื่องราวเมื่อ 29 ปี ที่ผ่านมา ครั้งเจ้าตัวได้เข้าเฝ้าฯรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขณะที่มีอายุเพียง 9 ขวบ

เจ้าตัวเล่าว่าเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2530 พ่อหลวงเสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อทรงเปิดเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน โดยเครื่องบินพระที่นั่งของกองทัพอากาศ ลงจอด ณ ลานจอดอากาศยาน กองบิน 7 ขณะนั้นพ่อของตนเป็นช่างอากาศได้ปฏิบัติหน้าที่รับ – ส่งเสด็จ โดยพาตนและพี่สาว ไปรอส่งเสด็จพระองค์ท่านด้วย พ่อจูงมือตนกับพี่สาวไปดูเครื่องบินพระที่นั่ง ตอนนั้นตนไม่รู้เลยว่าพ่อหลวงท่านเหนื่อยแค่ไหนและไม่รู้ว่าท่านทำเพื่อประชาชนคนไทยแค่ไหน รู้แค่ว่าท่านคือในหลวง รัชกาลที่ 9 เวลาที่รอส่งเสด็จก็เล่นตามประสาเด็กๆ กับเพื่อนๆ น้องๆ ซึ่งก็เป็นลูกหลานของข้าราชการในกองบิน 7

p0105231059p3

พ.จ.อ.หญิงนันทพร ศรีวังแก้ว

“ถึงเวลาเสด็จฯจำได้ว่านั่งอยู่แถวหน้า เมื่อพ่อหลวงเสด็จฯมาถึงพระองค์ท่านเดินมาทักทายพวกเรา และคำพูดของพ่อหลวงที่ทรงเอ่ยถามตรงหน้าคือ ดึกแล้วไม่ง่วงนอนกันเหรอ นั้นคือภาพที่ได้เข้าเฝ้าฯพระองค์อย่างใกล้ชิด และอยู่ในความทรงจำเรื่อยมาจนปัจจุบัน ที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้เฝ้าฯส่งเสด็จพ่อหลวง มาวันนี้ได้รับราชการทหารและเป็นข้าฯของแผ่นดิน เป็นทหารของพระราชาในรัชกาลที่ 9 พร้อมสัญญาว่าจะปฏิบัติหน้าที่การเป็นทหารให้ดีที่สุด ให้สมกับที่ปฏิญาณตนต่อหน้าธงชัยเฉลิมพล” พ.จ.อ.หญิงนันทพรกล่าว

เปิดแนวทางจัดงานประเพณีช่วงพระราชพิธีพระบรมศพ

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่กระทรวงวัฒนธรรม ภายหลังการประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) ว่า ตามที่สำนักพระราชวังประกาศเกี่ยวกับเรื่องพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต และข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับเรื่องการจัดงานรื่นเริงบันเทิงต่างๆ 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยที่ประชุม กวช.ได้หารือกำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนในกิจกรรมเทศกาลประเพณี และศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ที่เหมาะสมในช่วงงานพระราชพิธีพระบรมศพ

พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ประชุมหารือกับผู้ทรงคุณวุฒิด้านวัฒนธรรม ผู้แทนจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีข้อสรุปดังนี้ ประเพณีลอยกระทง เห็นสมควรให้จัดตามประเพณีท้องถิ่นที่สืบทอดกันมา เช่น ทำบุญ ตักบาตรปฏิบัติธรรม ฟังเทศน์ ตามประเพณีของแต่ละท้องถิ่น ยกเว้นการประกวดนางนพมาศและการจัดคอนเสิร์ต ส่วนการเฉลิมฉลอง เช่น จุดพลุ ตะไล ดอกไม้ไฟ ควรจุดอย่างระมัดระวังและจุดในสถานที่เหมาะสมและได้รับอนุญาตจากทางราชการ

ส่วนเทศกาลกฐินให้พิจารณาตามความเหมาะสม งดเฉพาะส่วนที่เป็นมหรสพหรือความบันเทิง แต่ยังสามารถจัดงานตามประเพณีได้ โดยการปฏิบัติในการถวายผ้าพระกฐินพระราชทานปี 2559 ให้ตั้งโต๊ะหมู่ ตั้งเครื่องถวายราชสักการะมีพิธีเปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพถวายราชสักการะเหมือนเดิม บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี คำกล่าวถวายผ้าพระกฐินใช้คงเดิม ส่วนการแต่งกายในงานกฐินพระราชทาน ประธานและข้าราชการแต่งชุดปกติขาวไว้ทุกข์ตามระเบียบราชการ ส่วนภาคเอกชนใส่สูทสากลไว้ทุกข์ หรือผ้าไทยพระราชทานแขนยาว

ส่วนประเพณีอื่นๆ เช่น คริสต์มาส ดำเนินการได้ตามความเหมาะสม วันขึ้นปีใหม่ เน้นการสวดมนต์ข้ามปี ตรุษจีน ให้เป็นไปตามประเพณีคนไทยเชื้อสายจีน และประเพณีสงกรานต์ ดำเนินการตามประเพณีท้องถิ่น

พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวอีกว่า การจัดงานรื่นเริงดำเนินการได้ แต่ควรมีความเหมาะสมเป็นไปตามบริบทของพื้นที่นั้นๆ ให้ยกเว้นการจัดคอนเสิร์ต สำหรับการแต่งกายในงานประเพณีเห็นควรให้แต่งกายสุภาพเรียบร้อย เหมาะสมกับกิจกรรมประเพณีนั้นๆ แต่ให้มีสัญลักษณ์การไว้อาลัย เช่น ติดโบสีดำ ขณะที่สถานประกอบการ สถานบันเทิง สามารถเปิดดำเนินการได้ตามความเหมาะสมตามบริบทของแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ วธ.ได้วางกรอบปฏิบัติไว้แล้วจากนั้นจะร่วมหารือในระดับจังหวัดและท้องถิ่น เพื่อดูแลควบคุมการจัดงานในพื้นที่ต่างๆ เชื่อว่าทุกคนมีสำนึกว่าอะไรควรหรือไม่ควร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน