สาวแฉ เจอหนุ่มจับหน้าอกบนรถเมล์สาย 8 เอะใจถ่ายคลิปไว้ เห็นจะจะยื่นมือลอดเบาะมาจับโวยวายแต่ไร้คนช่วย ขณะที่หนุ่มในคลิปอ้างไม่ได้ทำ เป็นความเข้าใจผิด แล้วฉวยโอกาสวิ่งหนีลงจากรถ เลยโพสต์แฉในเฟซบุ๊ก ล่าสุดเหยื่อสาวออกมาแฉอีกหลายราย และเตรียมเข้าแจ้งความดำเนินคดี ด้านตร.ชี้ภาพจากคลิป ความผิดทำอนาจารชัดเจน โทษมีทั้งจำคุกและปรับ

 

จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์คลิปวิดีโอพร้อมข้อความว่า “แฟนผมขึ้นรถไปซื้อของแต่เจอโรคจิต โดนจับ 2-3 ครั้งถึงจะรู้ตัวได้ถ่ายคลิปไว้” ซึ่งในคลิปดังกล่าวเป็นภาพระหว่างที่แฟนสาวผู้โพสต์นั่งอยู่บนรถโดยสารประจำทางสาย 8 วิ่งระหว่างแฮปปี้แลนด์-สะพานพระพุทธยอดฟ้า ก่อนมีมือปริศนาลอดผ่านช่องว่างระหว่างเบาะรถมาพยายามจับหน้าอก ทำให้เหยื่อสาวโวยวาย ทว่าชายคนดังกล่าวอ้างไม่ได้ทำแต่อย่างใด

ล่าสุด “ข่าวสด” ได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.พนิดา เชียรชนา อายุ 24 ปี ผู้ถ่ายคลิปกล่าวว่า “วันเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. วันที่ 26 พ.ย. ตนเดินทางมาจากจ.สระบุรี และมาต่อรถที่อนุสาวรีย์ชัยฯ และขึ้นรถโดยสารประจำทางสาย 8 ต่อไปยัง สำเพ็ง เพื่อรับกระเป๋าไปขายที่บ้าน”

“ช่วงที่รถเมล์ขับมาถึงแยกยมราช รู้สึกถึงความผิดปกติเหมือนมีอะไรมาโดนหน้าอก แต่ก็คิดว่าเป็นสายกระเป๋าที่สะพาย แต่พอผ่านไปเรื่อยๆ ก็เป็นอย่างเดิมถึง 2-3 ครั้ง จึงตัดสินใจเปิดกล้องหน้าโทรศัพท์ เพื่อถ่ายคลิปวิดีโอ พักเดียวเห็นมือปริศนาพยายามล้วงผ่านซอกเบาะรถมาจับหน้าอก จึงลุกขึ้นโวยวายและถามว่าทำแบบนี้ทำไม โรคจิตหรือเปล่า? แต่ชายคนนั้นกลับปฏิเสธและบอกว่าเข้าใจผิด ไม่ได้ทำ แต่ตัวเองก็ยืนยันได้ถ่ายคลิปไว้จะเข้าใจผิดได้อย่างไร ชายคนนั้นก็ยังไม่ยอมรับและรีบวิ่งลงจากรถไป ซึ่งคนบนรถเองก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย นั่งเงียบกันทั้งหมด” สาวผู้เสียหายกล่าว

น.ส.พนิดากล่าวอีกว่า ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตกใจมาก เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ปกตินั่งรถเมล์สายนี้สัปดาห์ละครั้ง เพื่อไปซื้อกระเป๋ากลับไปขายที่สระบุรี พอมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นก็คงต้องระวังมากกว่าเดิม และต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้

อย่างไรก็ตามหลังจากที่คลิปดังกล่าวได้มีการเผยแพร่ออกไปในโลกโซเชี่ยล ได้มีผู้เสียหายรายอื่นอีก 4 รายเข้ามาแสดงความเห็นในทำนองเดียวกันโพสต์ว่าเคยเจอชายรูปร่างหน้าตาคนเดียวกับในคลิปพยายามลวนลามบนรถประจำทางเช่นกัน

โดยน.ส.ปรียา ปราณีตพลกรัง อายุ 24 ปี อีกหนึ่งผู้เสียหายที่ถูกชายคนดังกล่าวลวนลาม กล่าวว่า ช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. วันที่ 18 ส.ค. ตนและเพื่อนอีกคนได้ขึ้นรถโดยสารประจำทางสาย 8 บริเวณป้ายรถเมล์ซอยลาดพร้าว 122 เพื่อไปมหาวิทยาลัย ระหว่างที่รถขับมาถึงสะพานควายรู้สึกเหมือนมีอะไรมาถูกบริเวณใกล้ๆหน้าอกประมาณเกือบ 10 ครั้ง ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรจนสงสัยและเปลี่ยนมาลองนั่งแบบหลังไม่พิงเบาะดู เห็นมือชายคนหนึ่งพยายามสอดผ่านช่องว่างเบาะรถมาจับหน้าอก จึงลุกขึ้นโวยวายและด่า แต่ชายคนดังกล่าวได้ปฏิเสธและบอกว่าเป็นการเข้าใจผิด แต่ตนไม่ยอมและต่อว่า ก่อนที่จะย้ายที่นั่งและไปบอกคนขับรถและกระเป๋ารถเมล์ ทว่าทั้งสองกลับไม่ได้พูดหรือช่วยเหลืออะไรเลย

น.ส.ปรียากล่าวอีกว่า จากนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นรถมาและเดินไปนั่งตรงเบาะที่ตนนั่งข้างหน้าชายคนดังกล่าว ตนเลยตะโกนบอกให้เขาระวังชายคนนั้นเป็นโรคจิต และพยายามลวนลามตนเมื่อครู่

เมื่อถามต่อว่าวันนั้นได้แต่งกายล่อแหลมหรือกระโปรงสั้นหรือไม่ น.ส.ปรียากล่าวต่อว่า วันนั้นแต่งตัวไปเรียนตามปกติ ใส่กระโปรงพลีตยาวถึงขาเลยด้วยซ้ำ และเสื้อติดกระดุมถึงคอด้วย

นอกจากนี้ได้ตรวจสอบพบด้วยว่า ชายที่เป็นผู้ต้องสงสัยทำงานอยู่ที่สนามบินแห่งหนึ่ง และก่อเหตุลักษณะนี้หลายครั้งบนรถเมล์ ขณะที่โลกออนไลน์มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นให้เหยื่อสาวที่โดนลวนลามทั้งหมดแจ้งความเอาผิดชายโรคจิต เพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุซ้ำกับเหยื่อสาวรายอื่นๆ อีก โดยกลุ่มสาว ผู้เสียหายเตรียมเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ ชายผู้ต้องสงสัย

พ.ต.ท.ปองพล เอี่ยมวิจารย์ รอง ผกก.ฝอ.5 บช.ศ. ฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวได้ตรวจสอบคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นลักษณะที่ชายกำลังยื่นมือมาจากด้านหลังเบาะที่นั่งรถเมล์เพื่อที่จะลวนลามผู้เสียหาย ถึงจะไม่เห็นตอนกระทำความผิด แต่จากหลักฐานดังกล่าวถือว่าเพียงพอแล้วที่จะดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ลักษณะการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำความผิดป.อาญา ม.278 กระทำอนาจาร มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“จากในคลิปภาพโชคดีที่เกิดเหตุมีคนค่อนข้างเยอะอยู่ด้วย เนื่องจากอยู่บนรถโดยสารประจำทาง แต่หากที่เกิดเหตุเป็นที่เปลี่ยวขอให้ตั้งสติเอาชีวิตรอดเอาไว้ก่อน ส่วนกรณีที่มีการก่อเหตุกับผู้เสียหายรายอื่นๆ ก่อนหน้านี้ 2-3 รายนั้น การกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระผู้ก่อเหตุจะต้องรับโทษเพิ่มเติม หากผู้ที่คิดจะกระทำการดังกล่าวถือว่าเป็นความผิดทางอาญามีโทษหนัก ทั้งนี้สุภาพสตรีที่ถูกกระทำการลักษณะดังกล่าวขอให้เข้าแจ้งความในพื้นที่เกิดเหตุต่อไป” รองโฆษกตร. กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน