จากกรณี นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล พิธีกรชื่อดัง ที่อยู่ระหว่างการรักษาพยาบาลด้วยอาการโควิด-19 ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ได้ออกไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก ว่ามีแพทย์โทรมาบอกว่าให้ย้ายออกจากโรงพยาบาลให้ไปรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ทั้งที่ยังไม่หาย ซึ่งทางรพ.ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า คนไข้อาการดีขึ้นจึงอนุญาตให้กลับบ้านไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติ
เมื่อเวลา 13.00 น. นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลปิยะเวท จำกัด (มหาชน) ได้ตอบข้อซักถามถึงประเด็นข้อสงสัยต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องการให้ผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล โดยเมื่อถามถึงการใช้เครื่องช่วยหายใจ นพ.วิทิต กล่าวว่า คำว่าเครื่องช่วยหายใจ ถ้าถึงขั้นใส่ท่อไม่ถึงขั้นนั้น แต่เมื่ออาการแย่ลงอาจจะใช้เครื่องช่วยให้หายใจได้ดีขึ้นเครื่องนั้น เพื่อสามารถได้ออกซิเจนได้มากขึ้น คุณณวัตน์ บางครั้งก็ใส่ บางครั้งก็ไม่ได้ใส่ ขึ้นอยู่กับ เหนื่อย หรือมีการออกกำลังกาย หรือ มีกิจกรรมในห้อง
เมื่อถามว่า คนไข้อ้างว่าคนไข้ยังไม่ดีขึ้น เราใช้วิธีประเมินอย่างไร นพ.วิทิต กล่าวว่า เราใช้วิธีการวัดออกซิเจนที่ปลายนิ้ว เมื่อเห็นว่าค่าสูงพอที่จะพักฟื้นที่บ้านหรือฮอสพิเทลได้ ก็พบว่า ค่าขึ้นมาค่อยข้างเยอะ แต่ไม่ถึงขั้น 100% เหมือนคนปกติ
เมื่อถามว่า นายณวัตน์ ยังดูเหนื่อย หอบและต้องใช้ออกซิเจนอยู่ ทำไมจึงให้กลับบ้าน นพ.วิทิต กล่าวว่า เครื่องดังกล่าวเป็นที่ครอบเพิ่มออกซิเจน ไม่เหมือนเครื่องในไอซียู สามารถถอดได้ ถ้ามีกิจกรรมเช่นพูดนาน หรือ ออกกำลังกาย ช่วงพักฟื้นก็สามารถมีอาการเหนื่อยได้
เมื่อถามว่า มีแชทหลุดว่า นายณวัตน์ ได้นำเครื่องออกกำลังกายมาด้วย นพ.วิทิต กล่าวว่า เป็นเครื่องใช้ธรรมดา ไม่ได้เป็นเครื่องใหญ่ๆ ผมไม่แน่ใจ ผมไม่ได้เก็บรายละเอียดว่าเป็นอะไร แต่เครื่องใหญ่ๆ ไม่สามารถขนมาได้ เป็นเพียงเครื่องออกกำลังกายเล็ก ขอไม่ตอบดีกว่า
เมื่อถามว่า การไลฟ์ทำให้ รพ.เสียหายหรือไม่ และจะมีการเอาผิดหรือไม่ นพ.วิทิต กล่าวว่า นโยบายของรพ. เราดูแลทั้งร่างกายและจิตใจ คนที่ไม่สบายอาจจะไม่พร้อมต่อการสื่อสาร อาจจะไม่สบายใจ พอเวลาไม่สบายตัวก็ไม่สบายใจไปด้วย คงไม่ได้ดำเนินคดีอะไร รพ.พยายามจะหาทางจบลงด้วยดี เช่นการแถลงในวันนี้ ว่า เรียบร้อย และมอบหมายให้แพทย์ติดตามอาการต่อไป ส่วนเรื่องที่ นพ.วิชัย ถูกพาดพิง นพ.วิชัย จะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะดำเนินการอะไรหรือไม่
นพ.วิทิต กล่าวว่า ขอชี้แจงว่า เราไม่ได้ไล่คุณหมอออก เวลามีประเด็นความขัดแย้ง เมื่อเกิดความไม่สบายใจก็จะให้พักผ่อน ให้สบายใจก่อน จริงๆ เราได้สอบหาข้อเท็จจริงภายในอยู่แล้ว อย่างเมื่อวันที่ 22 ก.ค. กรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้มีการสอบถามเรื่องนี้เช่นกัน มีการสอบถามว่า รพ.มีการทำอะไรที่ละเมิดคนไข้หรือไม่
“เป็นเรื่องปกติ ที่คนไข้จะบอกว่าไม่พร้อมจะกลับบ้าน มีทุกโรงพยาบาล เท่าที่ ในความเห็นส่วนตัวของผม ฟังคุณหมอก็พูดด้วยความปกติ ไม่ได้ใช้อำนาจหรืออะไร ได้ทำหน้าที่ของแพทย์โดยสมบูรณ์ทั่วไป จริงๆ เหตุการณ์แบบนี้นานๆ จะเกิดที ถ้าเหตุการณ์จบลงด้วยดีเจ้าหน้าที่ก็มีกำลังใจดูแลคนไข้อีกเยอะ โรงพยาบาลไม่ได้ติดใจที่จะร้องขออะไร”
เมื่อถามว่า รพ.ห้ามการไลฟ์หรือไม่ นพ.วิทิต กล่าวว่า โดยทั่วไปไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปในโรงพยาบาล แต่ในห้องส่วนตัว คนไข้จะเฟซบุ๊กไลฟ์ก็ไม่ได้ออกกฎห้ามโดยตรง แต่การพาดพิงองค์กรหรือบุคคลที่สามก็ต้องรับผิดชอบในส่วนนี้
