“เก่ง” เขียนจดหมายส่งให้พ่อแม่หมอปอ อ้างอึดอัดนิสัยแฟนสาวบอกโดนทุบตีตลอด ซ้ำมีปัญหาเรื่องเงิน พร้อมขอโทษและสำนึกผิด แต่พ่อแม่ไม่เชื่อ บอกถ้าไม่รักหมอปอน่าจะบอกกันดีๆ ยกเลิกงานแต่งก็แค่อับอาย ไม่เห็นต้องฆ่าแกงกันแบบนี้ เปรยถึงพ่อแม่เก่ง ระบุสนิทกัน แต่ขนาดมาชุมพรยังไม่มางานศพ พี่ชายเผยอยากให้ประหาร ด้าน “น้องมล” ถูกคุมตัวเข้าเรือนจำ หลังญาติไร้เงินประกันตัว ชี้ไม่เคยรู้จักเก่ง แถมครอบครัวก็ไม่ได้ร่ำรวย จนท.ระบุเก่งเริ่มเครียด ผบ.คุกสั่งนักโทษชั้นดีคอยจับตา

จากกรณีนายรณชัย หรือเก่ง ปานชาติ อายุ 26 ปี พนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.หลังสวน จ.ชุมพร ใช้อาวุธปืนยิง น.ส. นนทิญา ครัวจัตุรัส หรือหมอปอ อายุ 25 ปี เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข โรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร แฟนสาวที่จะแต่งงานกันจนเสียชีวิต โดยอ้างว่าไม่อยากแต่งงาน และถูกกดดันอย่างหนัก ต่อมาตำรวจจับกุม น.ส.นฤมล ช่วยสมบัติ อายุ 23 ปี พนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.หลังสวน กิ๊กสาวของนายเก่ง หลังมีหลักฐานเชื่อได้ว่าอาจเกี่ยวข้อง หรือมีส่วนรู้เห็น โดยน.ส.นฤมล อ้างว่า นายรณชัย ให้เงิน 7 พันบาทไปซื้อปืน โดยบอกว่าเอาไว้ป้องกันตัว พร้อมทั้ง ขับรถไปส่งและรับกลับมา แต่ไม่มีส่วน รู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้ควบคุมตัวน.ส.นฤมล ส่งตัวไปยังศาลจังหวัดชุมพร เพื่อฝากขังผัดแรก ซึ่งขณะตำรวจควบคุมตัว น.ส.นฤมล ออกจากห้องขังบนโรงพักเพื่อขึ้นรถยนต์ที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ สีหน้าของ น.ส.นฤมล ดูเรียบเฉย โดยเมื่อคืนตำรวจได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าดูตลอดทั้งคืนเกรงว่าจะคิดสั้น

ต่อมาเมื่อเวลา 11.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว น.ส.นฤมล มาถึงศาลจังหวัดชุมพรเพื่อขออำนาจศาลฝากขัง พร้อมทั้งคัดค้านการประกันตัว ซึ่งศาลก็ได้รับคำร้องฝากขัง พร้อมทั้งตีราคาหลักทรัพย์ประกันตัวไว้ในวงเงิน 6 แสนบาท ขณะที่พ่อแม่และญาติของ น.ส.นฤมล ก็ได้เดินทางมาที่ศาลด้วย พร้อมทั้งนำที่ดินมาตีราคาเพื่อยื่นประกันตัว แต่เนื่องจากเป็นวันหยุดจึงไม่สามารถนำ หลักทรัพย์ไปยื่นได้ รวมทั้งไม่มีเงินจำนวน 6 แสนตามที่ศาลตั้งวงเงินไว้เพราะเตรียม หลักทรัพย์มาไม่พอ จึงไม่สามารถประกันตัวน.ส.นฤมลได้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวน.ส.นฤมล ส่งเข้าเรือนจำต่อไป

ในขณะที่ญาติกล่าวว่า ทางครอบครัว ไม่เคยเจอหรือรู้จักกับนายรณชัยเลย อีกทั้งที่บ้านก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยแต่อย่างใด จึงไม่เคยรับรู้ว่าน.ส.นฤมล คบหากับนายรณชัยแต่ อย่างใด

ด้าน น.ส.ดุษสิยา วงศ์วาสนา ยุติธรรมจังหวัดชุมพร พร้อมด้วยนายวงศ์วัฒนา มัชฌิมสถิตย์ ประธานอสค.จังหวัดชุมพร และเจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้เดินทางไปที่บ้านผู้เสียหายเพื่อแจ้งสิทธิและรับคำขอค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทน ผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่าย แก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยนายณรงค์ พลละเอียด ผวจ.ชุมพร จะเดินทางไปร่วมงานศพเพื่อเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวของหมอปอ ที่เป็นข้าราชการ และจะได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่งแก่ครอบครัวหมอปอด้วย

วันเดียวกัน นายดำรงค์ บัวฤทธิ์ ผบ. เรือนจำจังหวัดชุมพร กล่าวถึงการควบคุมตัวนายรณชัย ว่าทางเรือนจำจังหวัดชุมพรได้รับตัวนายรณชัยมาอยู่ในการควบคุมเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยได้จัดทำประวัติผู้ต้องขัง ตรวจสุขภาพร่างกาย และนำตัวไปคุมขังยังแดนแรกรับของเรือนจำ

นายดำรงค์กล่าวต่อว่า จากการตรวจสุขภาพนายรณชัย ไม่มีโรคประจำตัว สุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ซึ่งนายรณชัยมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด โดยตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งจัดผู้ต้องขังชั้นดีคอยดูแลด้วย ส่วนการปฏิบัติในเรื่องอื่นๆ ก็ทำเหมือนกับผู้ต้องขังทั่วไป ตามระเบียบ กรมราชทัณฑ์ไม่มีอะไรพิเศษ ทั้งนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากครอบครัวและญาติในการขอเข้าเยี่ยมนายรณชัยแต่อย่างใด

นายดำรงค์ยังกล่าวถึงกรณีศาลอนุมัติ ฝากขังน.ส.นฤมล ว่าเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ เรือนจำได้รับตัวน.ส.นฤมล มาควบคุมตัว แล้วเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้ตรวจสุขภาพร่างกาย และจัดทำประวัติ ผู้ต้องขังตามระเบียบของเรือนจำ ขณะนี้ก็ ได้ถูกนำตัวไปควบคุมไว้ยังแดนหญิงแล้ว โดยพบว่าน.ส.นฤมลมีอาการนิ่งและเครียดเล็กน้อย

ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ โดยให้ทางเรือนจำดูแล ผู้ต้องขังเหมือนกับผู้ต้องขังทั่วไปตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ แต่ในช่วงแรกก็ให้จัดเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะเกรงว่าผู้ต้องขังที่เข้าใหม่อาจจะมีความเครียด หรืออาจถูกทำร้ายร่างกายได้

ต่อมาเมื่อเวลา 17.30 น. วันเดียวกัน นายณรงค์ พลละเอียด ผวจ.ชุมพร เดินทางไปร่วมงานสวดพระอภิธรรม น.ส.นนทิญา ที่บ้านเลขที่ 50 หมู่ 10 ต.ทุ่งระยะ อ. สวี จ.ชุมพร ซึ่งคืนนี้เป็นคืนที่ 4 โดยมี นายเชาว์ นางสมศรี และ นายบำรุง ครัวจัตุรัส พ่อแม่และพี่ชาย รวมทั้งญาติๆ ของหมอปอให้การต้อนรับ ซึ่งนายณรงค์ได้มอบเงินสดส่วนตัวจำนวนหนึ่งให้พ่อและแม่ของหมอปอเพื่อช่วยเหลือเบื้องต้น นอกจากนี้ครอบครัวได้เล่าถึงความยากลำบากที่ต้องส่งเสียหมอปอเรียนวิชาทันตกรรมที่วิทยาลัยสาธารณสุขจังหวัดตรัง หมดเงินไปเกือบ 3 ล้านบาท และลูกสาวทำงานเป็นพนักงานราชการได้เพียง 4 ปีเท่านั้น ซึ่งกำลังจะได้รับการบรรจุในเร็วๆ นี้ แต่ต้องมาเสียชีวิตเสียก่อน พร้อมทั้งทิ้ง หนี้สินที่กู้สหกรณ์ไว้อีกหลายแสนบาท แต่ ก็ต้องยอมรับภาระดังกล่าวเพื่อลูกจะได้ไปสบาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างนั้น นายเชาว์และนางสมศรี ได้นำจดหมายของนายรณชัย หรือ “เก่ง” ที่เขียนขอโทษพ่อและแม่ของ น.ส.นนทิญา ฝากร้อยเวรเจ้าของคดีมาให้ก่อนที่จะเข้าไปในเรือนจำ โดยระบุว่า “ผมต้องขอโทษพ่อ แม่ พี่แปด้วย ที่ได้ทำแบบนี้ ลึกๆ แล้วผมก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ ไม่มีใครอยากเป็นคนเลว ไม่มีใครอยากติดคุกเลยครับ ผมกับปอมีปัญหาด้วยกันหลายอย่าง ไม่ใช่แค่เรื่องผู้หญิงอื่น แต่มันมีเรื่องเงิน เรื่องการ ไม่เข้าใจกัน เพราะพ่อกับแม่ก็คงรู้ดีว่า นิสัยส่วนตัวของน้องปอเป็นแบบไหน เวลามีอะไรปอไม่เคยบอกคนที่บ้านเลย ปอมีอคติกับ คนที่บ้านผม และยิ่งอยู่ด้วยกันก็เข้ากันไม่ได้เลย ผมโดนทุบตีตลอด แต่เรื่องดีดีปอก็มีเยอะ ปอไม่เคยนอกใจผมเลย ไม่เคยคบใคร แต่เรื่องความใจร้อน ปอใจร้อนมาก พ่อกับแม่ถามเพื่อนๆ ปอได้เลย ถามพี่เดือน น้องกิ๊บ ได้ว่าทะเลาะกันบ่อยแค่ไหน แล้วเวลาทะเลาะ มีแต่ปอที่เสียงดังอยู่ตลอด ปัญหามันเยอะมากจนอึดอัดไปหมด ผมรักพ่อกับแม่นะครับ และต้องขอโทษพ่อกับแม่ด้วย ผมสำนึกผิดแล้ว ผมต้องขอโทษจากใจจริงว่าผมผิดไปแล้ว พ่อกับแม่ไม่ต้องยกโทษให้ผมก็ได้ครับ” ลงชื่อ เก่ง

เบื้องต้นนายเชาว์และนางสมศรีบอกว่า พวกตนไม่เคยเชื่อ เพราะรู้ว่าลูกสาวเคย ถูกนายเก่งทำร้ายร่างกายหลายครั้ง แต่เพราะลูกสาวยังรักนายเก่งมากจนอดทนและกำหนดจะแต่งงานกัน รวมถึงเรื่องเงินที่ระบุไว้ในจดหมายด้วย

“ถ้าเก่งไม่รักหมอปอก็น่าจะบอกกันดีๆ เรื่องยกเลิกการแต่งงานก็แค่อับอายเท่านั้น ไม่ควรลงมือฆ่าแกงกันแบบนี้ นี่ขนาดสองครอบครัวสนิทกัน พ่อแม่เก่งมาถึงชุมพรแต่ยังไม่มางานศพเลย ส่วนเรื่องการเผาศพที่กำหนดไว้วันที่ 24 ธ.ค.นี้ ก็จะขอเลื่อนไปก่อนเพราะต้องรอญาติๆ และเพื่อนๆ ส่วนจะกำหนดวันไหนจะแจ้งอีกครั้ง” นายเชาว์กล่าว

ด้านนายบำรุง พี่ชายหมอปอกล่าวว่า อยากให้ศาลลงโทษประหารชีวิตนายเก่งเพียงสถานเดียว เพราะพฤติกรรมก่อนหน้านี้เพิ่งทราบว่า นายเก่งเคยวางแผนสังหารครอบครัวของตนด้วย เนื่องจากตรวจสอบพบว่ายางรถยนต์ของหมอปอที่เพิ่งเปลี่ยนยางใหม่เพียง 7 วัน แต่มีรอยไหม้จากการถูกเผาที่ล้อหน้าด้านขวา ซึ่งรถคันนี้นายเก่งนำไปใช้อยู่เสมอ จึงคิดว่า น่าจะเป็นฝีมือของนายเก่งด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน