เค้นสอบหัวหน้าแก๊งยากูซ่า วัย 72 หนีคดีฆ่าจากญี่ปุ่นกบดานไทยนาน 13 ปี โดนจับได้คาตลาดเมืองลพบุรีเหตุชอบโชว์รอยสักให้วัยรุ่นดู ก่อนตร. แกะรอยจากโซเชี่ยล แฉมีสมาชิกแก๊ง 2 หมื่นกว่าคน-ทำธุรกิจผิดกม. แต่ยังปฏิเสธไม่ได้สังหาร สอบพบหนีมาตั้งแต่ปี 48 ก่อนทำอาชีพรับจ้างทาสีบ้าน-แบกข้าว โดยมีเมียคนไทยแต่เลิกราไป เหตุชอบนำเงินไปเล่นพนัน ที่ผ่านมาต้องทำตัวเป็นจุดสนใจน้อยที่สุด ชาวบ้านต่างงงเป็นยากูซ่า บอกตอนนี้ต้องอาศัยป้อมตำรวจเก่าเป็นที่พัก ด้านรองผบ.ตร.เอาผิดฐานเข้าเมืองผิดกม.-อยู่เกินกำหนด-เป็นคนต่างด้าวไม่แจ้งที่พัก เมื่อรับโทษเสร็จเตรียมส่งรับโทษญี่ปุ่น

(สื่อญี่ปุ่นตีข่าว!! ไทยจับยากูซ่าไม่ใช่หัวหน้าแก๊งแค่ปลายแถว เผยโฉมยากูซ่าเบอร์หนึ่งตัวจริง)

เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่สภ.เมืองลพบุรี พล.ต.อ. วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. สอบปากคำนายชิเกฮารุ ชิราอิ อายุ 72 ปี ชาวญี่ปุ่นและหัวหน้าแก๊ง “ยามากูจิ กูมิ” แก๊งยากูซ่าขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น ซึ่งหลบหนีคดีฆ่านายคาซิฮึโกะ โอโตเบะ หัวหน้าแก๊งคามิยะ แก๊งคู่อริ มากบดานยังประเทศไทย หลังมีภาพแชร์ในโลกโซเชี่ยลจนเป็นเบาะแสให้ตำรวจตามจับกุมตัวได้

พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวว่า นายชิราอิรับสารภาพเป็นหัวหน้าของแก๊งยากากูจิ กูมิ มีสมาชิก 23,400 คน เป็นแก๊งยากูซ่าในญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังแยกออกมาเป็นกลุ่มย่อยชื่อว่ากลุ่มโคโดไก มีสมาชิกประมาณ 2,000 คน โดยส่วนใหญ่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย เปิดบ่อนพนันทุกชนิด โดยหาเงินได้แล้วจะนำไปให้หัวหน้ากลุ่มใหญ่ ซึ่งเมื่อวันที่ 24 ก.ค.2548 นายชิราอิได้สังหารนายโอโตเบะ เป็นรองหัวหน้ากลุ่มคามิยะ หลังจากทำผิดกฎยากูซ่า จากนั้นนายชิราอิได้หลบหนีมาไทยเมื่อวันที่ 25 พ.ค.2548 เบื้องต้นนายชิราอิยังไม่ยอมรับว่าเป็นคนฆ่า แต่ให้การว่าผู้ตายเคยข่มเหงรังแก พร้อมระบุอาจเป็นฝีมือกลุ่มวัยรุ่นในแก๊งเป็นคนลงมือสังหาร เพราะก่อนหน้าเกิดเหตุเห็นประชุมหารือกันหลายครั้ง

พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวอีกว่า แต่จากพยานหลักฐานของญี่ปุ่นบ่งชี้ว่า นายชิราอิเป็นหัวหน้าสั่งฆ่านายโอโตเบะ โดยมีผู้ร่วมขบวนการอีก 7 คน รวมเป็น 8 คน ซึ่งในขณะนี้ทั้ง 7 คนถูกจับกุมแล้ว และถูกศาลญี่ปุ่นพิพากษาจำคุก 12-17 ปี ส่วนการตรวจร่างกายของนายชิราอิ พบมีรอยสักเต็มตัว ซึ่งนายชิราอิ เผยถึงรอยสักของแก๊งยากูซ่าว่ามีความหมายถึงความอดทนและเป็นการทดสอบจิตใจ ส่วนนิ้วก้อยซ้ายที่หายไป 2 ข้อนั้น เนื่องจากหัวหน้าแก๊งทำผิดกฎของยากูซ่า จึงรับผิดแทนหัวหน้าด้วยการตัดนิ้ว และเพื่อความจริงใจจึงตัดนิ้ว 2 ข้อ โดยใช้สิ่วและค้อนทุบ

“จากการสอบถามนายชิราอิทราบว่ามีภรรยาเป็นคนไทย โดยอยู่ด้วยกันที่จ.ลพบุรี แต่ต่อมามีปากเสียงกันบ่อยครั้ง จึงเลิกรา กันไป ส่วนตัวเองก็ยึดอาชีพทาสีบ้านและแบกข้าวสาร ปัจจุบันใช้ชีวิตเพียงลำพัง โดยพยายามทำตัวเป็นจุดสนใจน้อยที่สุด เพราะเกรงความลับจะเปิดเผย แต่ตลอดระยะเวลาที่อยู่ไทย นายชิราอิจะมีเพื่อนชาวญี่ปุ่นนำเงินมามอบให้ครั้งละ 10,000 บาทเป็นประจำปีละ 2-3 ครั้ง” รองผบ.ตร.กล่าว

พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้กำลังสอบสวนถึงการเข้ามาในไทยของนาย ชิราอิ เนื่องจากไม่มีพาสปอร์ต จึงต้องหาบุคคลที่พาเข้ามาในประเทศและใครให้ที่อยู่อาศัย เบื้องต้นแจ้งข้อหาเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต, อยู่ในราชอาณาจักรเกินกำหนด, เป็นคนต่างด้าวไม่แจ้งที่พักอาศัย ตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง ซึ่งเมื่อ รับโทษในไทยเรียบร้อยแล้วจะส่งตัวกลับไปดำเนินคดีในญี่ปุ่นด้วย นอกจากนี้เตรียมประสานตำรวจญี่ปุ่น เพื่อขอรายชื่อสมาชิกแก๊งยากูซ่ามาใส่ในฐานข้อมูลของตำรวจ ไทยด้วย

ด้านพ.ต.อ.อุกฤษ ภู่กลั่น รองผบก.ภ.จว.ลพบุรี กล่าวว่า นายชิราอิเคยมีภรรยาคนไทย แต่หย่าร้างกัน 2-3 ปีแล้ว โดยนายชิราอิชอบโชว์รอยสักให้เด็กวัยรุ่นดู จนมีการนำไปลงในโลกโซเชี่ยล ต่อมารอยสักรูปซามูไรนี้ถูกส่งไปยังสถานทูตญี่ปุ่น ตรวจสอบแล้วได้ รับการยืนยันว่าเป็นรอยสักของหัวหน้าแก๊ง ยากูซ่า จึงตามมาจับกุมตัวขณะนายชิราอิ เดินซื้อของกินในตลาดเมืองลพบุรี สอบพบยังชอบเล่นหมากรุกกับคนไทยทุกวัน โดย นักหมากรุกที่ลพบุรีจะเรียกว่า “โกโบริ” จนติดปาก แต่ไม่มีใครทราบว่าเป็นถึงหัวหน้าแก๊งยากูซ่า

ขณะที่ชาวบ้านที่ชอบเล่นหมากรุกกับนายชิราอิ เล่าว่า นายชิราอิอาศัยอยู่แบบคนเร่ร่อน ทำตัวมอซอ อาศัยหลับนอนตามหน้าบ้านและร้านค้าในตลาด จนกระทั่งมาอยู่ในป้อมตำรวจเก่าติดกับศาลเจ้าในต.ท่าหิน อ.เมืองลพบุรี โดยชอบทำความสะอาดและเก็บขยะที่ตกหล่นตามศาลเจ้า อีกทั้งมักชอบมาเล่นหมากรุกกับชาวบ้านที่คุ้นเคยกัน โดยนาย ชิราอิเคยเล่าด้วยว่าหลบหนีเข้าไทย แต่ไม่ได้บอกว่าเคยก่อคดีอะไรมา ซึ่งจะมีชาวญี่ปุ่นด้วยกันส่งเงินมาให้ใช้ และมีภรรยาชาวไทย แต่ภรรยาคนนี้ติดพนันแล้วใช้เงินนายชิราอิจนหมดตัว จึงต้องมาอาศัยศาลเจ้าอยู่ บางครั้งชาวบ้านสงสารก็จะให้ข้าวให้น้ำกิน รวมทั้งชมรมศาลเจ้าก็ให้เงินเดือนละ 5,000 บาทด้วยความสงสาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างตำรวจควบคุมตัวนายชิราอิอยู่บนสภ.เมืองลพบุรี ได้มีนางอริศรา อรานุเวชภัณฑ์ อายุ 60 ปี ชาวอ.เมืองลพบุรี อดีตภรรยานายชิราอิเดินทางมาที่ โรงพัก เพื่อพูดคุยและยืนยันเป็นนายชิราอิจริง จากนั้นนางอริศราได้นั่งคุยกับนายชิราอิ เป็นภาษาญี่ปุ่น ก่อนตำรวจจะพาไปชี้จุด ซึ่งนางอริศราได้ตามไปด้วยแต่อยู่รถคนละคัน เพื่อให้ยืนยันสถานที่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน