เมื่อวันที่ 12 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารการบูรณาการแผนและระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ว่า การประชุมในวันนี้มีความก้าวหน้าไปมาก โดยจะต้องตรวจสอบกล้องซีซีทีวีซึ่งมีทั่วทั้งประเทศกว่า 300,000 ตัว เพื่อดูว่าตัวไหนใช้ได้ ตัวไหนใช้การไม่ได้และจะต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนเพิ่มเติม ซึ่งต้องบูรณาการเชื่อมโยงทั้ง 74 จังหวัด ยกเว้น 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่จะแยกออกไป

ด้านพล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า รัฐบาลตั้งใจที่จะเชื่อมโยงกล้องวงจรปิดทั่วประเทศ ทั้งของภาครัฐและเอกชน เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกันโดยเฉพาะพื้นที่สาธารณะที่จะมีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ให้มีมาตรการในการดูแลความปลอดภัยของประชาชนมากขึ้น และสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชน จากหลักฐานของกล้อง รวมถึงลดคดีอาชญากรรม และติดตามผู้ก่อเหตุให้ได้โดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมและลดกำลังพล โดยเฉพาะจุดผ่านแดนและย่านการค้าต่างๆ ซึ่งกล้องสาธารณะจะต้องครอบคลุมทุกพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยง

พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้สำรวจสภาพกล้องทั้งประเทศ พบว่ามีกล้องทั้งหมด 367,000 กว่าตัว ทั้งภายในและนอกอาคาร ทั้งระบบอนาล็อกและดิจิตอล ซึ่งอยู่ระหว่างซ่อมแซม ชำรุดประมาณ 8,000 ตัว ทุกส่วนราชการต้องซ่อมแซมหากไม่ทำจะถือว่าบกพร่องในหน้าที่ตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างว่าพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 และจะต้องเชื่อมโยงกล้องทั้งหมดให้ได้ จึงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด คือ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการเชื่อมโยง ที่มีกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน และคณะอนุกรรมการบริหารจัดการระบบหรือข้อมูลที่มีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) และสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน สำหรับการบริการจัดการและการใช้ประโยชน์นั้น ศูนย์เทคโนโลยีและการจัดการเขตที่ 1-12 ของกระทรวงมหาดไทย เป็นศูนย์ในการจัดการระดับภาค ส่วนศูนย์ระดับจังหวัดจะมีจังหวัดกับ 191 ของแต่ละจังหวัดเป็นผู้บริหารจัดการ

นอกจากนั้นจะนำมาตรการทางภาษีมาใช้ในการดึงภาคเอกชนนำกล้องซีซีทีวีมาติดตั้งเพิ่มเติม ซึ่งดีอีจะจัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป พร้อมเร่งรัดให้กระทรวงมหาดไทยสำรวจกล้องซีซีทีวีที่มีอยู่ดำเนินการให้ใช้ได้และติดตั้งให้เพียงพอโดยเฉพาะ 27 จังหวัดชายแดน ซึ่งมีช่องผ่านชายแดนต่างๆ เบื้องต้นมีการรายงานมาแล้ว 10 จังหวัด โดยจะเร่งรัดให้อีก 17 จังหวัดที่เหลือรายงานเข้ามาให้เร็วขึ้น หากละเลย เพิกเฉย ปล่อยให้กล้องวงจรปิดในความรับผิดชอบเสีย ตั้งใจให้เสีย หรือส่อทุจริตการปฏิบัติหน้าที่จะมีบทลงโทษ นอกจากนี้จะพัฒนาซอฟแวร์เพื่อเชื่อมโยงทั้งระบบดิจิตอลและอนาล็อก ซึ่งพัฒนาได้แล้ว โดยในระยะที่ 1 ปี 2561-2562 จะนำร่องในจังหวัด 4 จังหวัดที่มีความพร้อม ประกอบด้วย กทม. ภูเก็ต เชียงใหม่ และนครสวรรค์ เพื่อเป็นต้นแบบ และจะขยายไปในอีก 15 จังหวัด ส่วนระยะที่ 2 จะเชื่อมโยงระบบในอีก 55 จังหวัด ที่ยังต้องเตรียมความพร้อมในระบบโครงสร้างพื้นฐานก่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน