ทนายดังรับช่วยดูคดีให้’หลวงปู่แสง’ ใน 2 เรื่อง คือ แอบถ่ายคลิปที่กล่าวหาว่าล่วงละเมิดสีกา และการบุกรุกเข้าไปใช้คำปรามาสหลวงปู่ ถกสำนักพุทธฯ จัดการเงิน 50 ล้าน

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 13 พ.ค.65 นายอนันตชัย ไชยเดช ทนายความชื่อดัง เปิดเผยกับข่าวสดออนไลน์หลังเสนอตัวเป็นทนายความให้ศิษยานุศิษย์หลวงปู่แสง ญาณวโร พระเกจิดัง กรณีหมอปลา มือปราบสัมภเวสี พาสื่อมวลชนบุกไปที่สำนักสงฆ์ดงสว่างธรรม อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร โดยกล่าวหาว่ามีคลิปหลวงปู่แสงประพฤติไม่เหมาะสม

นายอนันต์ชัย กล่าวว่า ตนเห็นคลิปข่าวกลุ่มบุคคลและสื่อ บุกเข้าไปหาหลวงปู่แสง พร้อมตั้งคำถามไม่เหมาะสม ทั้งที่หลวงปู่ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ก็รู้สึกสะเทือนใจ อยากให้ความช่วยเหลือ จึงประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊ก ล่าสุดมีศิษยานุศิษย์ติดต่อเข้ามาแล้ว จึงประสานงานกับข้าราชการระดับผู้ใหญ่ที่จ.ยโสธร โดยวันที่ 15 พ.ค. จะเดินทางไปยังวัด เพื่อกราบไหว้และถวายเพล พร้อมให้ความช่วยเหลือหลวงปู่ทางกฎหมาย รวมถึงการดูแลร่างกายจิตใจ ในฐานะที่ท่านเป็นบุคคลไร้ความสามารถ จึงต้องมีผู้อนุบาล หรือโยมอุปัฏฐากคอยดูแลเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้อีก

นายอนันต์ชัย กล่าวว่า ยังมีประเด็นเรื่องเงิน 50 ล้านบาท ก็จะปรึกษากับสำนักงานพระพุทธศาสนา ว่าจะจัดการอย่างไร เพราะขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เงินก้อนนี้ยังตกเป็นของท่าน สามารถนำไปใช้สอยได้โดยมีผู้อนุบาลดูแล แต่ต้องขออำนาจศาลทุกครั้ง ซึ่งมองว่าจะไม่สามารถเบิกถอนมาใช้ได้ เนื่องจากสภาพร่างกายของท่าน เว้นแต่เบิกค่ารักษาพยาบาลเป็นครั้งคราว

นายอนันต์ชัย กล่าวว่า สำหรับประเด็นโรคต่างๆ ที่ท่านป่วยนั้น ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไร จริงหรือเท็จยังไม่มีข้อพิสูจน์ เป็นเพียงคำกล่าวอ้าง ต้องมีข้อพิสูจน์ก่อน ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลทางการแพทย์ของหลวงปู่ ถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งกำลังจะมีข้อกฎหมายห้ามไม่ให้เปิดเผยข้อมูล ส่วนนี้ในเดือนมิ.ย. แต่กรณีของหลวงปู่นั้น จำเป็นต้องเปิดเผยเพราะเป็นข่าวด้านลบ คนที่เกี่ยวข้องต้องนำเอกสารหลักฐานการดูแลมาชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อลบข้อครหาให้หมดไป

นายอนันต์ชัย กล่าวอีกว่า ประเด็นการดำเนินคดีจะมี 2 เรื่อง คือการแอบถ่ายคลิปที่กล่าวหาว่าท่านล่วงละเมิดสีกานั้น ต้องดูว่ามีการจัดฉากหรือไม่ หากมี อาจจะดำเนินคดีกับคนๆ นั้น ส่วนการบุกรุกเข้าไปใช้คำปรามาสหลวงปู่ เช่น การจับนมสีกา ท่านสามารถทำได้หรือไม่นั้น ไม่ควรถาม เพราะพระที่อยู่ในนั้นจะตอบหรือไม่ก็ได้ แต่บังคับไม่ได้ เพราะท่านเป็นอัลไซเมอร์ไม่สามารถครองสติได้ หากพระเลขา หรือพระอุปัฏฐาก ที่อยู่ในนั้นจะตอบอย่างไรก็ถือเป็นบุคคลที่ 3

“ส่วนใหญ่คนมากราบไหว้พระเกจินั้น ต้องการสิริมงคลต่อชีวิต อาจให้พระเคาะหัว เป่ากระหม่อม หรือเจิมหน้า กรณีนี้ก็เช่นกัน แต่การที่สีกาขึ้นไปบนอาสนะของท่านก็ไม่ควร ทั้งที่มีพระอุปัฏฐาก ถ้าไปบอกให้ท่านจับ ก็ต้องจับเพราะท่านไม่รู้เรื่อง ไม่มีเจตนา”นายอนันต์ชัยกล่าวและว่า การที่พระจะมีความผิดถึงขั้นปาราชิก ต้องดูเจตนาเหมือนคดีอาญา แต่กรณีนี้ไม่มีความผิดเพราะท่านไม่รู้ หากสังเกตจากการตั้งมุมกล้องมองว่าเป็นการจัดฉากทำลายมากกว่า เพราะมีคนอยู่หลายคน หากอยู่กัน 2 ต่อสองจะไม่เถียง แต่นี่มีหลายคน อีกทั้งเคยมีข่าวว่าท่านเคยให้คนจับบริเวณหน้าอกแล้วหายมะเร็ง ก็กลายเป็นที่เลื่องลือ คนเลยให้จับนู่นนี่ หากฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด ยกกองทัพนักข่าวมานั้นบาป

กรณีบุกรุกวัดนั้น ต้องดูสถานที่ว่าเป็นที่รโหฐานหรือที่ส่วนบุคคลหรือไม่และต้องดูเจตนา หากมีการจับจ้องจะเล่นงานพระ มีการถ่ายวิดีโอจนวัดอาจเกิดความเสียหาย วัดเป็นนิติบุคคลที่สามารถฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาทได้ ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่








Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน