สาวถือแบรนด์เนมใช้แล้วกลับไทยในรอบ 2 ปีงงหนัก โดนถอดเครื่องประดับ-กระเป๋ากลางห้อง แฟนต่างชาติร่วมโดนศุลกากรปรับค่าแบรนด์เนม 54,000

กลายเป็นกระแสดราม่าในโลกออนไลน์ หลังสาวไทยบินกลับประเทศในรอบ 2 ปี โดนค่าปรับภาษีสินค้าแบรนด์เนมที่สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นเงินกว่า 54,000 บาท

เมื่อวันที่ 20 พ.ค. สาวรายหนึ่งได้โพสต์เตือนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงประเด็นค่าปรับภาษีสินค้าแบรนด์เนมกว่า 54,000 บาทที่สนามบินสุวรรณภูมิ ระบุ “ตอนแรกว่าจะไม่พิมพ์แต่ว่ามีคนถามเข้ามาเยอะมากและเราไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดกับคนอื่น เพราะมันแย่มาก”

“เมื่อวานเป็นวันแรกที่กลับเข้าไทย ในรอบ 2 ปีที่เหนื่อยมาก ลงเครื่องเวลาประมาณ 13.30 น.เวลาไทย เดินลงมาตรวจ QR code ปกติ และผ่านด่านเข้าเมืองจนมาหยิบกระเป๋าก็ปกติไม่มีอะไร เมื่อวานคนเยอะมากมีทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวมาพอสมควร พอหยิบกระเป๋าเสร็จเดินมาที่กรมศุลกากร
แฟนเข็นรถที่มีกระเป๋า ลาก 3 ใบ ส่วนเราเข็นรถมามีแต่กระเป๋าถือ 2 ใบระหว่างที่กำลังจะเดินผ่านไม่ทันไร มีคนมาดึงเราทันที”

“ทั้งแฟนและเรา เขาบอกให้เอากระเป๋าสแกนให้หมด เรากับแฟนนำกระเป๋าให้เขาสแกน จากนั้นเขาก็เรียกเรากับแฟนเข้าห้องทันที มีเจ้าหน้าที่พาเข้าห้องหลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามากัน ประมาณ 8 – 9 คน แฟนกับเราตกใจมาก ทำไมต้องมากันเยอะขนาดนี้ พวกเจ้าหน้าที่เริ่มเปิดค้นกระเป๋าทีละใบอย่างละเอียด เน้นว่าอย่างละเอียด พวกของกินเขาไม่ยุ่งเลย ไม่ว่าจะเป็นพวกวิตามินหรือของฝาก โสม เจ้าหน้าที่ดูแล้วผ่าน ๆ ไม่ถามอะไรมาก แต่ชิ้นไหนที่เป็นแบรนด์เนมจะเอามาแยกโต๊ะทันที
ในห้องนั้นมี 2 โต๊ะ อารมณ์เป็นห้องตรวจค้น”

“เจ้าหน้าที่แยกของที่เป็นแบรนด์เนม ได้แก่ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หมวก แว่นตากันแดด แว่นสายตา กระเป๋าสตางค์ กางเกง และที่เราช็อกที่สุดคือ ให้เราถอด เครื่องประดับทั้งหมด เราตกใจเลยถาม ‘ทำไมต้องถอดหมดเลย’ เจ้าหน้าที่ผู้ชาย บอกว่า ถอดออกมาเช็กครับ เราก็ถอดกำไลและสร้อยคอ เขายังบอกว่า ต่างหูด้วย แหวนด้วย พอถอดออกมาหมดแล้ว ก็พาเข้าอีกห้อง เพื่อค้นร่างกาย ทั้งเราและแฟนโดนกระทำแบบนี้ทั้ง 2 คน และมีการบอกว่าไม่ให้บันทึกภาพอะไรทั้งนั้น”

“หลังจากที่เราถอดของออกจากตัวหมด เขาก็ทำการตรวจว่าของแต่ละชิ้นมีมูลค่าเท่าไหร่ โดยไม่สนว่าชิ้นนั้นใช้แล้วหรือไม่ โดยเราอธิบายว่าของทุกชิ้นใช้แล้ว เรามีหลักฐานยกเว้น รองเท้า 2 คู่
1 คู่เพิ่งซื้อที่ดิวตี้ฟรีเกาหลีไม่ใช่ของเรา แฟนเราซื้อให้น้องสาวแฟนเรา (ซึ่งมีหลักฐานการคุยว่ารองเท้าคู่นั่นซื้อให้น้องสาวจริง ๆ)”

“อีกคู่ของใหม่แต่ทำส้นแล้ว จะเอามาใช้ที่ไทย ของทุกชิ้นเราอธิบายหมดแล้ว มีหลักฐานการใช้
แม้กระทั่งเสื้อผ้า มีการซักแห้งมาแล้ว มีกลิ่นน้ำยาหมด กางเกง gucci ของแฟน นางหวงเลยใส่กล่องมา ก็มีหลักฐานว่าใส่แล้ว ไม่เชื่อก็ลองดม ( แล้วมีคนหนึ่ง ดมจริง )”

สักพักหนึ่งเจ้าหน้าที่อีกคนเดินมาบอกว่า ของที่อยู่ตรงนี้ทั้งหมดจะถูกยึดนะคะ เราตกใจมากแล้วถามเจ้าหน้าที่ทำไมต้องยึดคะ ทำอะไรผิด ใช้ของแบรนด์เนมไม่ได้เลยหรือคะ เจ้าหน้าที่บอกว่าใช้ได้ แต่ต้องเสียภาษี คุณไม่ทราบหรือว่า ของติดตัวเข้าประเทศได้ทั้งหมดไม่เกิน 20,000 บาท เราบอกว่า แต่ดิฉันมาในฐานะนักท่องเที่ยวแล้วก็ไม่ได้อยู่ประเทศไทยด้วย มาเที่ยวไทยแล้วก็กลับของทุกชิ้นก็กลับพร้อมดิฉัน แฟนดิฉันก็ไม่ได้เป็นคนไทยทำไมต้องเสียภาษีให้

ตอนแรกเจ้าหน้าที่ไม่ฟังเหตุผล และบอกว่าถ้าเราไม่ยอมให้ยึด จะติดแบล็กลิสต์ไม่สามารถเข้าประเทศได้อีก เราไม่ยอมจึงปรึกษาทางพี่ ๆ ของเรา เพราะดูแล้วเหตุการณ์แบบนี้ไม่สมควรที่จะเกิดขึ้นมา สักพักหนึ่งทางเจ้าหน้าที่อีกคน (มันมีหลายคนมาก เพราะในห้องมาเกือบ 10 คนได้) เดินมาบอกว่า เอางี้ถ้าชิ้นไหนมีหลักฐานการใช้แล้ว พี่จะยอมปล่อยไป แต่ถ้าชิ้นไหนไม่มีหลักฐาน จะถูกคิดภาษีปรากฏว่ากระเป๋า chanel เพิ่งเอามาใช้กับรองเท้าอีก 2 คู่และเสื้อคลุม Gucci เพิ่งใช้ไปไม่มีรูปถ่ายมาก่อนเลยโดนภาษีไป เกือบ 7 หมื่นบาท

“ยังไงก็จะคิดภาษีกับแฟนเราให้ได้ เพราะรองเท้าอีกคู่นั่น แฟนเราซื้อด้วยตัวเอง ซึ่งแฟนเราไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน โดยอัตราการคิดภาษี กระเป๋า 20 % (+vat 7% ) รวม 27 % ส่วนรองเท้าและเสื้อผ้า 30% (+vat7%) = 37% ในตอนนั้นเราก็ยังไม่ยอม จึงยืนรอจนกระทั่ง 3 ชม. มีเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มมา เขาลดหย่อนจนเหลือ 54,000 บาท”

“ต่อไปนี้ใครจะใส่แบรนด์เนมต้องระวัง เพราะเขาคงจะจ้องคุณตั้งแต่ลงเครื่องแล้ว หลักฐานต้องมี ต้องแน่น มีการมาบอกเราด้วย พี่จับมาหลายราย พี่รู้ทุกแบรนด์ ดิฉันไม่ใช่แม่ค้า ดิฉันใช้เอง ไม่คิดจะปกปิดอะไรทั้งนั้น และที่สำคัญ คุณไม่มีสิทธิ์มาคิดภาษีกับชาวต่างชาติ มันเสียความรู้สึกมาก
หากกฎข้อไหน ที่บอกให้ชาวต่างชาติห้ามนำแบรนด์เนมเข้าประเทศ รบกวนช่วยแจ้งทีค่ะ เพราะที่ประเทศเกาหลีเขาไม่ทำแบบนี้

“หากคุณซื้อของดิวตี้ฟรีไทยแล้วมาเที่ยวเกาหลี คุณไม่อยากเสียภาษีเอาของเข้าประเทศก็ให้ฝากที่สนามบินอินชอน ขากลับคุณค่อยไปเบิกเอา โดยมีค่าฝากเท่านั้น” “กระเป๋าก็สะพายอยู่กับตัวเลยค่ะ ไม่ได้เก็บใส่กระเป๋าค่ะ ไม่ได้ติดเรื่องเสียภาษีค่ะ แต่ติดที่ว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ และของที่ชาวต่างชาติซื้อไม่ควรเสียภาษีค่ะ ควรแจ้งค่ะ ว่าสามารถฝากเก็บที่ได้หรือไม่ แต่นี่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้ง แจ้งแต่จะยึดของทั้งหมด แม้แต่เครื่องประดับที่อยู่กับตัวค่ะ

งานนี้ ชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถามแบบนี้ก็มีด้วยเหรอที่เก็บภาษีกับของแบรนด์เนมใช้แล้วเก็บภาษีกับคนต่างชาติ รวมถึงเก็บภาษีคนไทยที่ถือสัญชาติอื่น เพียงเพราะพูดภาษาบ้านเกิดได้ บางคนกล่าวว่า เป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้ แม้จะเป็นคนไทยในต่างแดนก็ต้องสำแดงสัมภาระส่วนตัวและมีใบเสร็จชัดเจน

“ขนาดของใช้ ของใส่ ยังทำขนาดนี้ แย่มากเลยค่ะ” “ปรับคนต่างชาติด้วย” “โจรหรือเจ้าหน้าที่” “นี่หรือการส่งเสริมเที่ยวไทย มาถึงก็แร้งลง ใครจะอยากมาล่ะ” “จริง ๆ ไม่ควรจ่ายเลยด้วยซ้ำเพราะไม่ได้อยู่ที่ไทย พอกลับประเทศก็โชว์สินค้าที่เอามาตามเดิม แบบนี้ใครซื้อของใช้ต่างประเทศ พอจะกลับไทยก็โดนภาษีทุกคนเหรอ” “ประเทศอื่นเขาหาของผิดกฎ เข้าประเทศนะ แต่แปลกมาก บ้านเรา หาของมีมูลค่าแพง เพื่อปรับราคาสูง”

นอกจากนี้ ยังมีคนถามอีกว่าได้มีการถ่ายวิดีโอ เจ้าหน้าที่ทุกคน และเหตุการณ์ต่างๆ ไว้เป็นหลักฐาน เผื่อมีเหตุจำเป็นต้องหรือไม่ เจ้าของโพสต์ตอบว่า “ห้ามถ่ายค่ะ ตอนออกจากห้องเขาเห็นมือถือ เช็กรูปในอัลบั้มแล้วให้ลบออก ลบในถังขยะด้วยค่ะ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน