สรุปผลสอบผอ.โรงเรียนชู้สาวกับนักเรียนหญิงชั้นม.2 มีมูล พยานแวดล้อมให้การตรงกัน ความผิดชัดเจน ชงฟันวินัยร้ายแรงวันนี้ มีโทษถึงไล่ออก ขณะเดียวกันสภ.บัวใหญ่ก็ออกหมายเรียกแจ้งข้อหา เบื้องต้นพรากผู้เยาว์ ถ้าเกินเลยถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์ก็จะโดนอีกข่มขืนกระทำชำเรา ขณะที่ผู้ปกครองก็มีความผิดฐานสนับสนุนด้วย “ข่าวสด”รุดไปบ้านพักพบว่าเมียสาวทนข่าวอื้อฉาวไม่ไหว หอบผ้าหนีไปแล้ว เผยผอ.คบหาอยู่ด้วยตั้งแต่อายุ 16

ความคืบหน้ากรณีผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ถูกตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง หลังถูกร้องเรียนมีพฤติกรรมชู้สาวกับเด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.2 ในโรงเรียนที่ตนดำรงตำแหน่งอยู่ โดยมีหลักฐานข้อความสนทนาแช็ตไลน์เรียกกันและกันว่า “ที่รัก” และ “เมียจ๋า” จนสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 มีคำสั่งย้ายด่วนให้ ผอ.โรงเรียนดังกล่าวไปช่วยราชการที่สำนักงานเขตพื้นที่ฯ พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงนั้น

เมื่อวันที่ 25 ม.ค. นายศุภพงษา จันทรังษ์ รอง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่สอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ คณะกรรมการได้สอบปากคำพยานหลายฝ่าย ทั้งพยานแวดล้อม และพยานบุคคล ซึ่งพยานบุคคลทุกรายให้การสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน จึงสรุปผลการสอบสวนเบื้องต้นได้ว่า ผอ.โรงเรียนคนดังกล่าวมีพฤติกรรมฉันชู้สาวกับเด็กนักเรียนหญิง ม.2 ในโรงเรียนที่ตนดำรงตำแหน่งจริง ซึ่งจะทำรายงานผลการสอบสวนส่งให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานได้ทราบในวันที่ 26 ม.ค. เพื่อดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับ ผอ.โรงเรียนรายนี้ต่อไป ซึ่งหากพบผิดจริงมีโทษทางวินัยร้ายแรงถึงขั้นปลดออก หรือไล่ออก โดยหลังจากนี้ตัว ผอ.โรงเรียนรวมทั้งเด็กนักเรียนหญิงวัย 14 ปี ชั้น ม.2 ก็จะต้องไปให้ปากคำกับคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงที่ทางคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมาแต่งตั้งขึ้นมาต่อไป

ขณะที่การสอบสวนเรื่องดังกล่าวของพนักงานสอบสวน สภ.บัวใหญ่ ก็ดำเนินควบคู่กันไปด้วยเช่นเดียวกัน โดยขณะนี้กำลังเร่งสอบปากคำพยานบุคคลต่างๆ เพื่อนครูในโรงเรียน และเพื่อนเด็กนักเรียน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด ขณะนี้ทั้งตัว ผอ.โรงเรียนรายนี้ และตัวเด็กนักเรียนหญิงยังคงเก็บตัวเงียบ

ด้านพ.ต.อ.คารม บุญสด ผกก.สภ.บัวใหญ่ ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวน 4 นาย นำโดย พ.ต.ท.สุกรี ปลั่งการ รอง ผกก.สอบสวน เป็นหัวหน้าทีม ตามคำสั่งการเร่งด่วนของ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบช.ภาค 3 เพื่อสอบสวนเอาผิดในคดีอาญา ผอ.โรงเรียนที่มีพฤติกรรมชู้สาวกับเด็กนักเรียนหญิง ม.2 อายุเพียง 14 ปี หากมีพยานหลักฐานปรากฏชัดว่าเป็นความผิดในคดีอาญาแผ่นดิน ก็ให้รีบประสานผู้ปกครองหรือของเด็กหญิง 14 ปี เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี หรือถ้าผู้ปกครองไม่ยอมเข้าร้องทุกข์ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษเองได้ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองเด็กและเยาวชน ฐานความผิดข้อหาพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจารเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี และกระทำอนาจารเด็กหญิง

พ.ต.อ.คารมเปิดเผยว่า ตำรวจ สภ.บัวใหญ่ได้สืบสวนและสอบปากคำ พยานไปแล้วหลายปาก และเตรียมออกหมายเรียกนาย ณฐาภพ บุญทองโท อายุ 51 ปี ผอ.โรงเรียนดังกล่าว มารับทราบข้อกล่าวหาข้อหาพราก ผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร ซึ่งในวันที่ 26 ม.ค.จะครบกำหนด หากนายณฐาภพไม่มารับทราบข้อกล่าวหาก็จะยื่นศาลจังหวัดบัวใหญ่ออกหมายจับ ข้อหาพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร และหากมีเพศสัมพันธ์กันต้องดำเนินคดีในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราอีกข้อหาหนึ่ง แม้เด็กนักเรียนหญิง ม.2 นั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม เนื่องจากผู้ปกครองและเด็กนักเรียนหญิง ม.2 ที่เสียหายไม่เข้าแจ้งความกล่าวโทษ แต่ตามกฎหมายตำรวจก็สามารถดำเนินคดีได้เอง และผู้ปกครองก็จะถูกดำเนินคดีฐานให้การสนับสนุนให้มีการ กระทำความผิดยุยงส่งเสริมให้มีการกระทำผิด เนื่องจากเด็กมีอายุไม่เกิน 15 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโรงเรียนได้แจ้งว่านายณฐาภพได้เข้าพบผู้ปกครองเด็กนักเรียนหญิง ม.2 แล้ว และทางผู้ปกครองก็ไม่อยากให้สัมภาษณ์ ส่วนกรณีที่นายณฐาภพเคยก่อเรื่องไม่เหมาะสมกับเด็กนักเรียนหญิงชั้น ป.6 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็น ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งก่อนหน้านี้ ก็ได้จ่ายเงิน 200,000 บาท ให้ผู้ปกครองของเด็กที่เสียหายเพื่อยุติเรื่อง และ สพป.นครราชสีมา เขต 6 ก็สั่งลงโทษเพียงแค่ตัดเงินเดือน 5 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 2 เดือน แล้วย้ายมาดำรงตำแหน่งแห่งใหม่และเกิดเหตุขึ้นลักษณะเดียวกันอีก

ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปยังนาย ณฐาภพ ซึ่งแจ้งว่าตนไม่สบาย กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง จากนั้นตัดสายทิ้งไป ผู้สื่อข่าวได้โทร.ติดต่อไปใหม่ แต่นายณฐาภพปิดมือถือ

จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปที่บ้านพักของนายณฐาภพ ซึ่งอยู่กินกับภรรยาคนปัจจุบัน ในบ้านเช่าปูนชั้นเดียว ตั้งอยู่ใกล้ตลาดเช้าในเขตเทศบาลเมืองบัวใหญ่ โดยนายณฐาภพอยู่กินกับภรรยาคนปัจจุบันมาประมาณ 4 ปี คบหากันเมื่อตอนภรรยาอายุ 16 ปี ปัจจุบันภรรยาอายุ 20 ปี ทำงานเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ ซึ่งพอภรรยาเห็นข่าวอื้อฉาวดังกล่าวของสามีจึงรับไม่ได้ และยื่นใบลาออกจากงานและเก็บของออกจากบ้านพักหลังดังกล่าวไปแล้ว

ด้านนายธีร์ ภวังคนันท์ หัวหน้าศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน (ฉก.ชน.) สพฐ. ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้สอบสวนข้อเท็จจริงแล้วเสร็จแล้ว โดยพบว่ามีมูลความผิดจริง จึงเตรียมเสนอศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา (ศธจ.นม.) พิจารณาออกคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ผู้บริหารรายนี้ทันที ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งคำถามว่าก่อนหน้านี้ทำไมต้นสังกัดไม่สั่งพักราชการกับผู้บริหารรายนี้นั้น ต้องชี้แจงว่าในขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริงผู้ที่ถูกกล่าวหายังคงเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ แต่เนื่องจากการสอบสวนอาจทำได้ไม่เต็มที่หากผู้บริหารรายนี้ยังอยู่ในพื้นที่ จึงมีคำสั่งให้ช่วยราชการที่ สพป.นม.เขต 6 ก่อน ส่วนหลังจากนี้เมื่อ ศธจ.นม.มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงแล้ว ศธจ.นม.ก็สามารถพิจารณาสั่งพักราชการได้ตามอำนาจหน้าที่

“สำหรับประเด็นที่พบว่าผู้อำนวยการโรงเรียนคนนี้เคยมีพฤติกรรมลักษณะเดียวกันมาแล้วนั้น ท่านเลขาธิการ กพฐ.ได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่รับผิดชอบของ สพฐ.ตรวจสอบมาตรการในเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง ว่าหลวมไปหรือไม่ หากพบว่ามีจุดต้องเพิ่มเติมตรงไหนก็ให้ดำเนินการทันที” หน.ฉก.ชน.สพฐ.กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน