กอดทะเบียนสมรสแล้วได้อะไร เมียหลวงต้องรอรับข้าวบริจาคมากิน ช้ำผัวถูกหวย 6 ล้าน เสียชีวิต หลังไปอยู่กับแม่ค้าสาว ภรรยาคนที่สอง โผล่ชิงมรดกวุ่น
จากกรณี นางจันทร์เพ็ญ อายุ 66 ปี ร้องสื่อฯ ขอความช่วยเหลือ หลังสาวคนสนิทของสามี นางรัตนา (นามสมมติ) ขอแบ่งสมบัติ จนศาลตัดสินให้คนละครึ่งแล้ว แต่นางรัตนาไม่ยอม และไม่เคยให้ตนเข้าบ้านสามี
นางจันทร์เพ็ญ ปัจจุบันสภาพบ้านของภรรยาหลวงเป็นบ้านไม้หลังเก่าอยู่ริมคลองที่กำลังถูกไล่รื้อถอน อยู่กับพี่สาวและน้องสาวซึ่งเป็นผู้สูงอายุแล้วทั้ง 3 คน โดยน้องสาวอายุ 60 ปี ทำงานรับจ้างทำงานบ้านทั่วไปคอยดูแลเลี้ยงดูพี่สาวทั้งสองคน โดยยังมีภาพของภรรยาหลวงสมัยสาวๆ อายุ 17 ปีและมีภาพพรีเวดดิ้งสวมชุดไทยที่มีเพียงภาพของนางจันทร์เพ็ญโดยภาพของสามีถูกตัดออกไปจากเฟรมเพราะป้าจันทร์เพ็ญบอกว่าโกรธมากตอนที่เขาพากันไป ส่วนภาพที่หลงเหลืออยู่ก็จะมีบัตรทหารของสามี บัตรประจำตัวเข้าไปในค่ายทหารของตน
ทั้ง 3 คน ไม่มีที่พึ่งแล้ว อายุเริ่มมากงานก็ไม่สามารถทำได้ หาเช้ากินค่ำและต้องไปนอนรอกับข้าวอาหารแห้งที่ได้รับบริจาคมา ทั้งที่จริงๆ แล้ว นางจันทร์เพ็ญ มีสามีเป็นทหารอากาศ มีสมบัติที่สามีทิ้งไว้ให้ก่อนเสียชีวิต แต่ไม่มีสิทธิ์ได้ครอบครองเพราะภรรยาคนที่สองของสามีไม่ให้เข้าบ้าน
นางจันทร์เพ็ญ เล่าอีกว่าแต่งงานกับสามี พ.อ.อ.สังวาลย์ และจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย ตั้งแต่อายุ 17 ปี อยู่กินกันมา 30 กว่าปี อยู่กันที่บ้านหลังนี้ก็รักกันดีตลอด ตอนที่สามีอยู่ในค่ายตนก็ไปขายผลไม้อยู่ในค่ายทหารด้วย คนในค่ายทหารก็จะรู้จักตนเป็นอย่างดี
จนกระทั่งปี 2553 ตนและสามีถูกรางวัลที่ 1 ได้เงินมาจำนวน 6 ล้านบาทนำเงินมาตกแต่งบ้านใช้จ่ายซื้อที่ที่จังหวัดสุพรรณบุรีที่จังหวัดปทุมธานีซื้อรถยนต์ด้วยเงินสด และยังสร้างบ้านที่จังหวัดปทุมธานีด้วย และยังเหลือเงินอีกหลายล้าน หลังจากนั้น 3-4 เดือน สามีได้ไปรู้จักกับภรรยาคนที่สองเพราะไปซื้อไก่ที่ตลาดมาให้หมา ภรรยาคนที่สองก็ย้ายมาอยู่ใกล้บ้านทำให้สนิทกัน จนกระทั่งมีความสัมพันธ์ จึงขอให้สามีหย่า แต่สามีไม่ยอมหย่าบอกกับตนว่าแม่มึงเก็บใบหย่าไว้เถอะ เขาก็ย้ายไปอยู่ที่สุพรรณบุรีที่ที่เขาซื้อไว้พากันไปอยู่กับภรรยาคนที่สอง
หลังจากนั้นสามีขอย้ายชื่อจากสำเนาทะเบียนบ้านเก่าไปอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี และโทรมาบอกว่าขอหย่า ภรรยาคนที่สองตะโกนในสายว่าถ้าไม่ยอมหย่าจะฟ้อง ภรรยาหลวงจึงโกรธและไม่คิดจะอย่าให้แล้ว สามีโทรมาอีก เพื่อขอหย่าตนก็ไม่ยอมยังยืนยันคำเดิมฉันจะกอดใบทะเบียนสมรสนี้ไว้
Advertisement
หลังจากนั้น ในปี 2555 ตนถูกเรียกเข้าไปในค่ายทหารเพื่อไปรับเงินสวัสดิการทางทหารแจ้งว่าสามีตนเสียชีวิตแล้วตอนเข้าไปในค่ายทหารได้ไปเจอกับภรรยาคนที่สองของสามีจึงถามเขาว่า สามีตนเสียชีวิตทำไมไม่บอกเลยเขาก็บอกว่าเขาทำศพเสร็จเรียบร้อยแล้วจะมารับเงิน ในส่วนที่เป็นของเมียหลวงแต่ปรากฏว่าทางทหารไม่สามารถให้ได้เพราะตามสิทธิ์แล้ว จะต้องให้นางจันทร์เพ็ญภรรยาหลวง
ส่วนค่าสวัสดิการค่าทำศพต่างๆ ทางทหารให้กับทางภรรยาคนที่สองเนื่องจากได้ทำพิธีศพจริง ซึ่งตนไม่ได้ขัดข้องอะไรแต่ภรรยาคนที่สองก็ยังบอกกับตนว่าไม่คิดจะช่วยเหลืออะไรเลยเหรอ ขอส่วนแบ่งเงินที่ตนได้ ซึ่งตนไม่ได้ให้ไปเพราะเป็นเงินจำนวนไม่มากและเป็นสิทธิ์ของตน ส่วนภรรยาคนที่สองก็ได้เงินไปบางส่วนในการจัดการศพแล้ว
จากนั้นไม่นานภรรยาคนที่สองฟ้องต่อศาล ขอจัดการมรดกของสามีเพราะตามสิทธิ์มรดกของสามีจะตกกับภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายนั่นก็คือ นางจันทร์เพ็ญ ตนก็ได้ไปขึ้นศาลไกล่เกลี่ยใช้เงินที่ได้กองทหารอากาศ จ้างทนายความ ก็สู้คดีกันในชั้นศาลจนศาลตัดสินให้เป็นผู้ร่วมจัดการมรดกและแบ่งทรัพย์สินกันคนละครึ่ง แต่ปรากฏว่าแม้ศาลจะมีคำสั่งออกมาแล้ว แต่ภรรยาคนที่สองก็ไม่ยอมให้ทรัพย์สินใดๆ กับตนเลย ทั้งบ้านที่ดิน ที่จังหวัดสุพรรณบุรี รถยนต์ของสามีที่ซื้อเงินสดตนยังไม่เคยได้นั่งเลย และที่ดินจังหวัดปทุมธานี ภรรยาคนที่สองไม่ยอมให้ตนแตะต้อง ทั้งที่ตนอุตส่าห์ยอมแบ่งทรัพย์สินของสามีให้ครึ่งหนึ่งในฐานะที่ตนเป็นผู้ครอบครองมรดก วันนี้จึงร้องต่อสื่อเพราะที่ผ่านมาพยายามทวงสิทธิ์ แต่ไม่เคยได้รับเลย
ขอบคุณที่มา อมรินทร์ทีวี