3 ป้าเปิดแถลง ปมเดือดขวานจาม-ทุบรถจอดขวางหน้าบ้าน แฉโดนตลาดล้อม ทั้งมลพิษเสียง ควันรถ ขยะ ฝนตกน้ำเทเข้าบ้าน รถจอดขวางเกือบทุกวันเดือดร้อนรำคาญมาตลอด 10 ปี ก่อนหน้านี้แม่ไม่สบายจะออกไปร.พ.แต่ละทีก็ลำบาก อีกคนขาหัก รถพยาบาลก็เข้าไม่ได้ ลั่นไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ ไม่ผิด เพราะโดนบุกรุกพื้นที่อาศัย ปกป้องสิทธิตัวเอง ใช้ความอดทนมาโดยตลอด ด้านผอ.เขต เผยระหว่างรอศาลพิพากษาจะส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลเรื่องจอดรถหน้าบ้านป้า พร้อมเรียกเจ้าของตลาด 4 แห่ง เลิกเก็บค่าที่จอดรถ

จากกรณีผู้หญิงสูงวัย 2 คน ในบ้านเลขที่ 37/208 หมู่บ้านเสรีวิลล่า แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. ใช้ขวานและท่อนเหล็กจามและทุบรถกระบะที่จอดขวางประตูทางออกหน้าบ้าน แล้วมีปากเสียงกัน มีผู้ถ่ายคลิปวิดีโอเผยแพร่ไปทั่ว ต่อมาสาวคนขับรถกระบะแจ้งความตำรวจ สน.ประเวศ ดำเนินคดีข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว และพกพาอาวุธ ก่อนออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 26 ก.พ. ส่วนสาวปิกอัพถูกปรับข้อหาจอดรถกีดขวางทางเข้าออก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่หน้าบ้านเลขที่ 37/208 หมู่บ้านเสรีวิลล่า แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. น.ส.บุญศรี แสงหยกตระการ เป็นผู้บีบแตรในวันเกิดเหตุ น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ อายุ 61 ปี เจ้าของบ้าน เป็นผู้ใช้เสียมตีหน้ากระจกรถ และ น.ส.ราณี แสงหยกตระการ อายุ 57 ปี คนที่นำขวานมาจามรถ ร่วมแถลงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีนางยุวนุช พงษ์เจริญ อายุ 55 ปี พยานเพื่อนบ้านมาร่วมให้ข้อมูลด้วย

น.ส.บุญศรีกล่าวว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่เพื่ออยู่อาศัย เดิมซื้อที่ดินนี้มาไม่มีตลาดเลย ต่อมามีตลาดทั้งซ้ายขวา มีเต็นท์โครงเหล็กขนาดใหญ่ ฝนตกน้ำก็เทเข้าบ้าน ต่อมาสั่งให้รื้อถอน แต่ ผู้ว่าฯ กทม.ขณะนั้นออกใบอนุญาตซ้อนในพื้นที่ที่กำลังมีคำสั่งคุ้มครองจากศาล นอกจากนี้ยังละเลยขยายตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้านข้าง 55 เมตรเป็นตลาด ด้านหน้าก็เป็นตลาด ด้านหลังก็ที่จอดรถ เกิดมลพิษทั้งเสียง ควันรถ เดือดร้อนตลอดเวลา ไม่เคยคำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อยู่อาศัยเลย แม้ว่าจะมีคำสั่งคุ้มครองจากศาล ไม่ให้สร้างความเดือดร้อนรำคาญ แต่ก็ไม่เคยได้รับความคุ้มครองเลย ถูกรถจอดขวางบ้านเกือบทุกวันตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา

“วันเกิดเหตุพยายามเลื่อนรถ กดแตร โทร.แจ้งความแล้วแต่ไม่มีใครมา ดิฉันทั้งสองก็ต้องการให้สิ่งกีดขวางนี้ออกไป วันที่เกิดเหตุเป็นวันอาทิตย์ก็ไม่เคยได้พักผ่อน บ้านต้องปิดหน้าต่างหมดเพราะหนวกหู และอากาศพิษ วันเกิดเหตุสอบถามกับคนขับรถกระบะแล้ว บอกว่าได้ยินเสียงแตรแล้วแต่ยังซื้อของไม่เสร็จ แต่คุณกลับใส่เบรกมือทิ้งไว้ ทำได้อย่างไร เมื่อเดินมาถึงแล้วก็ยังเอาของใส่รถและยังยืนอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากความผิดของเรา แต่เป็นเพราะคนที่เข้ามาที่พักอาศัย ขอความกรุณาอย่ามา สนับสนุนคนที่เข้ามาทำผิดกฎหมายเหล่านี้” น.ส.บุญศรีกล่าว

ป้าบุญศรีกล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุต้องเอาสะลิงมาขวาง เพราะรถมาขนถ่ายสินค้าหน้าประตูบ้าน รถขนของหนักๆ ทำให้ประตูจะพัง ส่วนความเดือดร้อนนั้น คุณแม่ไม่สบาย ต้องเข้าๆ ออกๆ อยู่เป็นประจำ เป็นโรคปอด แต่รถออกไม่ได้ มีปัญหาเกิดขึ้นเป็นประจำเพราะรถมาจอดหน้าบ้าน ทำให้ต้องไปอยู่โรงพยาบาลหลายเดือน ตอนนี้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ตอนนั้นเวลาจะไปหาหมอลำบากมาก เพื่อนบ้านพ่อไม่สบายก็ออกจากบ้านไม่ได้ อีกคนขาหัก รถพยาบาลก็เข้าไม่ได้ บางคนไม่สบายก็ออกจากบ้านไม่ได้ ต้องลงไปกราบที่ถนนเพื่อขอร้องก็เคยมาแล้ว

น.ส.บุญศรีกล่าวอีกว่า นอกจากนี้เรื่องค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยค่าไฟที่บ้านแต่ละเดือนตกเดือนละ 10,000 กว่าบาท แปลกใจมาก เนื่องจากที่บ้านไม่ได้ใช้ไฟเยอะขนาดนั้น สาเหตุเกิดจากอะไรนั้นก็ไม่ทราบ เราไม่เคยคิดจะขายบ้านหลังนี้ เนื่องจากครั้งแรกที่ซื้อ เราต้องการเก็บบ้านหลังนี้ไว้เป็นมรดกให้ลูกหลานรุ่นต่อไป ”

“สิ่งสำคัญที่สุด คือเราแก้ไขด้วยตัวเองตลอดมา เรากดแตร เปิดประตู ให้คนช่วยดันรถ เรียกรถก็ไม่มีใครมา เราเดือดร้อน คนที่จอดรถต้องมีจิตสำนึก ป้ายก็มีติดไว้ คุณมา กล่าวหาว่าบ้านร้าง ถูกบังคับคดีได้ยังไง ส่วนคนที่บอกว่าเราไปทุบถีบรถ ก็เป็นการกล่าวหาเราจากแม่ค้าพ่อค้า เราไม่ได้มีเรื่องกับตลาด เราร้องเรียนที่สำนักงานเขตประเวศ” น.ส.บุญศรีกล่าวและว่าอยากขอให้สื่อเรื่องนี้ไปให้ถึง คสช. ว่าประชาชนได้ฟ้องร้องไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครฟัง

ผู้สื่อข่าวถามว่าการทุบรถนั้นยอมรับหรือไม่ว่าผิดทั้งสองฝ่าย น.ส.รัตนฉัตรกล่าวว่าเราอยู่ในพื้นที่จัดสรรเพื่ออยู่อาศัย ผู้ที่มากีดขวางเราคือผู้บุกรุก จะให้ทำอย่างไร ทุกคนยืนดูเรากดแตรตั้งนาน ไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ เราต้องปกป้องสิทธิของตัวเอง ถ้าเป็นบ้านคุณ คุณจะทำอย่างนี้เหรอ คนที่ยืนดูพวกตลาดก็ไม่มีใครสนใจเลย ก่อนที่จะทำ ทำทุกอย่างแล้ว มันเป็นเรื่องสุดวิสัยที่เราต้องทำลงไป

“วันนี้เรารู้สึกว่าไม่โดดเดี่ยว เราไม่ได้ใช้อิทธิพลอะไรเลย เราต่อสู้กับอำนาจมืดโดยตรงไปตรงมาตลอด เราแค่รักษาสิทธิที่เราเดือดร้อนมา 10 ปี ป้าใช้ความอดทน ใช้ธรรมะ และต่อสู้ตามกฎหมายมาตลอด” น.ส.รัตนฉัตรกล่าว

ขณะเดียวกัน นางยุวนุช หนึ่งในผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อนจากตลาด กล่าวว่าความเดือดร้อนที่เราได้รับนั้น ทำให้เราไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้ว ไม่รู้จะทำยังไงกับบ้านของเรา เมื่อ 4-5 ปี ประสบอุบัติเหตุตกบันได ลูกจะพาไปส่งโรงพยาบาล แต่กลับมีรถมา บล็อกอยู่หน้าประตู ต้องรออยู่ในรถเกือบ 2 ชั่วโมง ระหว่างนั้นแจ้งตำรวจ แจ้ง จส.100 แต่รถก็เข้ามาไม่ได้ เพราะโดนบล็อกเอาไว้ ได้แต่นอนดูขาบวมขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไง

นางยุวนุชกล่าวว่า ทุกวันจะพักผ่อน ก็ไม่ได้พักผ่อน และยังพบกับเหตุการณ์ที่รู้สึกว่าโดนคุกคาม มีคนมาส่งของโดยที่ไม่ได้สั่ง บอกบ้านเลขที่เรา จนที่สุดรู้ว่าตลาดมาใช้บ้านเลขที่เราเพื่อส่งของ ไม่นานมานี้ได้เอกสารจากธนาคารมาที่บ้าน เมื่อโทร.กลับไปตรวจสอบพบว่าไม่มีคนที่อยู่บ้านหลังนี้ตามเอกสาร กลายเป็นเอกสารของคนในตลาดส่งมาที่บ้านเรา เรากังวลมาก ถูกรบกวน และถูกเบียดเบียน

“มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว เราต้องอยู่แบบจิตตก ไม่รู้จะทำยังไง ไม่ว่าจะเป็นความเดือดร้อน ขยะ หนูก็เต็มไปหมด ล่าสุดที่คิดว่าไม่ควรเกิดขึ้น คือเอาเลขที่บ้านเราไปทำเรื่องต่างๆ ทั้งส่งของ ทำเอกสารกับธนาคาร ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง โดยพบว่ามีคนคุมเรื่องที่จอดรถ เวลารถเต็มคนพวกนี้ก็โบกรถมาจอดหน้าบ้านเรา ก็อยากจะถามว่าเราต้องทำยังไง ทั้งถูกละเมิด ถูกเบียดเบียนมาตลอด นอนอยู่ตี 3 ตี 4 ก็เปิดตลาดแล้วเสียงดังมาก ขยะก็เอามาวางกองหน้าบ้านเรา ก็ต้องโทร.แจ้งให้คนช่วยมาเก็บขยะ แต่ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ” นางยุวนุชกล่าว

จากนั้นผู้สื่อข่าวไปติดต่อสัมภาษณ์ป้าแดง ซึ่งระบุว่าเป็นเพื่อนเจ้าของตลาด และเป็นลูกค้าประจำของตลาด โดยป้าแดงระบุว่าก่อนจะมีตลาด มากินข้าวใต้ต้นไม้ใกล้บ้าน โดนน้ำสาดเลยมีปากมีเสียงกัน มีเรื่องฟ้องร้องกันเมื่อปี 2552 แต่ฝ่ายเจ้าของบ้านชนะ และกล่าวถึงเจ้าของบ้านหลังหนึ่งเคยนำอุจจาระมาเทบริเวณหน้าบ้าน ส่งกลิ่นเหม็น เพื่อไม่ให้ผู้คนสัญจรไปมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างป้าแดงให้สัมภาษณ์นั้น นางรัตนฉัตรเดินมาดูบริเวณริมรั้วด้านติดกับตลาด ป้าแดงจึงเดินเข้าไปหา และมีปากเสียงกันเกี่ยวกับรั้วตลาดว่าไม่ได้ไปละเมิดกำแพงบ้านนางรัตนฉัตรเลย ทางตลาดสร้างรั้วกั้นห่างจากบ้าน และสร้างมานานแล้ว ด้านนางรัตนฉัตรกล่าวเพียงเล็กน้อยก่อนเดินหนีไป ว่าไม่ทราบว่ารั้วสร้างตอนไหน แต่คุณทำตลาดติดบ้านพักอาศัย ด้านป้าแดงกล่าวสวนกลับว่าที่บริเวณตลาดเป็นสิทธิของเรา จะทำอะไรก็ได้ พ่อค้าแม่ค้ามีใบอนุญาตถูกต้อง

ที่สำนักงานเขตประเวศ นายธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผอ.เขตประเวศ แถลงว่าเห็นใจคุณป้าที่มีตลาดล้อมบ้านไว้ สำนักงานเขตพร้อมให้ความช่วยเหลือ แต่การก่อสร้างตลาดเกิดมา 10 กว่าปีแล้ว และแก้ไขปัญหามาโดยตลอด โดยตลาดทั้ง 4 แห่งขออนุญาตก่อสร้างอาคารถูกต้อง แต่ไม่ได้ขออนุญาตทำตลาด มีการดำเนินคดีในชั้นศาล และศาลมีคำสั่งคุ้มครองบริเวณหน้าบ้านและรอบบ้านคุณป้าทั้งหมด ว่าห้ามมีสิ่งกีดขวางหน้าบ้านเด็ดขาด เขตดูแลเรื่องนี้มาโดยตลอด ขณะนี้รอคำพิพากษาจากศาลชั้นต้น หากศาลมีคำสั่งเช่นไร เขตจะเร่งดำเนินการในทันที

นายธนะสิทธิ์กล่าวว่าสำหรับการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น เขตส่งเจ้าหน้าที่ไปกวดขันดูแลเรื่องจอดรถ ติดป้ายประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะในวันเสาร์-อาทิตย์ จะจัด รปภ. เจ้าหน้าที่ตลาดดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกให้กับบ้านคุณป้า และเมื่อเช้าวันที่ 20 ก.พ. เรียกเจ้าของตลาดทั้ง 4 แห่ง มาร่วมพูดคุย ขอความร่วมมือยกเลิกเก็บค่าจอดรถ ทุกตลาดให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เหลือเพียงตลาดรุ่งวาณิชย์ที่ขอลดค่าจอดจาก 50 บาท เหลือ 20 บาท จะเริ่มในวันที่ 21 ก.พ.

ผอ.เขตประเวศกล่าวต่อว่า หลังจากนี้จะนัดคุณป้ามาร่วมพูดคุยกันอีกครั้ง เบื้องต้นจะขอความร่วมมือให้คุณป้าปลดป้ายติดประกาศต่างๆ และโซ่บริเวณหน้าบ้านออกทั้งหมด ให้เหลือแต่เพียงป้ายห้ามจอดเท่านั้น ส่วนค่าเสียหายกับคู่กรณีที่คุณป้าบอกให้ไปเรียกเก็บที่ กทม.และสำนักงานเขตประเวศนั้น ทางเขตคงจ่ายไม่ไหว คงต้องให้เป็นกระบวนการของตำรวจ ที่จะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่ายต่อไป

ขณะที่ พ.ต.อ.อลงกรณ์ ศิริสงคราม ผกก.สน.ประเวศ กล่าวว่ากรณีจอดรถกีดขวางทางเข้าออกบ้านนั้น ได้เปรียบเทียบปรับเจ้าของรถกระบะผู้เสียหายไปแล้ว เหตุผลที่ไม่จับกุมในตอนนั้น ยกตัวอย่างเช่นหากรถที่จอดนั้นเป็นรถที่เจ้าของบ้านเป็นผู้ให้จอดเอง หรือเป็นรถของเจ้าของบ้าน ตำรวจก็ไม่สามารถเข้าไปจับได้ เนื่องจากไม่ทราบว่ารถที่จอดเป็นรถที่เจ้าของบ้านยินดีให้จอดหรือไม่ และในส่วนของการห้ามจอดนั้น มีเวลาชัดเจนอยู่แล้ว

ผกก.สน.ประเวศกล่าวว่าวันเกิดเหตุเจ้าของบ้านโทร.แจ้ง และตำรวจก็ไปอำนวยความสะดวก สังเกตได้จากคลิป ส่วนการแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีก หากเจ้าของบ้านไม่อยากให้จอดขวางหน้าบ้าน ก็โทร.แจ้ง 191 ได้เลย หากแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ก็จะเป็นเหมือนคลิปดังกล่าว หรือหากเจ้าของบ้านไม่ประสงค์ที่จะให้จอดรถหน้าบ้าน ก็นำป้ายห้ามจอดมาตั้งได้ แต่ต้องตั้งให้อยู่ในขอบเขตพื้นที่ของบ้านเท่านั้น และหลังจากนี้จะเชิญเจ้าของตลาด และสำนักงานเขต มาประชุมหารือวางแผนเรื่องที่จอดรถต่อไป

วันเดียวกัน นายวชิระ ชอบแต่ง รองโฆษกศาลปกครอง กล่าวชี้แจงคดี น.ส.บุญศรี กับพวกที่พักอาศัยในหมู่บ้านเสรีวิลล่า ร่วมกันยื่นฟ้องผู้ว่าฯ กทม. เขตประเวศ และพวก รวม 2 สำนวน โดยสำนวนแรกปี 2553 ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการคุ้มครองชั่วคราว และคำพิพากษาให้ผู้ว่าฯ กทม. และเขตประเวศใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร และพ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ ดำเนินการใดๆ ในการจัดระเบียบตลาดให้เกิดความเรียบร้อย ไม่สร้างความเดือดร้อนรำคาญ แต่ขณะนั้นหน่วยงานรัฐผู้ถูกฟ้องยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลปกครองสูงสุด

นายวชิระกล่าวว่า ต่อมาปี 2556 ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกย้อนคำตัดสินของศาลปกครองชั้นต้นใหม่ ด้วยการให้ศาลปกครองชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาคดีใหม่ โดยเรียกเจ้าของตลาดนัด 2 แห่ง ที่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่อาจจะต้องถูกบังคับตามคำสั่งให้มาเข้าร่วมในคดีด้วย เพื่อจะได้ข้อเท็จจริงตามฟ้องได้ครบถ้วน ดังนั้น คดีนี้จึงยังไม่ถือว่ามีคำสั่ง หรือคำพิพากษาใดๆ โดยคดีเริ่มกระบวนการพิจารณาใหม่มาตั้งแต่ปี 2556 และจนถึงปัจจุบันนี้คดียังไม่มีคำพิพากษา เพราะยังอยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนชั้นพิจารณา

รองโฆษกศาลปกครองกล่าวว่า สำนวนที่ 2 น.ส.บุญศรี กับพวกยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางในปี 2555 เนื่องจากขณะนั้นมีตลาดนัดสร้างเพิ่มมาอีก ขณะนั้นศาลเปิดแผนกคดีสิ่งแวดล้อมแล้วจึงอยู่ในกลุ่มคดีสิ่งแวดล้อม โดยผู้ฟ้องขอให้ศาลกำหนดวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ซึ่งศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ว่าฯ กทม. และเขตประเวศใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.สาธารณสุขฯ ดูแลจัดการไม่ให้ผู้ใดสร้างความเดือดร้อนรำคาญกับผู้ฟ้องไว้เช่นกัน ส่วนเนื้อหาคดีหลักนั้นยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล นายวชิระกล่าวว่า ปัจจุบันเนื้อหาคดีหลักทั้ง 2 สำนวน อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลางที่เป็นศาลชั้นต้น โดยการแสวงหาข้อเท็จจริงมีความคืบหน้าไปมาก แต่คู่กรณียังยื่นข้อโต้แย้งประเด็นยิบย่อยเล็กๆ น้อยๆ อีกพอสมควร จึงทำให้ข้อเท็จจริงคดียังไม่นิ่งพอที่ศาลจะมีคำพิพากษา ดังนั้น ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง แต่ขณะนั้นถือว่า น.ส. บุญศรี กับพวก ได้รับความคุ้มครองตามคำสั่งวิธีการชั่วคราวของศาลปกครองชั้นต้นในสำนวนที่ 2 อยู่ ที่การดำเนินกิจการตลาดต้องไม่ก่อความเดือดร้อนรำคาญซึ่งศาลสั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐดูแล ส่วนกิจการตลาดก็ยังดำเนินไปได้ เพราะศาลยังไม่มีคำสั่งทางคดีว่าการอนุญาตให้สร้างตลาดนั้นชอบ หรือไม่ชอบเพียงใด

รองโฆษกศาลปกครองกล่าวต่อว่า ประเด็นปัญหาทางออกคือ เมื่อ น.ส.บุญศรี กับพวกเห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐที่ศาลสั่งตามวิธีการคุ้มครองชั่วคราว ไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้ครบถ้วน หรือละเลย ย่อหย่อน ล่าช้า ก็สามารถใช้สิทธิตามกฎหมายคดีปกครอง ยื่นคำร้องเข้ามาใหม่ในการขอให้ศาลบังคับวิธีการคุ้มครองชั่วคราว ตามกฎหมายใหม่ที่ศาลปกครองได้แก้ไขเกี่ยวกับอำนาจของศาลในการไต่สวนเพื่อบังคับคดีที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2559 หากยื่นคำร้องเข้ามา ศาลก็จะได้ใช้อำนาจที่มีตามกฎหมายในการเรียกหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบและเกี่ยวกับเรื่องนี้มาไต่สวนว่าดำเนินการครบถ้วน ตามที่ศาลสั่งไว้หรือไม่ หากละเลยก็ชอบที่ศาลจะมีคำสั่งตักเตือน หรือปรับหน่วยงานรัฐที่ละเลยได้ หรือการแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาลงโทษวินัยตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ โดยเรื่องนี้จะต้องคู่กรณีที่ยื่นเข้ามาให้ศาลพิจารณา มิใช่เรื่องที่ศาลจะหยิบยกมาเอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน