ไม่เปิดสงครามกัน หมอช้าง พูดเรื่องปีชง ไม่ไหว้ได้ไหม ทุกอย่างอยู่ที่ใจ ไม่ใช่ไม่แก้ชงแล้วชีวิตจะฉิบหาย จะเรียกว่าแก้ชงก็ไม่ได้ เพราะถ้าชงแล้วดี พอไปแก้ก็จะกลายเป็นร้าย

จากกรณีดราม่าวิพากษ์วิจารณ์เรื่องปีงชงกันหลากหลายมุมมอง ล่าสุด หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา ออกมาตอบคำถามเรื่องปีชง

ปี 2567 ยังไงบ้างกับกับปีชง?
“จริงๆ ถ้าใครที่ติดตามผม ไปดูย้อนหลัง 4-5ปี ผมแทบจะไม่เคยลงเรื่องปีชงเลย คอนเทนต์เรื่องปีชงจากเราไม่ค่อยมีเท่าไหร่ มันมีเหตุผลว่ามันจะมีกระทบปีชง 3-4 ปี

คนมาบ่นกับผม อาจารย์ 2-3 ปีที่แล้วก็เพิ่งชง นี่ชงอีกแล้ว ทำไมชงกันบ่อย มันเป็นความเข้าใจผิด และกระแสที่เกิดขึ้น เราเองคนเดียวไปเปลี่ยนเรื่องนั้นก็ลำบาก ก็เลยแก้ปัญหาด้วยการไม่พูดเรื่องนี้ไปเลย ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา

แต่สิ่งที่ต้องเข้าใจ คือตามหลักการ ชงมีอยู่แค่ปีเดียว มันจะเกิดขึ้นกับเราในทุก 12 ปีก็ครั้งเดียว มันไม่ได้ชงกันบ่อย แล้วจะมาแบ่ง 25% 50% ไม่ได้ มันไม่ใช่ชานมไข่มุกนะ และที่สำคัญคือชงมันไม่ได้แปลว่าไม่ดี ถ้าไม่ดีเขาต้องตั้งชื่อว่าปีซวย เขาไม่ได้คำศัพท์นั้น ปีชงมันคือการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงก็มีสิทธิ์ที่จะดีหรือไม่ดีก็ได้”

ตำราของหมอช้าง ปีชง มีอยู่จริง?
“แต่ละคนมองไม่เหมือนกันหรอก แต่ในเชิงโหราศาสตร์จีนมันเป็นทฤษฎี ปีชงเป็นความเชื่อใจศาสนาเต๋า ซึ่งก็ผูกพันกับศาสนาพุทธมหายาน

แล้วเทพก็ไม่ได้เป็นเทพปีชง แต่เป็นเทพเรื่องดวงชะตา เหมือนศาสนาพุทธสวดนพเคราะห์ ก็คือการสวดบูชาดาวทั้ง 9 ดวง จีนก็จะมีเทพไท้ส่วยเอี๊ยที่คุ้มครองดวงชะตา แต่คนไม่เข้าใจก็ไปเรียกท่านว่าเทพปีชงๆ เขาไม่ใช่เทพปีชง ซึ่งท่านดูแลทุกคนแหละ

อย่างปีจอที่ชง ก็คือไกลท่านเยอะ พอไกลมากเทพก็มองไม่ค่อยเห็น ก็เลยเกิดประเพณีการไปไหว้ขอพร บางคนมาบ่นกับผมว่าแก้ชงเจอไปหลายพัน อันนั้นคุณชงจริงแล้ว








Advertisement

คือโดยหลักการมันคือการสวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญ แล้วคุณธรรมของจีนที่สำคัญที่สุด คือความกตัญญู เทศกาลตรุษจีนมีขึ้นเพื่อให้เราระลึกถึงการกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ขอบคุณเทพเจ้า ที่เราขอพรท่านมาทั้งปีก็จะมีไหว้ท่านสักครั้ง

จีนจะย้ำเรื่องของความกตัญญูไม่ว่าจะกับใครก็ตาม ต่อบรรพบุรุษ ต่อบุพการี ต่อเจ้านาย ต่องานของเรา คนที่มีความกตัญญูไม่ว่าจะเกิดปีไหนชีวิตก็จะเจริญก้าวหน้า”

การแก้ชงไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะขนาดนั้น?
“จริงๆ จะเรียกว่าแก้ชงก็ไม่ได้ด้วย เพราะถ้ามันชงแล้วดี พอไปแก้ก็จะกลายเป็นร้าย แต่อันนั้นมันเป็นคำศัพท์ของสำนักอื่นๆ เราก็ไม่ ไปเปิดสงครามกัน แต่ในเชิงของผม ผมมองว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงเฉยๆ เพียงแต่คนสมัยก่อนเวลามีการเปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่างย้ายบ้านมันเป็นเรื่องใหญ่นะ กว่าจะเดินทางมันไม่สะดวกเหมือนเกาหลีอยู่หน้าปากซอยนะ พอมีการเปลี่ยนแปลงคนก็จะกลัว

เดี๋ยวนี้การเปลี่ยนแปลงมันเกิดขึ้นง่าย คนเปลี่ยนงาน คนเกิดเยอะขึ้น การเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้แรงแบบนั้น เอาเข้าจริงเวลาดูดวงจริงจะดูจากปีอย่างเดียวไม่ได้ มันมีวันที่เกิด เดือนเกิด เวลาเกิดมาเพื่ออะไร

แล้วคนเกิดปีหนึ่งมีตั้งเยอะแยะ แต่ถ้าในเชิงมีคนถามว่า ตอนนี้ปีนี้ใครจะเป็นยังไง เวลาพยากรณ์ก็จะเปิดกว้างๆ ให้สามารถเสพได้ แต่ถ้าไปบอกว่าวันนี้ เดือนนี้ ปีนี้ 4 ชั่งโมงก็ไม่จบ

มันจึงมีสิทธิ์ดีและไม่ดี ฉะนั้นเราอย่าไปใช้คำว่าแก้ ใช้คำว่าแก้แสดงว่ามันต้องไม่ดี มันเลยต้องแก้ และสำคัญเลยคือมันไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินเยอะ ถ้ามันมีที่คิดเงินแพงเราก็ไปหาที่อื่นที่ไม่เสียเงิน

ยกตัวอย่างร้านอาหารถ้าเขาแพงก็อย่าไปกิน สุดท้ายแล้วมันคือความกตัญญู ถ้าเรามั่นใจว่ากตัญญู ความกตัญญูไม่ต้องเสียเงิน ถ้าเรามีความกตัญญู ตอบแทนครูบาอาจารย์ บุพการีของเรา ผมว่าอันนี้คือความดีที่สุดแล้ว หรือความสบายใจจะพกเครื่องรางก็แล้วแต่ เอาที่เราสบายใจไม่เดือดร้อนดีที่สุด”

สำหรับคนที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ไม่ไหว้ได้ไหม?
“เหมือนโควิดนะไม่ตรวจก็ไม่รู้ว่าติดนะบางที ในเรื่องชงบางคนก็ไม่มีนะ แต่ทุกอย่างอยู่ที่ใจถ้าอะไรทำได้ก็ทำไปเถอะไม่เดือดร้อน อย่าไปซีเรียสกับมันมากบางคนดีมากบอกชงดีมากเลย ขอชงอีกได้ไหม มันขึ้นอยู่ที่ใจ บางคนบอกชงก็มาก็ดื่ม มันก็เป็นศาสตร์หนึ่ง ไม่ใช่ว่าเราไม่แก้ชงแล้วชีวิตเราจะฉิบหาย ไม่แก้ก็ไม่ได้จะแย่ สำคัญคือคุณต้องศึกษามัน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน