ครอบครัว บิลลี่ พอละจี เตรียมยื่นฟ้องกรมอุทยาน เรียกค่าเสียหาย 26 ล้านบาท 4 เม.ย.นี้ ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ หลังถูกอุ้มหาย
วันที่ 3 เม.ย.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 09.30 น. วันที่ 4 เม.ย.ที่จะถึงนี้ พรุ่งนี้ 4 เมษายน 2567 เวลา 09.30 น. ณ ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก มารดาและบุตรของ บิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ จะเป็นโจทก์ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นจำเลย กรณีเจ้าหน้าที่ในสังกัดของจำเลย กระทำละเมิดโดยการอุ้มฆ่าบิลลี่ ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539
โดยเรียกค่าสินไหมทดแทน อาทิ ค่าเสียหายต่อทรัพย์สิน ค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาเรียกร้องความเป็นธรรม ค่าเสียหายต่อสิทธิ เสรีภาพและชีวิต ค่าเสียหายต่อจิตใจ ค่าขาดแรงงานในครัวเรือน และค่าขาดไร้อุปการะ รวมเป็นเงินต้นกว่า 26 ล้านบาท
- บทบรรณาธิการ – 9 ปีบิลลี่-บางกลอย
- 9 ปียังคิดถึง บิลลี่ พอละจี ถูกอุ้มหาย ชาวบางกลอย จัดรำลึก หวังความจริงปรากฎ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง “บางกลอย-ใจแผ่นดิน” ถูกจับกุมและควบคุมตัวไปโดยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ในขณะนั้นกับพวก
หลังจากนั้นไม่มีใครทราบชะตากรรมของบิลลี่อีกเลย จนกระทั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และอัยการ ได้ร่วมกันติดตามสอบสวนคดีดังกล่าวจนได้พยานหลักฐานเพิ่มเติมอันเชื่อได้ว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่อุทยาน ฯ ที่จับกุมบิลลี่ไปนั้นได้ร่วมกันกระทำความผิดต่อบิลลี่ ในคดีร่วมกันฆาตรกรรมอำพรางโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
นับเป็นเวลาเกือบ 10 ปี มารดาและครอบครัวของพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม และยังไม่ได้รับการเยียวยาต่อการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐภายใต้สังกัดของจำเลย ทั้งยังไม่มีการขอโทษ หรือแสดงความรับผิดชอบใดๆ อีกด้วย
มารดาและบุตรของบิลลี่ จึงมีความประสงค์ยื่นฟ้องต่อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อให้ช่วยกำชับและตักเตือน เจ้าหน้าที่ภายในสังกัดของตนให้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เชิญชวนสื่อมวลชนและประชาชนที่สนใจ ร่วมกันติดตามคดี เพื่อให้มั่นใจว่าบิลลี่และครอบครัวที่เดินหน้าต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมจะได้รับความยุติธรรมอย่างแท้จริงและได้รับการชดใช้เยียวยา
รวมถึงสามารถนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย เพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นกับนักสิทธิมนุษยชนหรือคนใดได้อีก และยุติวัฒนธรรมลอยนวลของเจ้าหน้าที่รัฐได้อย่างเป็นจริง