โดนอีกระลอก “ครูปรีชา- เจ๊บ้าบิ่น-เจ๊พัช” ตร.ออกหมายเรียกรับทราบข้อหาเพิ่ม ฐานสนับสนุน พล.ต.ต.สิทธิ อดีตผู้การเมืองกาญจน์ ทำผิด ม.157 รอลุ้นเป็นตัวการร่วม หรือผู้สนับสนุน “นายแผน” ก็โดนด้วย หมายเรียกให้การเท็จ พยานฝั่งครูปรีชา อ้างเห็นร.ต.ท.จรูญ ก้มเก็บหวย “ฐิติราช” ลั่นไม่ช่วยเหลือผู้การเมืองกาญจน์ ยิ่งปฏิเสธยิ่งดี ผลการกระทำจะบอกเองว่าใครทำผิด ด้านครูปรีชา โผล่โต้กระแสเผ่น ยันยังอยู่บ้านใช้ชีวิตตามปกติ ปัดพูดเรื่องหวย เพราะข่าวถูกบิดเบือนจนกลายเป็นผู้เสียหาย

เมื่อเวลา 15.20 น.วันที่ 11 มี.ค. ที่กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท. ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้าคดีหวย 30 ล้านบาท ซึ่งเป็นข้อพิพาทระหว่าง นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา กับ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ ว่าในพรุ่งนี้คณะทำงานจะประชุมเพื่อสรุปการออกหมายเรียก นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือแผน ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เห็น ร.ต.ท.จรูญ ก้มเก็บล็อตเตอรี่ โดยการออกหมายเรียกดังกล่าวเพื่อมารับทราบข้อหาฐานร่วมกันการกระทำผิดกับนายปรีชา และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น จากการกระทำดังกล่าวที่ไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น แม้นาย ฐนุกรจะมีการเปลี่ยนคำให้การภายหลัง แต่ก็เป็นเรื่องที่จำนนต่อพยานหลักฐาน ซึ่งจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด

พล.ต.ท.ฐิติราชยังระบุถึงการดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีต ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ว่าเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายเรียก นายปรีชา, นางรัตนาพร และ น.ส.พัชริดา พรมตา หรือเจ๊พัช เเม่ค้าขายลอตเตอรี่มาเพื่อเเจ้งข้อหาฐาน เกี่ยวกับการสนับสนุนในการทำคำให้การทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหากับ พล.ต.ต.สุทธิ ไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งกลุ่มบุคคลที่มีหมายเรียกดังกล่าว ทางคณะทำงานจะพิจารณาอีกทีว่าจะเป็นตัวการร่วมหรือผู้สนับสนุน

โดยภายในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยคดีดังกล่าวจะมีการแยกทำเป็นอีกสำนวนคดีจากคดีหลัก ซึ่งการพิจารณามาตรา 157 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางจะพิจารณาสำนวนให้ครบถ้วนที่สุด ก่อนส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือ ป.ป.ช. พิจารณาทำสำนวนส่งให้อัยการฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตต่อไป

พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวต่อว่า ส่วนกระแสข่าวเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือกันเพื่อไม่ดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธินั้น ขอให้ประชาชนเชื่อใจ เราจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน ทุกอย่างดำเนินการตามพยานหลักฐาน ตำรวจเป็นเพียงกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น ตำรวจจะต้องส่งสำนวนให้อัยการส่งฟ้อง และศาลเท่านั้นที่มีอำนาจตัดสินความผิด คนทำผิดก็ต้องว่ากันไปตามผิดไม่มีการละเว้น เรื่องนี้แม้เริ่มต้นเกิดจากความเชื่อแต่ภายหลังผู้การจังหวัดมีการแก้ไขคำให้การ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นถือเป็นการสอบสวนโดยมิชอบ และส่อไปในทางทุจริต ตรงนี้ตนพูดชัดเจนประชาชนไม่ต้องกังวล ตนจะดูเอง ทุกเรื่อง ส่วน พล.ต.ต.สุทธิ จะปฏิเสธหรือรับสารภาพตำรวจไม่ได้มีความกังวล ใครจะให้การอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ แต่เราก็รวบรวมพยานหลักฐานประกอบสำนวนให้มากที่สุด ยิ่งปฏิเสธยิ่งดี ผลการกระทำจะบอกเองว่าใครทำผิด อย่างไรก็ตามการส่งหมายเรียกผู้สนับ สนุนในความผิดมาตรา 157 เจ้าหน้าที่ได้ส่งหมายเรียกทางไปรษณีย์ด่วนให้กับผู้ต้องหา โดยให้มารับทราบข้อกล่าวหาวันที่ 16 มี.ค.นี้

เมื่อถามว่าจะมีการส่งเรื่องให้ พล.ต.ต. สุทธิ ออกจากราชการหรือไม่ พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และหน่วยงานต้นสังกัด รวมถึงหน่วยงานที่ตรวจสอบเรื่องวินัย เป็นผู้พิจารณา

เมื่อถามต่อว่าตำรวจ 2 นาย ที่ถูกกันไว้เป็นพยานจะถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่ พล.ต.ท. ฐิติราช ระบุว่า เราจะบริหารงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อไม่ให้มีช่องว่างในการต่อสู้คดีจึงต้องดูว่ามีพยานหลักฐานอื่นประกอบด้วยหรือไม่ ซึ่งตำรวจจะต้องหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาเปรียบเทียบเบื้องต้นบุคคลที่สอบปากคำไปนั้น ต้องการทราบว่าใครเป็นผู้สั่งการ และสั่งผ่านใครมา เพื่อให้ขยายผลไปถึงระดับผู้สั่งการในการกระทำผิด

วันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บริเวณบ้านพักของนายปรีชา ซึ่งผู้สื่อข่าวพยายามเฝ้ารอสัมภาษณ์แต่ไม่เจอตัวของครูแต่อย่างใด โดยเมื่อพยายามโทรศัพท์ติดต่อครูปรีชาได้รับสาย พร้อมยืนยันว่าขณะนี้ตนยังคงพักผ่อนอยู่กับบ้าน ไม่ได้หนีไปไหน บางวันก็เดินทางไปโรงเรียนเพื่อทำคะแนนสอบของเด็กนักเรียนให้เรียบร้อย แต่ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องคดีหวย 30 ล้าน โดยให้เหตุผลว่า ขณะนี้เรื่องกำลังเข้าสู่กระบวนการศาล ประกอบกับสื่อบางสำนัก มักนำคำให้สัมภาษณ์ของตนไปนำเสนออย่างบิดเบือนไม่ตรงไปตรงมา ทำให้ตนได้รับความเสียหาย จึงของดให้สัมภาษณ์สื่อทั้งหมด วอนขอให้รอดูผลสรุปของคดีในการต่อสู้คดีที่ศาลจะดีที่สุด








Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.ท.จรูญ พร้อมภรรยาและลูก รวมถึงนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เดินทางมาเที่ยวชมงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว ที่พระลานพระราชวังดุสิต ท่ามกลางประชาชนที่แห่มาขอถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก โดยร.ต.ท.จรูญ มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับกราบไหว้ขอพรในงานดังกล่าว

นายษิทรากล่าวว่า ทราบว่าตำรวจเรียก ครูปรีชา เจ๊พัช และเจ๊บ้าบิ่น เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา สนับสนุนให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และจะมีข้อหาอื่นเพิ่มเข้ามาอีก คดีนี้ทำเป็นขบวนการหากไม่เป็นขบวนการไม่สามารถทำได้ขนาดนี้ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ส่วนตัวผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีนั้น ตนมองว่ามีนายตำรวจระดับสูงอยู่ร่วมขบวนการที่จะฉกลอตเตอรี่จากลุงจรูญและยัดข้อกล่าวหา แล้วเอาเงินของลุงจรูญไป ซึ่งตนได้บอกไว้ตั้งแต่แรกว่ามีนายตำรวจระดับสูงเข้ามาเกี่ยวข้องในคดีนี้

นายษิทรากล่าวต่อว่า ตอนนี้หมดเวลาเตือนพยานคู่กรณีแล้ว เพราะผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้เตือนมานานแล้ว ในเมื่อไม่ยอมรับสารภาพ ก็จะต้องถูกดำเนินคดีทุกคน โดยตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้เรียกลุงจรูญเข้าไปสอบปากคำ แต่หากเรียกเมื่อไหร่เราก็พร้อมที่จะให้ปากคำ ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายครูปรีชาได้แจ้งความว่ามีการลักทรัพย์ พอสอบไปเป็นการยักยอก แต่ไม่แน่ใจว่ายักยอกหรือเปล่าก็กลายเป็นรับของโจร ซึ่งตอนนี้มี 3 ข้อหา แต่หากตำรวจมีความเห็นว่าเรื่องของลุงจรูญไม่มีความผิด ก็จะทำเรื่องสั่งไม่ฟ้องไปให้อัยการ ให้อัยการเห็นตามเรื่องของลุงจรูญก็จะจบลง ส่วนเงินรางวัลที่ถูกอายัดอยู่จะดำเนินการอย่างไรนั้น ได้คุยกับลุงจรูญแล้วว่าทางเราจะยังไม่ถอนอายัด เพราะว่าจะเป็นเรื่องการได้เปรียบเสียเปรียบทางคดี

ด้าน ร.ต.ท.จรูญ กล่าวว่า รู้สึกสบายใจตั้งแต่ตอนแรกแล้ว ที่กองปราบฯและตำรวจสอบสวนกลางแถลงข่าวครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นไปตามที่คาดหวังไว้ แม้ว่าจะไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็สูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ส่วนที่เหลือนั้นขออยู่เฉยๆ ดีกว่า ขอเป็นลุงเฉย และจะเก็บไว้ในใจต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน