ขอทานเงินล้าน‘ลุงเอี่ยม’วัดไร่ขิงปลื้ม ได้เข้าสักการะพระบรมศพหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ผบช.น.-เจ้าหน้าที่พม.ไปนำตัวขึ้นรถตู้พาเข้ากรุง หลังทราบว่าอยากถวายบังคม แต่ไม่สามารถเดินทางมาได้ ด้านหนุ่มสุรินทร์ใจกุศลปลื้มทหารช่วยเกี่ยวข้าวส่งสนามหลวงเลี้ยงผู้ถวายสักการะพระบรมศพ นัดลงนาอาทิตย์นี้ นพค.54 ใจดีบริการตาก-สี-ขนให้ด้วย เจ้าตัวปลื้มขอแบ่งบุญที่ทำครั้งนี้ให้ทุกคน ด้านคุณยายชาวศรีสะเกษวัย 80 ปี ปีติได้ถวายบังคม เผยเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้เข้าจึงมุ่งมั่นมาอีกครั้ง กสทช.ให้ทีวี-วิทยุปรับเนื้อหาเริ่มตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย.นี้ รายการปกติคืนจอ แต่ให้ ทุกช่องเปลี่ยนโลโก้สถานีเป็นโทนขาวดำ

จัดแบ่งเดิน2แถวเข้าถวายบังคม

เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศวันที่หก ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่เวลา 08.00- 21.00 น. ทุกวัน (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) นั้น

เมื่อเวลา 05.00 น. เจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท โดยจัดแถวประชาชนผ่านมาทางประตูมณีนพรัตน์ ในพระบรมมหาราชวัง ฝั่งทิศเหนือ อันเป็นสถานที่ตั้งของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จัดเป็น 2 แถว ผ่านทางระเบียงคด เมื่อเดินมาถึงประตูวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางเข้าเขตพระราชฐานชั้นใน เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนอมรวิถี หน้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน แล้วเลี้ยวขวาตั้งแถว 5 แถว หน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เข้าสู่พระที่นั่ง ดุสิตมหาปราสาท ทางประตูกำแพงแก้วฝั่งตะวันออก

‘จุลเจิม-ชาตรีเฉลิม’บำเพ็ญพิธีเช้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีพสกนิกรเดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ และทุกเพศทุกวัย มารอเพื่อถวายสักการะพระบรมศพ โดยพสกนิกรทั้งหลายยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมโกศพระบรมศพ พิมพ์ 4 สี่ ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคน ที่เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย

เวลา 07.00 น. พล.ต.ม.จ.จุลเจิม ยุคล ทรงเป็นประธานในพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ซึ่งดำเนินเป็นวันที่ยี่สิบเอ็ด ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยหน้าพระบรมศพ ทรงกราบหน้าพระโกศพระบรมศพ จากนั้น ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารเป็นพระพุทธรูปประทับยืนแบบสมภังค์ แสดงปางห้ามญาติหรืออภัยมุทราด้วยพระหัตถ์ขวาเพียงข้างเดียว ที่หน้าพระแท่นมหาเศวตฉัตร ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดเชตุพนวิมลมังคลาราม และวัดสุทัศนเทพวราราม ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 2 พ.ย.

ต่อมาเวลา 11.00 น. ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ทรงเป็นประธานถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรมจากวัดอนงคารามวรวิหาร และวัดสระเกศราชวรวิหาร

ยายวัย 80 ศรีสะเกษถวายสักการะ

นางจันทร์สมุทร หินเงิน อายุ 80 ปี พสกนิกรจาก จ.ศรีสะเกษ เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ พร้อมหลานสาว น.ส.ณัฎฐพร คำเสน อายุ 23 ปี เปิดเผยว่า ยายเดินทางมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นมีประชาชนจำนวนมาก ทำให้เข้าไม่ถึง จึงต้องกลับบ้านด้วยความหดหู่ใจอย่างมาก และได้เตรียมตัวเพื่อมาอีกครั้งในวันนี้ โดยเดินทางมาถึงสนามหลวงตั้งแต่ตี 4 และตื้นตันใจจริงๆ ที่ได้เข้าสักการะ

นางจันทร์สมุทรกล่าวหลังได้เข้าสักการะพระบรมศพว่า ปลื้มใจนะ และรู้สึกสบายใจ แม้ว่ายายยังไม่เคยได้มีโอกาสรับเสด็จพระองค์ แต่รับรู้ว่าพระองค์ทรงทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง โดยไม่ทอดทิ้งจนกระทั่งสวรรคต พระองค์อยู่หรือไม่อยู่ อย่างไรยายก็เทิดทูนอยู่แล้ว ยายเล่าให้ลูกกับหลานฟังเสมอว่า ยายเองก็เกิดใน ร.9 เกิดมา จำความได้เห็นพระองค์ท่านทรงงาน ให้ลูกหลานเป็นคนดี ทำเพื่อบ้านเมือง

นางแดง มงคลดาว อายุ 60 ปี พสกนิกรจาก จ.นนทบุรี ที่เดินออกมาจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เปิดเผยความรู้สึกด้วยเสียงที่สั่นเครือว่า อยากเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพมาตั้งนานแล้ว แต่เกิดอุบัติเหตุตกบันไดมีแผลที่หัวเข่าไม่สามารถนั่งกับพื้นได้จึงยังไม่มีโอกาสได้เดินทางมา ได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ที่บ้านทุกวันตั้งแต่ในหลวง ร.9 เสด็จสวรรคต เปิดดูข่าวเมื่อไรก็ร้องไห้ จนลูกหาว่าสติไม่ดี เมื่อหายจากอาการบาดเจ็บจึงรีบเดินทางมาสักการะพระบรมศพในวันนี้ แม้ว่าไม่เคยรับเสด็จแต่วันนี้ก็ได้มากราบสักการะแทน ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นในหลวงหยุดทรงงานเลย พระองค์ทรงงานเพราะอยากให้พวกเราอยู่ดี กินดี จึงตั้งใจว่าจะเดินรอยตามพระองค์ด้วยการใช้ชีวิตแบบไม่ฟุ่มเฟือย และทำความดีมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เริ่มวันแรกแจกอาหารตามเวลา

เมื่อเวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ยังมีประชาชนจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยทยอยเดินทางมาร่วมถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท อย่างต่อเนื่อง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร อาสา รด. คอยตรวจตรารอบพื้นที่อย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันทั้งประชาชนและนักท่องเที่ยวที่จะเดินเข้ามาบริเวณสนามหลวง และพระบรมมหาราชวัง ต้องผ่านจุดคัดกรอง 8 จุด ของเจ้าหน้าที่ที่จะตรวจค้นกระเป๋า และตรวจบัตรประชาชนและหนังสือเดินทางอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันแก๊งมิจฉาชีพที่อาจจะเข้ามาปะปนกับประชาชน ก่อเหตุลักขโมยในพื้นที่จัดงาน

ขณะเดียวกัน การจัดระเบียบแจกจ่ายอาหารตามเต็นท์โดยรอบสนามหลวง ทางกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ กอร.รส. บริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ได้กำหนดวันนี้เป็นวันแรกที่จะแจกอาหารตามรอบเวลา เริ่มจาก ช่วง 06.00 / 09.00 / 11.00 / 14.00 / 16.00 / 20.00 น. และปิดท้องสนามหลวง เพื่อเคลียร์พื้นที่ในช่วงเวลา 21.00 น.

ด้านสำนักการโยธา กทม. นำรถบดถนน รถไถ เข้าปรับพื้นที่และปูแอสฟัลต์รอบสนามหลวงฝั่งทิศเหนือ เพื่อเตรียมเคลื่อนย้ายเต็นท์สำหรับให้ประชาชนพักผ่อนระหว่างรอเข้าถวายสักการะพระบรมศพ รวมทั้งของจิตอาสาหน่วยงานต่างๆที่เข้ามาให้บริการประชาชน ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งทิศใต้มาไว้ที่ทิศเหนือ เพื่อเตรียมพื้นที่ฝั่งทิศใต้สำหรับก่อสร้างพระเมรุมาศ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จกำหนดภายในสัปดาห์นี้

กสทช.สั่งเกี่ยวสัญญาณราชพิธี

ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทร คมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ได้เชิญผู้ประกอบการทีวีและวิทยุ เข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงเรื่อง แนวทางปฏิบัติเพื่อให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และผู้รับอนุญาตทดลองประกอบกิจการกระจายเสียง ภายหลังงดการนำเสนอรายการรื่นเริง 30 วัน กรณีเสด็จสวรรคต

พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกสทช.และประธานกสท. กล่าวว่า กรณีที่มีการถ่ายทอดสดพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล และพระราชพิธีต่างๆ จากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ให้ทุกสถานีเชื่อมโยงสัญญาณในทันที ส่วนกรณีที่มีการถ่ายทอดสดการเสด็จของพระบรมวงศานุวงศ์ หรือกษัตริย์ต่างประเทศมาร่วมในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลจากสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยกรมประชาสัมพันธ์ ให้สถานีโทรทัศน์ในระบบภาคพื้นดินสลับสับเปลี่ยนกันเชื่อมโยงสัญญาณถ่ายทอด

สำหรับกรณีรายการศาสตร์แห่งพระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ให้ทุกสถานีเชื่อมโยงสัญญาณจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ในทุกวันศุกร์ ส่วนการออกอากาศรายการของสถานี ให้นำเอารายการปกติมาออกอากาศได้ โดยให้คำนึงถึงความเหมาะสมของรายการ เพื่อเป็นการปรับบรรยากาศและความรู้สึกของประชาชนให้เป็นไปตามลำดับ จึงเห็นควรกำหนดระดับความเหมาะสมของรายการที่จะนำมาออกอากาศในแต่ละห้วงเวลา

โลโก้ช่องทีวีปรับโทนสีขาว-ดำ

ระหว่างวันที่ 13-18 พ.ย. 2559 ให้สามารถนำรายการที่มีระดับความเหมาะสมสำหรับปฐมวัย (ป) สำหรับเด็ก (ด) รายการทั่วไป (ท) และสำหรับผู้ชมที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไป (น13) มาออกอากาศได้ แต่ไม่ควรมีเนื้อหาที่มีลักษณะตลก เฮฮา ความรุนแรง เรื่องทางเพศ การใช้ถ้อยคำหยาบคาย และระหว่างวันที่ 19 พ.ย. 2559 ถึงวันที่ 21 ม.ค. 2560 ให้สามารถนำเอารายการที่มีระดับความเหมาะสมสำหรับปฐมวัย (ป) สำหรับเด็ก (ด) รายการทั่วไป (ท) สำหรับผู้ชมที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไป (น13) สำหรับผู้ชมที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป (น18) ซึ่งเป็นรายการที่ออกอากาศหลังเวลา 22.00 น.มาออกอากาศได้ตามปกติ

แต่ทั้งนี้รายการเฉพาะไม่เหมาะสำหรับเด็ก และเยาวชน (ฉ) ขอให้ออกอากาศหลังจากวันที่ 21 ม.ค.2560 พร้อมกันนี้การนำเสนอรายการที่เกี่ยวกับการระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ การแสดงความไว้อาลัย การเทิดพระเกียรติ ให้กำหนดเพิ่มเติมไว้ในผังรายการอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา จนถึงวันที่ 21 ม.ค. 2560 ซึ่งควรกำหนดอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะทำให้ประชาชนส่วนมากได้รับชม

สำหรับการแต่งกายของพิธีกร ผู้ดำเนินรายการ ผู้ประกาศ ให้อยู่ในโทนสีดำ ขาว (เน้นสีดำ) สุภาพ ส่วนกรณีผู้ร่วมรายการขอให้พิจารณาตามความเหมาะสม ในขณะที่การแสดงตราสัญลักษณ์ของสถานี (โลโก้) ควรปรับโทนสีเป็นโทนขาว ดำ และให้อยู่ในตำแหน่งมุมล่างขวาของจอ จนถึงวันที่ 21 ม.ค. 2560 ในขณะที่การโฆษณาสามารถทำได้ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย.แต่ให้ยึดถือปฏิบัติตามแนวทางเดียวกับระดับความเหมาะสมของเนื้อหารายการที่สามารถออกอากาศ

เปิดแลกสุดท้ายเหรียญที่ระลึกร.9

นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 4 พ.ย.นี้ จะประชุมผู้บริหารของกรมเพื่อสรุปแผนการจำหน่ายแลกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกรัชกาลที่ 9 ที่ยังเหลืออีกประมาณ 1 ล้านเหรียญ ให้ประชาชนทั่วประเทศเป็นรอบสุดท้าย โดยจะพยายามให้ได้แลกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกให้มากที่สุด ที่ผ่านมากรมธนารักษ์มีเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกของรัชกาลที่ 9 ที่ผลิตและเหลืออยู่ประมาณ 3-4 ล้านเหรียญ ซึ่งเดิมประเมินว่าเมื่อเปิดให้แลกไปสักระยะหนึ่งความต้องการจะน้อยลง แต่ปรากฏมาถึงปัจจุบันนอกจากความต้องการไม่น้อยลงแต่กลับยังเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้น กรมธนารักษ์จึงต้องปรับแผนในการจำหน่ายแลกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกใหม่ จากเดิมที่จัดขายเป็นชุด 5 เหรียญ ก็อาจจะลดลงเหลือ 3 เหรียญ หรือ 1 เหรียญต่อคน เพื่อให้ทั้งประเทศมีโอกาสได้แลกให้มากที่สุด ซึ่งจะมีการสรุปและชี้แจงให้ประชาชนรับทราบความชัดเจนอีกครั้ง ซึ่งคงเป็นการเปิดแลกครั้งสุดท้ายแล้ว เพราะหมดแล้วไม่มีการผลิตเพิ่มอย่างแน่นอน

201611031539402-20061002145636

ลุงเอี่ยมแต่งตัวรอไปถวายสักการะ

หลังจากที่มีข่าวนายเอี่ยม คัมภิรานนท์ หรือลุงเอี่ยม ขอทานใจบุญ นั่งเศร้าเสียใจและอาลัยที่ทราบข่าวสวรรคต โดยนั่งอยู่บนรถเข็นคนพิการภายในห้องแถวด้านหลังร้านค้าหน้าวัด นั่งกอดพระบรมฉายาลักษณ์ ด้วยความเศร้าเสียใจ จากนั้นลุงเอี่ยมได้วางพระบรมฉายาลักษณ์ลงและก้มกราบ ซึ่ง ลุงเอี่ยมเผยว่าหลังทราบข่าวรู้สึกเสียใจมาก อยากเดินทางไปกราบพระบรมศพที่พระบรมมหาราชวังเป็นครั้งสุดท้าย

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ธรรมศาลา เดินทางมารับลุงเอี่ยมเข้าไปกราบพระบรมศพที่พระบรมมหาราชวัง จึงเดินทางไปตรวจสอบที่ห้องพัก ซึ่งลุงเอี่ยมใส่ชุดสีดำมีเสื้อสูทคลุมรองเท้าผ้าใบ นั่งอยู่กับนายอุดร ศิริอาภรณ์ อดีตอาจารย์โรงเรียนวัดไร่ขิงวิทยา และเป็นล่ามแปล ผู้สื่อข่าวถามลุงเอี่ยมผ่านนายอุดรว่าวันนี้ที่แต่งตัวเรียบร้อยจะไปไหน ลุงเอี่ยมตอบว่าจะไปกราบในหลวง กำลังจะมีคนมารับเข้าไปกราบพระบรมศพในพระบรมมหาราชวัง ก็รู้สึกปลื้มใจ คิดถึง รักในหลวง ซึ่งลุงเอี่ยมได้มองดูพระบรมฉายาลักษณ์และก้มกราบ และนำมากอด

บช.น.-พม.มารับตัวเข้าวังพร้อมกัน

จากนั้นเมื่อเวลา 12.00 น.มีรถตู้ตำรวจสน.ธรรมศาลา มาจอดที่หน้าห้องพักของลุงเอี่ยม มี พ.ต.ต.อนันต์ กาวสันเทียะ สวป.สน.ธรรมศาลา ร.ต.อ.อนัน ทองดี รองสวป.พร้อมเจ้าหน้าที่ได้มารับตัวลุงเอี่ยม เข้าพระบรมมหาราชวัง

นอกจากนี้ ยังมีนางมยุรี ดำเนินผล ผอ.ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.นครปฐม กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เดินทางมาพร้อมเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลความสะดวกและสอบความความเป็นอยู่ลุงเอี่ยม

นางมยุรีเปิดเผยว่าได้รับคำสั่งจากพล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้เดินทางมารับตัวลุงเอี่ยมเพื่อพาเข้าไปกราบพระบรมศพ จึงให้จัดรถรับส่ง แต่มาตรงกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มารับเช่นกัน จึงตกลงกันว่าจะเดินทางเข้าพร้อมกัน

มท.ย้ำกระจายคนมาสักการะให้ทั่ว

ที่กระทรวงมหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการอำนวยความสะดวกประชาชนในต่างจังหวัด จังหวัดละ 750 คน ที่จะเดินทางมากราบถวาย สักการะพระบรมศพว่า ขณะนี้ได้ย้ำให้ทุกจังหวัดกระจายประชาชนให้ครบทุกอำเภอ ตำบล ไปจนถึงระดับหมู่บ้าน รวมถึงการจัดยานพาหนะให้มีสภาพดี เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย.ที่ ครม.มีมติให้เรื่องของอาชีพและการละเล่น สามารถทำได้ตามปกติ ส่วนเรื่องการออกทุกข์นั้น ก็จะได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าฯ ควบคุมการเปิดปิดสถานบันเทิงให้เป็นไปตามกฎหมาย รวมทั้งงานประเพณีท้องถิ่นยังสามารถจัดได้ตามปกติ แต่ต้องดูแลให้อยู่ในความเหมาะสม

ทูตสหรัฐพบปนัดดา-ร่วมอาลัย

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกลิน ทาวน์เซนด์ เดวีส์ เอกอัครราชทูตประเทศสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ ม.ล. ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อมาม.ล.ปนัดดา กล่าวว่านายกลินได้มาเยี่ยมเยือนพร้อมแสดงความไว้อาลัยร่วมกับประชาชนคนไทยอีกครั้งหนึ่งในยามที่คนไทยมีความเศร้าโศกต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ถือเป็นความรักและความผูกพันที่มีกันมาของทั้งสองประเทศ และที่สำคัญ คือความผูกพันที่สหรัฐที่มีต่อพระองค์ท่าน

ด้านนายกลินกล่าวว่า ตนมาในนามรัฐบาลสหรัฐและในนามส่วนตัวด้วย ต้องขอบคุณที่ต้อนรับอย่างดีในยามที่ประเทศไทยอยู่ในความยากลำบากเช่นนี้ พร้อมมาร่วมแสดงความไว้อาลัยทั้งในนามรัฐบาลและในนามส่วนตัว และม.ล.ปนัดดา ถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลที่ช่วยอธิบายถึงความเป็นมาของประเทศไทยในช่วงแรกๆ ที่ตนมาประจำการที่นี่ จึงเกิดความรู้สึกว่าจะต้องมาแสดงความไว้อาลัยให้ได้ก่อนที่จะหมดช่วงการแสดงความไว้อาลัยภายใน 30 วัน

ทั้งนี้ สิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำได้ในฐานะทูตสหรัฐประจำประเทศไทย คือการสร้างความสัมพันธ์และถวายพระเกียรติ ที่พระองค์ได้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประธานา ธิบดีสหรัฐมาแล้วถึง 12 คน และเพื่อเป็นเกียรติต่อพระองค์ท่าน จะสร้างความสัมพันธ์ต่อไปเพื่อเป็นเกียรติแด่พระองค์ท่านที่ได้ทำมาแล้ว บนพื้นฐานที่พระองค์ได้ทำไว้

พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯเสด็จพิธี

เมื่อเวลา 15.00 น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง มีพระพิธีธรรมจากวัดอนงคารามวรวิหาร และวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

สำหรับ ในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพนี้ สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ได้รับมอบหมายให้นำวงปี่พาทย์นางหงส์เครื่องใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยเครื่องดนตรี ปี่ชวา, ระนาดเอก, ระนาดเอกเหล็ก, ระนาดทุ้ม, ระนาดทุ้มเหล็ก, ฆ้องวงใหญ่, ฆ้องวงเล็ก, กลองทัด และฉิ่ง เข้าประโคมย่ำยามร่วมกับวงประโคมของสำนักพระราชวัง มาตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมาจนครบ 100 วัน วันละ 6 ครั้ง เพื่อประกอบพระราชอิสริยยศของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพ

นพค.54ช่วยหนุ่มสุรินทร์เกี่ยว

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าว่าหลังจาก นายสราวุธ อินทร์แพง อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 170 หมู่ 1 บ้านตาอ็อง ต.ตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์ มีจิตเป็นกุศลอันแรงกล้า จะเกี่ยวข้าวเปลือกหอมมะลิพันธุ์กข 15 ปลูกบนเนื้อที่ 16 ไร่ เป็นที่นาตนเอง คาดว่าจะได้ข้าวเปลือกหอมมะลิ 8-10 ตัน แล้วสีเป็นข้าวสาร เพื่อจะนำไปบริจาค ถวายเป็นพระราชกุศล โดยตั้งใจจะนำไปบริจาคให้กับโรงทานที่ท้องสนามหลวง เพื่อประกอบอาหารเลี้ยงประชาชนที่มาสักการะพระบรมศพ ตั้งใจจะเก็บเกี่ยวได้ในวันอาทิตย์นี้ แต่ยังขาดกำลังคนที่จะมาร่วมเก็บเกี่ยว ตากข้าว และรถบรรทุกที่จะนำไปยังท้องสนามหลวงตามที่นำเสนอข่าวไปนั้น

วันเดียวกันนี้ พ.อ.เจษฎา ศรีหมอก ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54 สำนักงานพัฒนาภาค 5 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 25,เกษตรจังหวัด ฝ่ายปกครองอำเภอเมือง ตัวแทนจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตาอ็อง และนายสราวุธเจ้าของแปลงนาข้าวหอมมะลิ ได้ร่วมหารือกัน เพื่อดำเนินการช่วยเหลือด้านต่างๆ เพื่อให้สำเร็จและนำไปบริจาคต่อไป พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่แปลงนาข้าวหอมมะลิ กข.15 ที่จะเก็บเกี่ยวเพื่อบริจาคถวายเป็นพระราชกุศล ขณะนี้ข้าวก็พร้อมที่จะเก็บเกี่ยว ซึ่งจะลงมือเก็บเกี่ยวในวันอาทิตย์ที่ 6 พ.ย.นี้ จากนั้นจะนำไปตากที่หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54 อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ และจะแปรรูปเป็นข้าวสาร พร้อมบรรจุถุง และเคลื่อนย้ายไปยังโรงทานหลวงที่สนามหลวงต่อไป โดยจะเป็นความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเข้าดำเนินการ

เจ้าตัวขอบคุณ-แชร์บุญให้ทุกคน

พ.อ.เจษฎา กล่าวว่า หลังจากทราบถึงความตั้งใจที่ดีงามของนายสราวุธ ที่บริจาคข้าวหอมมะลิในแปลงนา เข้าไปยังโรงทานหลวง ที่ท้องสนามหวง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันนี้ทุกภาคส่วนได้ลงพื้นที่ดูแปลงนาที่จะเก็บเกี่ยว และจะร่วมมือร่วมใจกันในการดำเนินการ ตั้งแต่กระบวนการเก็บเกี่ยว ตาก แปรรูปเป็นข้าวสาร หรือ สี บรรจุถุง และขนส่งไปยังสนามหลวงจุดที่ต้องการบริจาค ต้องขอขอบคุณทางด้านคุณสราวุธ ที่มีจิตใจน้ำใจและความตั้งใจที่ดี โดยจะเริ่มการดำเนินงานเก็บเกี่ยวในวันที่ 6 พ.ย.นี้

ด้านนายสราวุธ เปิดใจว่า ขอขอบคุณทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มีจิตใจเป็นกุศลที่เข้ามาให้ความร่วมมือดำเนินการในส่วนที่ขาดไป ซึ่งกำลังตนไม่เพียงพอ ทั้งเรื่องการเกี่ยวข้าว ตากข้าว และสีข้าว รวมทั้งการขนส่งไปถึงพี่น้องประชาชนที่ท้องสนามหลวงขอขอบคุณทุกท่านมาร่วมดำเนินการในส่วนที่ขาดไป จนขณะนี้ก็ครบทุกกระบวนการแล้ว ไม่มีอะไรขาดเหลือแล้ว

“ฝากถึงทุกท่านที่ได้โทรศัพท์มาให้กำลังใจทุกท่านทุกคนตั้งเมื่อวานนี้ จนถึงวันนี้ก็โทร.มาไม่ขาดสาย ร่วมทั้งที่อยู่ต่างประเทศ ที่ปลาบปลื้มที่ผมได้ตั้งใจทำด้วยความเต็มใจที่ถวายเป็นพระราชกุศล ขอบุญกุศลที่ทำในครั้งนี้ขอให้ย้อนไปถึงทุกท่านที่ให้กำลังใจและมีจิตเป็นกุศลที่เข้ามาร่วมดำเนินการ ขอขอบคุณมากครับ” นายสราวุธกล่าว

ปีติอาหารพระราชทานพระบรมฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จพระบรม โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงห่วงใยพสกนิกรที่มาแสดงความอาลัยถวายสักการะพระบรมศพ บริเวณท้องสนามหลวงและรอบพระบรมมหาราชวัง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เจ้าหน้าที่กองงานในพระองค์ฯ นำอาหารและน้ำดื่มพระราชทาน มาแจกจ่ายให้ที่เต็นท์บริเวณท้องสนามหลวง ฝั่งตรงข้ามประตูมณีนพรัตน์ หลายวันติดต่อกันแล้ว

สำหรับวันเดียวกันนี้ อาหารพระราชทานมี 4 เวลา ประกอบด้วย อาหารเช้า เวลา 07.00 น. เป็นข้าวเหนียวหมูปิ้ง 1,000 ชุด นม 2,000 กล่อง มื้อกลางวันเวลา 11.00 น. ข้าวหมูและไก่ทอดรวม 4,000 ชุด เฉาก๊วย 2,000 ถ้วย พร้อมน้ำดื่ม ช่วงบ่ายเวลา 16.00 น. ขนมไทยและเฉาก๊วย 1,000 ชุด น้ำสมุนไพร 500 ลิตร และมื้อเย็นเวลา 18.00 น. ข้าวขาหมูพะโล้ และผัดผัก 2,000 ชุดพร้อมน้ำดื่ม

ลุงเอี่ยมตื้นตันได้ถวายสักการะ

ต่อมาเวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พมจ.)จังหวัดนครปฐม พานายเอี่ยม คำภิรานนท์ อายุ 67 ปี ขอทานเงินล้านใจบุญ ซึ่งป่วยเป็นโปลิโอ แขนขาลีบ ที่อาศัยอยู่บริเวณวัดไร่ขิง จ.นครปฐม เข้ากราบสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยลุงเอี่ยมแต่งกายด้วยชุดสูทสีดำ ถือพระบรมฉายาลักษณ์ไว้แนบอกด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยว่า เมื่อคืนทราบข่าวว่าลุงเอี่ยมมีอาการเศร้าโศกเสียใจ กิน ไม่ได้ นอนไม่หลับ ที่ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชสวรรคต ตนจึงสั่งการให้ พ.ต.อ.สามารถ พรหมชาติ ผกก.สน.ธรรมศาลา ร่วมกับ พมจ.นครปฐม ลงพื้นที่ไปหาลุงเอี่ยมตั้งแต่เมื่อคืนและบอกว่าจะพามากราบสักการะพระบรมศพในวันนี้ ลุงเอี่ยมก็ดีใจมาก เพราะด้วยความที่ลุงเอี่ยมพิการ คงไม่มีโอกาสจะได้มาสักการะพระบรมศพ ตนทราบจากเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อคืนลุงเอี่ยมนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะตื้นตันใจที่จะได้มา

ช่วงบ่ายจัดแถวเดินเรียง4แถว

เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง หลายคนอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจและถือพระบรมฉายาลักษณ์ไว้แนบอก โดยเจ้าหน้าที่ได้จัดแถวประชาชนให้เข้ามาทางประตูมณีนพรัตน์ ในพระบรมมหาราชวัง ฝั่งทิศเหนือ อันเป็นสถานที่ตั้งของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ก่อนเดินผ่านทางระเบียงคดถึงประตูวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางเข้าเขตพระราชฐานชั้นใน แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนอมรวิถี หน้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้จัดแถวให้ยืนรอบริเวณหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ก่อนเข้าสักการะพระบรมศพในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทางประตูกำแพงแก้วฝั่งตะวันออก และเดินออกทางประตูเทวาภิรมย์

กระทั่งเวลา 16.00 น. สำนักพระราชวังได้เปลี่ยนทางเข้าสักการะพระบรมศพ จากประตูมณีนพรัตน์มาเป็นประตูวิเศษไชยศรี เจ้าหน้าที่ได้จัดแถวให้ประชาชนเดินเรียง 4 แถวอย่างเป็นระเบียบผ่านประตูพิมานไชยศรี และยืนตั้งแถวรอเข้าสักการะพระบรมศพหน้าบริเวณพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ก่อนเข้าสักการะพระบรมศพในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และเดินออกทางประตูเทวาภิรมย์ โดยประชาชนต่างมีสีหน้าเศร้าโศก บางคนถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ

‘พระองค์โสม’ประทานข้าวจี่

เมื่อเวลา 12.30 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จเป็นการส่วนพระองค์มายังรถเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ช่วยด้วยใจคนไทยไม่ทิ้งกัน มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ซึ่งจอดบริเวณด้านข้างมหาวิทยาลัยศิลปากร เพื่อทรงทอดไก่ประทานพร้อมข้าวเหนียวแก่พสกนิกรที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ โดยมีพสกนิกรจำนวนมากมาคอยชื่นชมพระบารมี สำหรับวันนี้มีไก่จำนวน 1,300 กิโลกรัม ข้าวเหนียว 500 กิโลกรัม

ทั้งนี้ เนื่องจากมีผู้นำไข่ไก่ 3,000 ฟองมาถวาย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ รับสั่งว่า “มีข้าวเหนียวอยู่แล้ว ก็เลยเอามาทำข้าวจี่” โดยระหว่างที่รอไก่ทอดสุก ทรงปรุงรสชาติของไข่ที่ใช้ชุบข้าวจี่ด้วยพระองค์เอง เป็นเมนูประทานอีก 1 เมนู ซึ่งเป็นการนำข้าวเหนียวมาปั้นเป็นชิ้นพอคำ ชุบไข่ แล้วนำไปทอด โดยมีรับสั่งว่า “ให้ประชาชนได้รับประทานรองท้อง ระหว่างรอข้าวเหนียวไก่ทอด อยากให้ทานตอนร้อนๆ และให้บอกด้วยว่า อร่อยมั้ย” สร้างความปลื้มปีติแก่พสกนิกรเป็นอย่างมาก

กทม.วางเลย์เอาต์สนามหลวง

ที่ศาลาว่าการกทม. รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการปรับพื้นที่ท้องสนามหลวงเพื่อสร้างพระเมรุมาศในพื้นที่ท้องสนามหลวงฝั่งทิศใต้นั้น ล่าสุดในวันที่ 4 พ.ย.นี้ สำนักการโยธา กทม. จะทำงานร่วมกับกองทัพภาค 1 ลงพื้นที่วางเลย์เอาต์ในบริเวณสนามหลวงฝั่งทิศเหนือ เพื่อกำหนดจุดว่าหน่วยงานใดอยู่ตรงไหนอย่างไร ในพื้นที่ทั้งหมด 23,000 ตารางเมตร โดยจะมีเต็นท์ขนาด 10×20 เมตร สำหรับประชาชนพักผ่อนทั้งหมด 72 เต็นท์ เต็นท์ทางเดินและรับประทานอาหารขนาด 5×12 เมตร จำนวน 32 เต็นท์ และมีเต็นท์อาหารขนาด 4×8 เมตร จำนวน 36 เต็นท์ รถสุขาเคลื่อนที่จำนวน 10 หลัง ประปา 20 จุด และตู้ไฟฟ้าประมาณ 6 ตู้ ขณะเดียวกันจะมีจอแอลซีดี 3 จุด และเวที 1 จุดติดตั้งในสนามหลวงทางทิศเหนือฝั่งใกล้กับกึ่งกลางของสนามหลวง โดยมีเต็นท์พยาบาลกระจายรอบสนามหลวงฝั่งเหนือทั้งหมด 4 จุดใหญ่ นอกจากนี้จะปรับทางลาดไว้สำหรับผู้พิการจำนวน 5 จุดไว้สำหรับเข้าออกด้วย

เวลา 15.40 น. นายคุนิฮิโกะ มุโรอิ สมาชิกวุฒิสภาญี่ปุ่น เดินทางมาลงนามในสมุดแสดงความไว้อาลัย ณ ศาลาว่าการพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง

เวลา 19.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีพระพิธีธรรมจากวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร และวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร สวดพระอภิธรรม รวม 8 รูป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน