หนุ่มใหญ่ นครราชสีมา ร้อง เจอสาวมิจฉาชีพเอาตัวเข้าแลก หลอกให้รัก หลอกเอาเงิน หลอกลงทุน เสียหายไปเกินครึ่งล้าน ไม่อยากให้ใครเจอแบบนี้
ในปัจจุบัน มิจฉาชีพ มาในหลากหลายรูปแบบ แม้จะมีกรณีตัวอย่างให้เห็นเยอะขนาดไหน ก็ยังมีเหตุใหม่เกิดขึ้นในทุกวัน
ล่าสุด ผู้เสียหายรายได้หนึ่งได้ร้องทุกข์ผ่าน ข่าวสดออนไลน์ เตือนภัยสังคมเกี่ยวกับแก๊งมิจฉาชีพ ที่เข้ามาหลอกโดยการเอาตัวเข้าแลก หลอกลงทุนซื้อที่ดิน ทำให้เหยื่อสูญเสียเงินกว่า 600,000 บาท ก่อนเข้าแจ้งความกับตำรวจเพื่อออกหมายจับและนัดเคลียร์กับคู่กรณี
โดยผู้เสียหาย คือ คุณอัพ เล่าว่า เดือนกรกฎาคม 2566 มีผู้หญิงคนนึงทักมาหาผ่านเฟซบุ๊ก หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้นัดเจอกัน ฝ่ายหญิงขับรถมาหาที่ จ.นครราชสีมา คุยกันประมาณ 10 นาที
ผู้หญิงบอกว่า ไม่มีงานทำ ไม่มีเงินใช้ อยากได้สัก 16,000 บาท เอาไปลงทุนไลฟ์สดขายครีม แต่ฝ่ายชายบอกว่า “พี่ไม่มีตัง” จากนั้นก็ขับรถไปรีสอร์ทและมีเพศสัมพันธ์กัน แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน
ต่อมาในวันเดียวกันช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. ก็มีสายอ้างว่าเป็นแม่ของผู้หญิงคนดังกล่าว โทรมาว่า ตอนนี้พาน้องผู้หญิงมาโรงพยาบาล น้องยังอายุไม่ถึง 17 ปี และถามว่าจะเอายังไง แต่ไม่มีบัตรประชาชนยืนยันอายุ เพราะทำหาย
พร้อมอ้างว่าพ่อของผู้หญิงเป็นผู้พันตำรวจเอก ถ้ารู้เรื่องต้องเอาเรื่องแน่นอน ด้วยความมีหน้ามีตาในพื้นที่จึงกลัวว่าจะเกิดปัญหา อยากจบเรื่อง อีกฝ่ายจึงให้โอนเงิน 50,000 บาท
รวมๆแล้วในเคสแรกคุณอัพกล่าวว่าโดนเรียกเงินรวมกว่า 300,000 บาท ซึ่งทราบภายหลังว่าจริงๆแล้วผู้หญิงอายุ 29 – 30 ปี
ไม่นานหลังจากนั้น แม่ของฝ่ายหญิงก็โทรมา บอกว่ามีที่ดิน 5 ไร่อยู่ติดถนนแถว อ.ปักธงชัย จะคืนเงินที่เอาไปให้ แต่อยากให้ช่วยออกเงินลงทุนให้ก่อน
ครั้งแรกที่โดนรีดเงินอีกครั้งคือต้นเดือน มิถุนายน 2567 ให้จ่ายค่าวัดที่ดิน 16,000 บาท ทั้งยังเสียค่าทำรั้วกั้นไป 80,000 กว่าบาท ต่อมาฝั่งนั้นก็เริ่มปั้นเรื่องว่า ทางป้าไม่ยอมเซ็นโอน บอกว่าลูกสาวป้าเป็นตำรวจอยู่ที่กองพิสูจน์หลักฐาน ไม่ยอม ที่ดินมันมีราคา อยากได้เงินสัก 300,000
จึงมาขอเพิ่มอีก 250,000 บาท ก็เริ่มรู้สึกว่าทำไมจำนวนเงินมันเยอะจัง คุณอัพเอารถไปจำนำ รีไฟแนนซ์ก็แล้ว ทั้งเงินส่วนตัว เบ็ดเสร็จรวมเงินที่ตนโอนไปให้ทั้งสิ้น 342,200 บาท
พอฝั่งนั้นอ้างว่าเงินขาดอีก 25,000 บาท คุณอัพจึงเริ่มไปตามสืบว่าที่ดินดังกล่าวในอำเภอนี้ มีคนตามชื่อนี้ได้ครอบครองไหม ซึ่งปรากฎว่าทางกรมที่ดินบอกว่าไม่มีใครมาทำธุรกรรมเรื่องนี้เลย
คุณอัพจึงรู้แล้วว่าโดนหลอกแน่ๆ จึงเข้าไปแจ้งความในเขตท้องที่ ร้อยเวรแนะนำว่า ถ้ามีการโอนที่ ต้องมีการลงชื่อขอใบโฉนด พอไปถามชุดสืบใน จ.นครราชสีมา พบว่าผู้หญิงคนต้นเรื่องดังกล่าวมีประวัติการฉ้อโกงในปี 2559 เป็นกลุ่มคนที่ต้องการจับตัวแต่ยังจับไม่ได้
ล่าสุดวันนี้ คุณอัพได้เคลียร์กับมิจฉาชีพคู่กรณี อีกฝ่ายยอมรับผิดและตกลงว่าจะจ่ายเงินคืนให้ 300,000 บาท ตอนนี้จ่ายมาแล้ว 50,000 บาท เหลืออีก 250,000 บาท ซึ่งต้องจ่ายให้ครบภายในปีนี้ และกำลังจะแจ้งข้อหาจากที่โดนหลอกเอาเงินปีที่แล้วเพิ่มเติมด้วย
ทั้งนี้คุณอัพอยากเตือนภัยแก๊งมิจฉาชีพกับประชาชนทั่วไป ให้รู้ให้เท่าทันกลโกง เพราะทำกันเป็นขบวนการ เตรียมการมาอย่างดี มีชุดทนาย ทำให้เราหลงเชื่อโดยการเอาตัวเข้าแลกเพื่อหลอกเหยื่อให้หลงกล ทำให้เหยื่อต้องสูญเสียเงินไปเยอะจนเกิดเป็นหนี้สิน สูญเสียความรู้สึกที่ถูกหลอก
ไม่อยากให้คนอื่นเจอแบบนี้ ควรต้องเช็คบัตรประชาชนคนที่เข้ามาติดต่อ อย่าไปหลงเชื่ออะไรง่ายๆ ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ เขาเอาความโลภมาหลอกล่อเอาเงินเราไป
และฝากถึงมิจฉาชีพว่า ในเศรษฐกิจแบบนี้ ทุกคนก็ล้วนลำบวกในการทำมาหากิน การที่ไปหลอกลวงคนอื่น ยิ่งทำให้เขามีความเป็นอยู่ที่ลำบากขึ้นไปอีกจากการเป็นหนี้สิน
ถ้ากลับกันลองถูกหลอกบ้าง ก็จะลำบากในภายหลัง มิจฉาชีพทุกรูปแบบ หนีตำรวจไม่พ้นหรอก สักวันต้องโดนจับแน่นอน เป็นกรรมติดจรวด