เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 9 เม.ย. ที่ ศาลาหน้าเมรุ วัดราชสิงขร พระอารามหลวง ถนนเจริญกรุง นางลัดดา เชิดชูบุพการี มารดา และ นางอัจฉรา โคจรสวัสดิ์ คุณป้าของ น.ส.ณัฐนิชา เชิดชูบุพการี หรือ น้องอิน อดีตนักแสดงเด็กชื่อดัง อายุ 21 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากการประสบอุบัติเหตุรถเสียหลักชนต้นไม้แถวสะพานข้ามทางรถไฟเชียงราก เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา เปิดใจชี้แจงกับสื่อมวลชนหลังรับทราบการเสนอข่าวในประเด็นต่างๆ รวมถึงเรื่องส่วนตัวของบุตรสาวที่เผยแพร่อยู่ในขณะนี้ พบว่ามีข้อมูลทั้งที่เป็นความจริงและไม่ตรงกับความจริงจนทำให้เกิดความไม่สบายใจ ทั้งนี้ยังระบุด้วยว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์ครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย เนื่องจากต้องการให้ “น้องอิน” จากไปอย่างสงบที่สุด

เมื่อเวลา 17.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางลัดดา คุณแม่ของดาราสาวผู้ล่วงลับ ยังอยู่ในอาการโศกเศร้า ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงสะอื้นทั้งน้ำตาว่า วันนี้ตนขอชี้แจงเรื่องที่เป็นประเด็น ก่อนอื่นตนต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนที่มากันวันนี้ สาเหตุที่ต้องออกมาแถลงข่าวเนื่องจากในขณะนี้ได้มีกระแสข่าวของน้องอินในหลายประเด็นและหลายช่องทาง ซึ่งมีทั้งข่าวลบและบวก ตนในฐานะผู้สูญเสียจึงอยากขอเปิดใจในการให้สัมภาษณ์กับสื่อทุกช่องทุกทางซึ่งการชี้แจงในครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ตนจะพูด จึงอยากขอความเห็นใจจากทุกท่านอยากขอให้จบเรื่องที่เป็นกระแสข่าว ณ ปัจจุบันนี้ซึ่งมีทั้งจริงบ้างไม่จริงบ้าง อยากให้น้องจากไปอย่างสงบเพราะตนเหลือเวลาอยู่กับน้องอินอีกแค่ 2 วันเท่านั้น วันพุธนี้น้องอินก็จะต้องจากตนไปตลอดชีวิตแล้ว จึงอยากขอร้องให้ทุกสื่อช่วยยุติการประโคมข่าวทุกเรื่องของน้องอินและยุติการแชร์ในทุกสื่อทั้งหมด รวมถึงอยากให้สังคมเห็นใจและเห็นถึงคุณงามความดีของน้องอินมากกว่า เพื่อให้น้องอินจากไปอย่างสงบที่สุดในวาระสุดท้ายของชีวิต

ด้านนางอัจฉา โคจรสวัสดิ์ คุณป้าของดาราสาวผู้ล่วงลับ ซึ่งเดินทางมาจากเชียงใหม่ สะอื้นไห้พร้อมกล่าวว่า ในนามของตนที่เป็นคุณป้าของน้องอินมาตลอดระยะเวลา 20 กว่าปี น้องอินโตมาเขาต้องเริ่มทำงานตั้งแต่เด็ก เขาเป็นเด็กที่มีความกตัญญู หนักเอาเบาสู้ สารพัดทุกเรื่องที่จะทำ สังคมไทยเราทำไมไม่นึกถึงจุดที่ดี ทำไมจะต้องไปนึกถึงจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่น้องเขาเป็นวัยรุ่นทั่วไป

“ป้าขอนะคะ(ยกมือไหว้พร้อมปล่อยโฮอย่างหนัก) ขอไปถึงทุกๆ คน ให้เห็นใจครอบครัวเรา ที่เราต้องสูญเสียครั้งนี้ น้องอายุแค่นี้เป็นเรื่องธรรมดามากด้วย ถ้าเกิดขึ้นกับครอบครัวไหนเราไม่รู้ว่าพวกคุณจะทนสภาพกับครอบครัวนี้ไปได้นานแค่ไหน ทุกคนรู้ไหมคะ ตลอดระยะเวลาที่น้องมีชีวิตอยู่ น้องต้องดูแลแม่ตามลำพัง ทั้งๆ ที่เราเป็นพี่ป้าน้าอา ทำได้แค่คอยดูแลเขาอยู่ห่างๆ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ทำไมสังคมบ้านเราซึ่งเป็นสังคมพุทธจะต้องมองเห็นในจุดที่ไม่ควรจะมองเห็น ทำไมไม่ดูสิ่งที่น้องทำมาหากิน ลำบากตั้งแต่อายุ 4 ขวบ จนถึงปัจจุบัน แล้วน้องเขายังทำงานจนถึงสาระสุดท้าย”

“ป้าและครอบครัวขอความเห็นใจกับทุกๆ สังคมไทย ทุกๆ สื่อ ขอให้น้องอินไปดี เจอแต่สิ่งดีๆ พูดถึงเขาในเรื่องที่ดีๆ ได้ไหมคะ ครอบครัวเราขอร้องนะคะ(ยกมือไหว้) ขอร้องไปถึงทุกๆ คนเลยค่ะ(สะอื้นไห้อย่างหนัก)” นางอัจฉรากล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ติดใจอะไรที่ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวานไหม นาวอัจฉรา กล่าวว่า เราไม่มีอะไรจะพูดมากไปกว่านี้แล้วค่ะ เพราะเราสูญเสียเกินกว่าที่พวกคุณจะเข้าใจว่า การที่เราสูญเสียลูกหลานไปในครั้งนี้ ในขณะที่เขาอายุยังน้อยมันเจ็บช้ำแค่ไหน ถ้าเกิดว่าพวกคุณทุกคนมายืนในจุดที่เรายืนอยู่ คุณจะรู้ว่าเราเจ็บช้ำทางร่างกายและจิตใจขนาดไหน เราขอนะคะ ถ้าจะพูดถึงน้องอิน ขอให้พูดถึงแต่เรื่องคุณงามความดีที่เขาเป็นเด็กกตัญญูเลี้ยงดูแม่มาจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต เราขอนะคะ (ยกมือไหว้) ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน