เผยเรื่องขนลุกระหว่างเชิญวิญญาณตึก สตง.ถล่ม หนุ่มกู้ภัยร้องลั่นไม่เป็นตัวเอง บอก “หิว-ช่วยด้วย” ญาติเล่าขนลุก ระหว่างเลี้ยงโต๊ะจีน บอกแม่-น้องในซากตึก เลิกทำโอทีที่แสนยาวนานได้แล้ว
จากกรณีมูลนิธิร่วมกตัญญู นำโดย บิณฑ์ และ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ จัดเลี้ยงโต๊ะจีนให้กับดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตเหตุตึก สตง.ถล่ม บริเวณจุเกิดเหตุ หลังนั่งสมาธิแล้วสัมผัสได้ถึงดวงวิญญาณ โดยบอกว่า หิวข้าวมาก จึงได้มีการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนให้ดังกล่าว อ่านข่าว ร่วมกตัญญู เลี้ยงโต๊ะจีน อุทิศส่วนบุญให้ผู้เสียชีวิต เหตุตึก สตง.ถล่ม ‘บิณฑ์’ เผยวิญญาณมาขอให้ช่วย
วันที่ 30 เม.ย.68 เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ เล่าเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินอัญเชิญดวงวิญญาณบริเวณซากปรักหักพังของตึก สตง. ว่า ระหว่างที่ตนเดินตามพี่บิณฑ์ ซึ่งกำลังเดินอ่านรายชื่อผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายอยู่นั้น สักพัก “ดล” เจ้าหน้าที่มูลนิธิอีกคนที่กำลังถ่ายภาพอยู่ จู่ๆ ก็ล้มลงไปกับพื้นและชักเกร็ง ก่อนจะร้องโวยวาย “หิวๆๆๆๆ”
ตนก็ตกใจ รู้สึกว่าหน้าตาดลตอนนั้นไม่เหมือนดลปกติ ร้องปากซีด ปากแห้ง หน้าตาแดงก่ำ ร้องโวยวาย ตนจึงบอกไปว่า “เดี๋ยวพี่ท็อป กับพี่บิณฑ์ เขาจะเลี้ยง (อาหาร) อยู่แล้ว ไม่ต้องกลัว 6 โมงเดี๋ยวเขาจุดธูป แล้วมากินกับเขาเลย เขาเลี้ยงทั้งหมดเลย” ดลก็บอกว่า “หิวมาก ช่วยด้วย หิวมาก” อะไรประมาณนี้ ก่อนจะนั่งสงบสติอารมณ์สักพักหนึ่ง
จากนั้นดลก็ยกมือไหว้ บอกว่า “ช่วยด้วยๆ” ซึ่งตนรู้จักดลมา 30 ปี ไม่เคยเห็นดลเป็นแบบนี้ และดลก็เป็นสายมู มีครูบาอาจารย์ที่นับถือ วิญญาณเข้ายากมาก แต่นี่เดินแป๊บเดียวลงไปชักเลย ซึ่งจุดที่เกิดเหตุการณ์นี้เป็นโซน C เป็นจุดที่มีผู้เสียชีวิตมาก แต่ตนก็ไม่รู้ว่าของจริงหรือของปลอม แต่ไม่ลบหลู่เขา
นอกจากนี้ยังเล่าเรื่องราวของหลวงปู่ทวดองค์หนึ่ง โดยบอกว่าเป็นของสามีภรรยาคู่หนึ่งซึ่งเป็นคนงานของตึก สตง. ที่มาทำงานในวันที่ตึกถล่ม แต่วันดังกล่าว ฝ่ายสามีที่ปกติจะห้อยสร้อยหลวงปู่ทวดองค์นี้ออกจากห้องพัก กลับลืมหยิบสร้อยไป ภรรยาจึงหยิบไปแทน ตั้งใจจะเอาไปให้สามี แต่ยังไม่ทันได้ให้ ก็เกิดเหตุตึกถล่ม โดยสามีเสียชีวิต ส่วนภรรยารอดตายจากการถูกคานทับ และมีเพื่อนร่วมงานช่วยเหลือลากตัวออกมา โดยเจ้าตัวเชื่อว่ามาจากอิทธิฤทธิ์ของหลวงปู่ทวด
ด้านครอบครัวของผู้ประสบภัย บอกว่า ตอนทำพิธีเลี้ยงโต๊ะจีน รู้สึกขนหัวลุกตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้สึกเหมือนพวกเขาออกมารับประทานอาหาร ไม่แน่ว่าเขากินเสร็จวันนี้อาจจะพากันออกมาก็ได้ ตนก็บอกวิญญาณน้องสาวว่า “กินให้เต็มที่ ให้เมาให้ปลิ้นเลย แล้วก็ออกมา พาแม่ออกมาด้วย” ทั้งนี้น้องสาวเคยพูดไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้วว่า ถ้าเขาตาย เขาจะไม่ตายแบบชาวบ้านชาวเมืองเขา เขาจะตายแบบอลังการงานสร้างเลย จะไม่ทำให้ตนเองเดือดร้อนเรื่องเงิน และจะทำให้ตนมีเงิน”
แต่ตนก็ไม่คิดว่าจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ก็เลยบอกน้องสาวว่า “ดังพอหรือยัง ออกมาได้แล้ว ถ้าไม่ออกมาสักที จะเอาพลุไปจุดให้แล้วนะ เพราะตะโกนเรียกมันไม่ดัง ต้องจุดพลุถึงจะดัง” ตอนนี้ตนก็ยังรอน้องสาวและแม่อยู่ ทราบว่าทั้งคู่น่าจะลงมาถึงชั้น 1 ของตึกแล้ว
ส่วนพิธีนี้ก็เป็นความเชื่อของคนไทย เรามองไม่เห็น เราก็ต้องเชื่อบ้าง แต่พวกเขาทุกคนรับรู้และคงอยากออกมาเหมือนกัน พรุ่งนี้วันแรงงาน (1 พ.ค.) ทุกคนก็น่าจะออกมาหมดแล้ว เพราะว่าถึงเวลาพักผ่อนของเขาแล้ว โอทีที่แสนยาวนานก็คือพอได้แล้ว ไม่ต้องทำแล้ว กลับบ้านได้แล้ว
ด้านพี่มด ญาติของผู้ประสบภัย เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า การจัดพิธีเลี้ยงโต๊ะจีนผีในครั้งนี้ตนรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ดีและเป็นความสบายใจของญาติ เพราะตนก็มีแม่และน้องสาวที่ติดอยู่ด้านใน เชื่อว่าหลังจากนี้จะสามารถเรียกดวงวิญญาณของทั้ง 2 และนำร่างออกมากลับบ้านไปที่จังหวัดนครราชสีมา เพราะตอนนี้ตนก็รอมากว่าหนึ่งเดือนแล้ว อยากจะให้ทั้งคู่ได้กลับบ้านไปด้วยกัน
พรุ่งนี้ 1 พฤษภาคม เป็นวันแรงงานแล้ว อยากให้ทุกคนได้กลับบ้านไปพักผ่อน และเลิกทำโอทีที่ผ่านมานานกว่าหนึ่งเดือนได้แล้ว และเมื่อถามว่า อยากจะจะทานอาหารที่อยู่บนโต๊ะจีนนั้นหรือไม่ พี่มดบอกว่าในเมื่อญาติของตนกินได้ตนก็ต้องกินได้เช่นเดียวกัน โดยหลังจากนี้ตนก็จะไปร่วมนั่งรับประทานอาหารบนโต๊ะจีนผีกับญาติผู้ประสบภัยท่านอื่นๆ