รู้จัก CEO ที่ “อันตราย” ที่สุดในโลก AI จากทำแอพฯเล่นช่วงปิดเทอม สู่มหาเศรษฐีในวัย 28 ปี ล่าสุด Meta จ่าย 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเชิญมาร่วมงาน
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568 สื่อต่างประเทศรายงาน ขณะที่ทั่วโลกกำลังจับตาศึกปะทะวาจาระหว่างเจ้าพ่อเทคโนฯ “อีลอน มัสก์” (Elon Musk) และ “แซม อัลท์แมน” (Sam Altman) ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ OpenAI
ท่ามกลางสงครามวาจา ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังควบคุมกุญแจสำคัญของอำนาจในอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั้งหมดอย่างเงียบ ๆ เขาคือ “Alexandr Wang” CEO วัย 28 ปีแห่ง Scale AI หัวใจสำคัญของอุตสาหกรรม AI ระดับโลก
ล่าสุดก็เขย่าวงการธุรกิจโลกสั่นสะเทือน เมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ Meta ตัดสินใจจ่ายเงินจำนวนมหาศาลกว่า 15,000 ล้านเหรียญ (เป็นเงินไทยเกือบ 500 ล้านบาท) หรืออาจมากกว่านั้น เพื่อเชิญให้เขามาร่วมทำงานในแล็บ “ซูเปอร์ AI” ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้น

ภาพประกอบ
ทำความรู้จัก “Alexandr Wang” กุญแจสำคัญในอุตสาหกรรม AI
เริ่มต้นจาก เด็ก 19 ที่ฝึกทำแอพฯเล่น ๆ เพราะอยากรู้ว่านมในตู้เย็นหมดหรือยัง ?
“Alexandr Wang” อาจไม่ใช่คนที่คุ้นเคยในหน้าหนังสือพิมพ์เหมือนกับ “เจ้าพ่อ” เทคโนโลยีคนอื่น ๆ แต่ตำแหน่งของเขาในอุตสาหกรรม AI มีอิทธิพลมากกว่าที่หลายคนคิด สิ่งที่ทำให้ Wang กลายเป็น CEO ที่อันตราย ไม่ใช่เพราะลีลาการพูดที่ทรงพลัง หรือการฟาดฟันทางวาจาในที่สาธารณะ แต่เป็นเพราะเขา คือ ผู้ที่กุมกุญแจสำคัญอันเป็นหัวใจหลักในโลก AI
เขาเติบโตในครอบครัวนักฟิสิกส์ ที่ทำงานเกี่ยวกับโครงการอาวุธ ที่ Los Alamos National Lab ใน New Mexico ซึ่งได้รับเลือกเป็นสถานที่ลับสุดยอดที่สหรัฐฯ ใช้ในการพัฒนาระเบิดปรมาณูลูกแรกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ในวัยเด็ก Wang เคยเข้าร่วมการแข่งขันคณิตศาสตร์และการเขียนโปรแกรมระดับประเทศ โดยสนามแข่งแรกของเขาเริ่มต้นในชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพิชิตตั๋วเข้าชม Disney World ฟรี อย่างไรก็ดี ในการแข่งขันนั้นเขาพ่ายแพ้ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นแห่งวงการนี้

ภาพประกอบ
เขาเริ่มเรียนรู้ AI จากปัญหาเล็ก ๆ ที่ว่า “เราจะรู้ได้ยังไงว่าควรซื้อของเข้าตู้เย็นเมื่อไหร่?”
Wang จึงสร้างกล้องในตู้เย็นไว้เพื่อตรวจจับว่าสิ่งของต่าง ๆ หมดหรือยัง โดยเฉพาะนม ทว่าเขากลับพบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือ ไม่มีข้อมูลที่เพียงพอในการฝึกระบบ AI ให้รู้ว่าสิ่งที่กล้องเห็นคืออะไร ทั้งยังได้รู้อีกว่า เพื่อนร่วมวงการหลายคนก็กำลังเผชิญกับปัญหาเดียวกัน
ในวัย 17 ปี เขาเริ่มทำงานเขียนโค้ดเต็มเวลาที่เว็บไซต์ Quora นั่นทำให้เขาได้พบกับ Lucy Guo ผู้ร่วมก่อตั้งของ Scale AI อีกคนหนึ่ง
ก่อนที่ต่อมาในวัย 19 ปี เขาจะเข้าศึกษาต่อที่ MIT ด้านปัญญาประดิษฐ์ โดยเรียนได้เพียง 1 ปีเท่านั้น ก็ตัดสินใจมาทำธุรกิจอย่างเต็มตัว ด้วยเงินสนับสนุนจาก Y Combinator
Wang ยังเผยกับสื่อในเชิงขบขันอีกว่า “ในตอนแรก ผมบอกพ่อกับแม่ว่า ผมแค่จะลองทำสิ่งนี้ดูช่วงปิดเทอมหน้าร้อน แต่รู้อะไรมั้ย ผมก็ไม่เคยกลับไปเรียนอีกเลย”

ภาพประกอบ
ทั้งหมดนี้ คือ ที่มาของบริษัท Scale AI ที่ก่อตั้งในปี 2016 ขณะที่ Wang อายุเพียง 19 ปี
หากมองเผิน ๆ บริษัทของเขาอาจดูเรียบง่าย ไม่ต่างจากบริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรม AI แต่แท้จริงแล้ว “ข้อมูล” คือวัตถุดิบสำคัญในการสร้างนวัตกรรม AI ทุกความก้าวหน้าของ OpenAI, Google หรือ Microsoft ล้วนต้องผ่านมือของ Wang ก่อนจะเผยแพร่สู่สาธารณะ
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ Scale AI ไม่ได้ให้บริการเพียงบริษัทเดียว แต่ยังมีลูกค้าใช้บริการจำนวนมาก รวมไปถึงเหล่ายักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอย่าง OpenAI, Microsoft, Google และแน่นอนรวมถึง Meta ด้วย
นี่หมายความว่า Wang สามารถมองเห็นกลยุทธ์การพัฒนา จุดอ่อน และขั้นตอนต่อไปของบริษัทใหญ่ทั้งหมดก่อนที่ใครจะรู้
ยิ่งไปกว่านั้น Wang ไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะตลาดเอกชน เขายังทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ ในการสร้าง “กองทัพ AI” ที่ครอบคลุมงานด้านการทหาร โดยได้รับเงินว่า 60.6 ล้านเหรียญจากสัญญารัฐบาล และถูกนำไปใช้วิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมในสงครามยูเครน
Wang เชื่อว่า AI สร้างสรรค์ (Generative AI) จะมีบทบาทในภาคทหารมากขึ้น และอาจเปลี่ยนรูปแบบสงครามไปโดยสิ้นเชิง หากได้รับการฝึกฝนด้วยข้อมูลจากทหารกว่า 1.3 ล้านนายของสหรัฐ
ทั้งหมดนี้ ทำให้ Wang กลายเป็นมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลกในปี 2022 ขณะอายุเพียง 25 ปี ด้วยหุ้น 15% ใน Scale AI ที่มีมูลค่า 13.8 พันล้านเหรียญ สินทรัพย์สุทธิของเขาปัจจุบันเกิน 2 พันล้านเหรียญ แต่ที่สำคัญกว่านั้น เขาได้สร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ทรงพลังอย่างยิ่งในวงการเทคโนโลยี

ภาพประกอบ
นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ส่วนตัวของเขากับบุคคลสำคัญในอุตสาหกรรม AI ก็น่าสนใจเช่นกัน มีภาพความสนิทสนมระหว่าง Wang และ “แซม อัลท์แมน” (Sam Altman) CEO ของ OpenAI และทั้งคู่ปรากฏตัวในพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ปรัชญาของ Wang ชัดเจนมาก คือ “มีสองสิ่งที่ผมเชื่อมั่นลึกซึ้ง อย่างแรก AI เป็นพลังยิ่งใหญ่เพื่อสิ่งดีงาม และจำเป็นต้องถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่างที่สอง เราต้องมั่นใจว่าอเมริกา คือ เจ้ามหาอำนาจ”
Meta ควักกระเป๋า จ่าย 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเชิญ Wang มาร่วมงาน
การดึงตัว Alexandr Wang มาร่วมงานนั้นช่วยเสริมจุดแข็งของ Meta ตามวิสัยทัศน์ของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) CEO แห่ง Meta ที่ให้ความสำคัญกับ AI เป็นอย่างมากในปีนี้
นี้ไม่เพียงทำให้ Scale AI เติบโตอย่างแข็งแกร่ง นำมาซึ่งแหล่งเงินทุนมหาศาล แต่ยังยืนยันตำแหน่งของ Wang ในฐานะผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกเทคโนโลยี และนั่นคือเหตุผลที่เขาถูกมองว่าเป็น CEO ที่ “อันตราย” ที่สุดในโลก AI ในปัจจุบัน
ที่มา : SOHA, AP, vnexpress, forbesthailand